(Credit : D. Rex Mitchell)มีงานวิจัยเผยว่าจิงโจ้ยักษ์ที่อาศัยในออสเตรเลียช่วงยุคน้ำแข็งนั้นมีความสามารถมากกว่าเครือญาติในยุคปัจจุบัน สายพันธุ์โบราณจะกินอาหารที่เป็นไม้เหนียวคล้ายกับที่แพนด้ายักษ์โปรดปราน ดร.เร็กซ์ มิทเชลล์ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยนิว อิงแลนด์ในออสเตรเลีย และมหาวิทยาลัยอาร์คันซอในสหรัฐอเมริกา วิจัยพบว่าจิงโจ้หน้าสั้นที่สูญพันธุ์ไปแล้วชื่อสเตนนูรีน (sthenurines) แตกต่างจากจิงโจ้ยุคนี้ พวกมันมีร่างกายหนา กล้ามเนื้อแขนยาว ขาทั้ง 2 ข้างมีนิ้วเท้าใหญ่เพียงนิ้วเดียว ส่วนศีรษะที่มีรูปทรงกล่องค่อนข้างคล้ายกับโคอาลาเพื่อมองหาวิธีที่จิงโจ้โบราณใช้ปากกัดได้ดีแค่ไหน นักวิจัยจึงวิเคราะห์ซากดึกดำบรรพ์ หรือฟอสซิลกะโหลกของจิงโจ้สเตนนูรีนสายพันธุ์ไซโมสเตนนูรัส ออกซิเดนทาลิส (Simosthenurus Occidentalis) มีขนาดใหญ่ หนักราว 120 กิโลกรัม ที่สูญพันธุ์ไปเมื่อ 42,000 ปีก่อน จากการคำนวณด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ สแกนกะโหลกศีรษะเพื่อสร้างแบบจำลองคอมพิวเตอร์ 3 มิติ ทำให้จำลองการกัดในรูปแบบต่างๆ และประเมินความแข็งแรงได้นักวิจัยพบว่าจิงโจ้ชนิดนี้กัดได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก ซึ่งหมายความว่าแรงของกล้ามเนื้อที่มากขึ้น สามารถแปรเป็นแรงกัด ทำให้กัดได้รุนแรงขึ้นโดยใช้ความพยายามน้อยลง นอกจากนี้ยังพบหลักฐานของการขยายกล้ามเนื้อที่อยู่ภายในกระดูกแก้มขนาดกว้างของจิงโจ้โบราณ แบบการจำลองชี้ให้เห็นว่าสิ่งนี้จะลดความเสี่ยงของความคลาดเคลื่อนของขากรรไกรจึงทำให้จิงโจ้ชนิดดังกล่าวกัดได้ดุดันมั่นใจยิ่งขึ้น.