คาบสมุทรยูคาทานในเม็กซิโกนั้นรู้จักกันว่าเคยเป็นพื้นที่ที่อุกกาบาตใหญ่พุ่งชนโลกเมื่อ 66 ล้านปีก่อนจนทำให้เกิดการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ กวาดล้าง 75% ของสิ่งมีชีวิตในโลกรวมถึงไดโนเสาร์หายไปจากโลกของเรา นอกจากนี้ คาบสมุทรยูคาทานก็ยังเป็นแหล่งขุดค้นทางโบราณคดีที่สำคัญ ล่าสุด ทีมวิจัยนำโดยนักวิทยาศาสตร์ด้านโบราณคดีของมหาวิทยาลัยมิสซูรี ในสหรัฐอเมริกา เผยว่า หลังจากสำรวจถ้ำที่จมอยู่ใต้น้ำในรัฐกินตานารู ตั้งอยู่ทางตะวันออกของคาบสมุทรยูคาทาน ทีมนักดำน้ำได้สำรวจมากกว่า 100 ครั้งรวมกันมากกว่า 600 ชั่วโมง จนพบหลักฐานการขุดเหมืองดินเหลือง ระบุว่าเริ่มขึ้นเมื่อ 12,000 ปีก่อน สิ่งที่พบก็เช่น หลุมสกัดดินเหลือง, เครื่องมือขุดอย่างค้อนหิน เครื่องตอกเข็มขนาดเล็กทำจากหินงอก, เครื่องหมายช่วยนำทางแก่นักขุดในถ้ำที่มีเครือข่ายกว้างขวาง และเตาไฟให้แสงสว่าง ซึ่งในยุคโบราณที่ทำเหมือง ถ้ำไม่ได้จมอยู่ใต้น้ำการขุดเหมืองนี้เกิดขึ้นเมื่อประชากรมนุษย์แพร่กระจายไปทั่วภูมิภาค ถ้ำดังกล่าวถูกทอดทิ้งเป็นพันปี ก่อนจะจมอยู่ใต้น้ำประมาณ 8,000 ปีที่แล้ว ในช่วงที่ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นหลังจากยุคน้ำแข็งครั้งสุดท้าย ซึ่งหลักฐานทางโบราณคดีที่พบแสดงให้เห็นว่ามนุษย์ใช้ดินเหลืองมาเป็นเวลาหลายแสนปี แม้แต่มนุษย์นีแอนเดอร์ธัล (Neanderthals) ก็ใช้ดินเหลืองเช่นกัน.