พฤษภาคม 1989 ขณะกำลังมีปัญหาที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน เติ้ง คิดถึงเรื่องผู้นำคนใหม่ว่าจะต้องมีภาพลักษณ์สด มีความมั่นใจว่าจะทำการปฏิรูปเศรษฐกิจได้สำเร็จ เติ้งไม่เลือกหลี่เผิงเพราะหัวเก่าและไม่โปร่งใส ขึ้นมาก็จะถูกผู้คนประท้วงไม่จบ เติ้งต้องการผู้นำรุ่น 3 ที่โปร่งใส ที่ไม่มีกลุ่มหรือมุ้งในพรรค เพราะมุ้งทำให้แตกความสามัคคีขณะที่ฝูงชนประท้วงปิดเส้นทางเข้าจงหนันไห่ (ศูนย์กลางการบัญชาการของพรรคและรัฐบาล) เติ้งสั่งให้เจียงปลอมตัวเป็นศิลปินบินจากเซี่ยงไฮ้มาปักกิ่ง ให้มาคนเดียว “ลงเครื่องที่ปักกิ่ง ก็ให้ดิ่งมาที่บ้านของอั๊วทันที”เจียงไม่เคยรู้ตัวมาก่อนว่าตนถูกกำหนดให้เป็นผู้นำสูงสุดของประเทศ เมื่อได้ยินครั้งแรกก็ปฏิเสธ ทว่าสุดท้ายก็ยอมรับ ที่ประชุมของคณะกรรมการกลางพรรคชุดที่ 13 ครั้งที่ 4 มีมติแต่งตั้งเจียงเป็นเลขาธิการใหญ่พรรค และเป็น 1 ใน 5 ของกรรมการประจำของคณะกรมการเมือง นอกจากนั้น ที่ประชุมยังมีมติเอานายหลี่รุ่ยหวน นายกเทศมนตรีนครเทียนจินเข้าเป็น 1 ใน 5 ของกรรมการประจำ โดยที่นายหลี่ก็ไม่รู้ตัวมาก่อนเช่นกันคณะผู้นำในยุคนั้นมาจากระบบแมวมอง สืบสวนหาข่าวประวัติครอบครัว การศึกษา การทำงาน รวมทั้งทัศนคติอย่างละเอียด การที่จะสร้างผู้นำทำหน้าที่ดูแลประชาชนถึง 1 พันล้าน จะทำกันอย่างซี้ซั้วมั่วซั่วไม่ได้ ต้องนำประวัติของคนที่มีศักยภาพนับพันคนมาใส่ตะแกรงร่อนแล้วร่อนอีกมีคนเคยถามเจียงว่า อะไรทำให้คณะผู้นำรุ่นที่ 2 เลือกท่านเป็นผู้นำรุ่นที่ 3 เจียงตอบว่า ตนโตจากโรงงาน ไต่เต้าขึ้นมาตามปกติ ตั้งแต่จบเป็นวิศวกรรมศาสตร์บัณฑิต (ไฟฟ้า) ก็คลุกคลีกับงานระดับฐานล่างนานถึง 23 ปี อยู่ในหน่วยงานระดับผู้นำนาน 19 ปี ผ่านการปฏิบัติงานทุกระดับ เจียงเคยเป็นผู้นำหน่วยวิจัยอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลที่นครอู่ฮั่น เคยไปช่วยโรมาเนียสร้างโรงงาน เคยอยู่กรุงมอสโก รู้เรื่องภายในและต่างประเทศในระดับที่ไม่ต้องมาเรียนรู้กันใหม่ประวัติลับของเจียงที่ถูกส่งมาถึงเติ้งก็ไม่ใช่จะมีแต่เรื่องดีทั้งหมด สมัยที่เจียงเป็นผู้บริหารสูงสุดของศูนย์วิจัยเกี่ยวกับเครื่องจักรกลความร้อนฯ เจียงเคยโดนโปสเตอร์โจมตีว่าเป็นพวกลัทธิแก้ เดินตามแนวทางทุนนิยม เป็นพวกเห่อฝรั่ง ชอบใช้ภาษาต่างประเทศคุยกับเพื่อนร่วมงาน ชอบพกหวีติดตัว เจียงถูกโจมตีเรื่องชอบนำหวีมาหวีผมอยู่ตลอดเวลา เป็นพวกเจ้าสำอางเจียงตั้งตัวเป็นติวเตอร์สอนภาษาอังกฤษฟรี มีผู้มาสมัครเรียนเป็นร้อย นอกจากสอนภาษาอังกฤษแล้ว เจียงยังเปิดสอนภาษารัสเซียฟรีอีกด้วย พวกที่เป็นลูกศิษย์มักจะประทับใจและตอบโต้ผู้ที่มาโจมตีเจียง เมื่อถูกตั้งกรรมการสอบในเรื่องที่ถูกติดโปสเตอร์โจมตี เจียงก็ยินดีให้ความร่วมมือ และก็ผ่านการพ้นการถูกตั้งกรรมการสอบอย่างราบรื่นผู้ที่ไปอยู่กรุงบูคาเรสต์ โรมาเนีย พร้อมเจียง (1 ปีเต็ม) ต่างประทับใจในความรู้ความสามารถและความใฝ่รู้ของเจียง ทุกครั้งที่มีเวลาว่าง เจียงจะไปพูดคุยกับผู้คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้เชี่ยวชาญชาวรัสเซียและยุโรปตะวันออก ซึ่งใช้ภาษารัสเซียในการพูด เมื่อเจอเพื่อนร่วมงานชาวยุโรปตะวันตก เจียงก็พูดภาษาอังกฤษกับภาษาเยอรมันสิ่งที่ติดตัวเจียงอยู่ตลอดคือดิกชันนารีกลับมาจากโรมาเนีย เจียงก็ได้รับแต่งตั้งเป็นอธิบดี ทำหน้าที่อนุมัติการโยกย้าย และส่งเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญไปศึกษาดูงานหรือไปทำงานในต่างประเทศ เป็นผู้คัดเจ้าหน้าที่ด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีไปประจำตามสถานทูตจีนในต่างประเทศ จัดเตรียมบุคลากรเพื่อเจรจากับต่างประเทศ ต้อนรับคณะผู้แทนต่างประเทศ และเชิญผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศให้มาศึกษาดูงานหรือทำงานในจีน หลังจากเป็นอธิบดี เจียงรับผิดชอบเขตเศรษฐกิจพิเศษ เป็นผู้ว่าเซี่ยงไฮ้ และได้เลื่อนเป็นเลขาธิการพรรคประจำนครเซี่ยงไฮ้นำประวัติส่วนหนึ่งของผู้นำรุ่นที่ 3 ของจีนมารับใช้ผู้อ่านท่านผู้เจริญเพื่อให้เห็นว่า กว่าจีนจะมีวันที่สามารถต่อกรกับสหรัฐฯและตะวันตกได้ จีนฟูมฟักผู้คนเป็นระบบเป็นขั้นเป็นตอนอย่างไร.นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok1997@gmail.com