สาธารณรัฐอิสลามอิหร่านประหารชีวิตผู้ทำผิดด้วยการยิงเป้า แขวนคอ มีการประหารชีวิตต่อหน้าสาธารณะนักโทษมากกว่า 100 คนต่อปี เป็นการประหารชีวิตผู้กระทำผิดคดีฆาตกรรม ปล้นด้วยอาวุธ ค้ายาเสพติด ลักตัวเรียกค่าไถ่ ข่มขืน ลักทรัพย์ในเคหสถาน ลวนลามทางเพศ มีเพศสัมพันธ์กับเด็ก มีเพศสัมพันธ์ที่ผิดธรรมชาติ รักเพศเดียวกัน การร่วมประเวณีที่ผิดประเพณี (มีเพศสัมพันธ์กับผู้ใกล้ชิดทางสายเลือด) มีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน การคบชู้ โสเภณีการก่อความไม่สงบ การสร้างความขัดแย้งกับรัฐบาล การก่อวินาศกรรม การลอบวางเพลิง การจารกรรม กบฏ ก่อการร้าย ความผิดที่เกี่ยวข้องกับการทหาร การละทิ้งศาสนา การไม่ศรัทธาต่อศาสนา การเป็นปรปักษ์ต่อพระเจ้า การสบประมาทเหยียดหยามศาสนา การกระทำผิดซ้ำในการดื่มสุรา การผลิตหรือเผยแพร่สิ่งลามกอนาจาร ฯลฯ เหล่านี้มีโทษประหารทั้งสิ้นเคยมีข่าวศาลอิหร่านสั่งประหารด้วยการให้ประชาชนใช้ก้อนหินขว้างใส่จนตาย ที่พวกตะวันตกนำมาเผยแพร่ซ้ำอยู่บ่อยๆ ก็คือกรณีของนางซากิเนห์ มูฮัมมาดี อัชเทียนี อายุ 43 ปี แม่ของลูกสอง ที่ศาลอิหร่านสั่งให้ประหารเธอด้วยการให้ประชาชนร่วมใช้ก้อนหินขว้างใส่เธอจนตายจากความผิดโทษฐานมีชู้อีกคดีหนึ่งซึ่งเกิดเมื่อกุมภาพันธ์ พ.ศ.2559 ศาลอิหร่านสั่งลงโทษประหารชีวิตประชากรชายทั้งหมู่บ้าน ข้อหามีเหตุพัวพันเกี่ยวกับการค้ายาเสพติด การตัดสินครั้งนั้นคนทั้งโลกไม่เห็นด้วย แต่นายโมลาเวอร์ดี (Shahindokht Molaverdi) รองประธานด้านสตรีและครอบครัวออกมาให้เหตุผลว่า “ประชากรชายในหมู่บ้านนั้นทั้งหมดถูกตัดสินลงโทษประหารชีวิต แม้กระทั่งเด็ก เพราะพวกเขามีแนวโน้มที่จะโตมาเป็นผู้ค้ายาเช่นกันและจะหาช่องทางแก้แค้นให้กับครอบครัวของเขาอย่างแน่นอน” ซึ่งเรื่องนี้เปิดฟ้าส่องโลกเคยรับใช้ผู้อ่านท่านที่เคารพมาแล้วครั้งหนึ่ง7 มีนาคม 1979 โคไมนี ผู้นำการปฏิวัติอิสลามมีคำตัดสินชี้ขาดให้ผู้หญิงทุกคนต้องสวมผ้าคลุมศีรษะในที่ทำงาน คนอิหร่านจำนวนหนึ่งมีทัศนคติว่าผู้หญิงที่ไม่คลุมศีรษะคือคนที่ร่างกายเปลือยเปล่า การออกกฎอย่างนี้ ทำให้สตรีออกมาประท้วงเป็นแสนคน หลังจากนั้นก็เริ่มมีผู้คนทั้งชายหญิงออกมาแจกของขวัญเป็นผ้าคลุมศีรษะให้แก่สตรีตามท้องถนน ค.ศ.1983 สภาอิหร่านออกกฎหมายให้หญิงที่ไม่คลุมผมต้องถูกลงโทษด้วยการเฆี่ยน 74 ครั้ง ต่อมามีการเพิ่มโทษจำคุกสูงสุด 60 วันด้วยที่อิหร่านจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เรียกว่าตำรวจศีลธรรม ออกตรวจสตรีที่ถูกมองว่าแต่งกายไม่เหมาะสม คนที่แต่งกายไม่เหมาะสมจะถูกควบคุมตัวไว้จนกว่าจะมีญาติมาให้การรับรองว่าพวกเธอจะไม่ทำผิดกฎนี้อีก หลายคนถูกจับเพราะลิปสติก บางคนถูกจับเพราะรองเท้าบูตที่ตำรวจศีลธรรมมองว่ายั่วยวนผู้ชาย เมื่อญาติมารับต้องนำรองเท้าคู่อื่นมาเปลี่ยนใส่กลับบ้านหลังจากมีโซเชียลมีเดีย สตรีอิหร่านต่อต้านกฎหมายดังกล่าวด้วยการถ่ายภาพหรือคลิปวิดีโอของตัวเองที่ไม่สวมผ้าคลุมศีรษะกันมากขึ้น ที่เป็นเรื่องรุนแรงก็คือกรณีของนางสาวมะห์ซา อามินี อายุ 22 ปี ถูกตำรวจศีลธรรมจับเมื่อกันยายน 2022 ข้อหาไม่คลุมฮิญาบ และหลังถูกจับ 3 วันเธอก็เสียชีวิต ทำให้เกิดการประท้วงเผาผ้าคลุมศีรษะและมีการต่อต้านรัฐบาลอิหร่านไปทั่วประเทศ การประท้วงทำให้คนตายไปมากกว่า 300 คน สถานการณ์รุนแรงขึ้นเรื่อยๆมีข่าวล่ามาเร็วว่าตั้งแต่เดือนธันวาคม 2022 เป็นต้นไป กองบัญชาการตำรวจศีลธรรมของอิหร่านถูกยุบเป็นที่เรียบร้อย เมื่อ 3 ธันวาคม 2022 ประธานาธิบดีอิหร่าน นายเอบราฮิม ไรซี ออกสื่อโทรทัศน์ โดยกล่าวถ้อยแถลงว่า “สาธารณรัฐและรากฐานความเป็นอิสลามของอิหร่านได้ถูกกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว แต่แนวทางที่จะปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญนั้น สามารถยืดหยุ่นได้”พลังโซเชียลมีเดียทำให้ตำรวจ อัยการ ศาล และรัฐบาลของอิหร่านต้องเปลี่ยนการปฏิบัติ หากไม่ยืดหยุ่น พลังประชาชนอาจจะทนไม่ไหว จนทำให้ต้องเปลี่ยนระบอบการปกครอง.นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok1997@gmail.com