หล่อทะลุป่า ออร่าทะลุจอ! สำหรับ โอ๊ต-ชาคริต บุญสิงห์ พระเอกหนุ่มจากละคร “ดวงใจเจ้าป่า” ทางช่อง 7HD จากค่ายคนทีวี (ไทยแลนด์) กลายเป็นหนุ่มชาวป่า ผมยาว หน้าหวานละมุน แฟนๆโดนตกไปตามๆกัน งานนี้เลยชวนหนุ่มเจ้าป่าเนื้อหอมมานั่งจ้อยาวๆ ยิ่งเวลาเข้าฉากกับ แจมมี่-ปาณิชดา นางเอกสาว ต้องลุ้นหนักกับความ “ไหล” ยาวไปยากจะคาดเดาได้ เป็นคนอยู่นิ่งๆไม่เป็น พอมีเวลาว่างปุ๊บม้วนตัว “ดำน้ำ” ส่วนสถานะหัวใจว่างสนิทแต่มีคนเห็นควงสาว กานต์-ณัฐชา ไปทำบุญด้วยกัน เอ๊ะๆยังไงกันแน่หว่า?!! ใน “คนดังนั่งคุย”เป็นยังไงบ้างกับบทนี้“คาแรกเตอร์ภายนอกค่อนข้างต่างจากเรื่องอื่นๆโดยสิ้นเชิง เพราะว่าด้วยชุดที่เป็นคนป่า และก็ต้องใส่วิกด้วย และก็คือเป็นครั้งแรกที่ได้ใส่วิกเล่นละคร”ชอบไหม ผมยาวสลวยขนาดนั้น “ใช่ครับ พอเวลาผมยาวแล้วยิ้มนะ ยิ้มหวานเลย หน้าหวานเลย”ส่องกระจกดูตัวเองแล้วได้ถามไหมว่านี่โอ๊ตหรือว่าใคร “มีนะ วันฟิตติ้ง ครั้งแรกที่ใส่ก็ตกใจเหมือนกัน ว่าตัวเองทำไมมัน ลุคนี้มันจะรอดไหม ตอนแรกเข้าใจว่าเราทักเดรตล็อก ผมยาว แล้วจะดูเป็นหนุ่มเซอร์ ดูแบบแมนขึ้น แต่พอทำเสร็จ ไปดูกระจก ทำไมมันดูหวานขึ้น”ก่อนหน้านี้เคยไว้ผมยาวอะไรมาบ้างไหม หรือว่าตัดผมสั้นมาตลอด “ตัดสั้นตลอดครับ ไม่เคยไว้ยาวเลย”ทรงนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้ไว้ต่อไหม “เคยคิดจะทำผมเดรตล็อกตอนสมัยวัยรุ่น แต่ว่าไปถามรุ่นพี่ที่เป็นช่างตัดผม เขาบอกว่าเราถักเสร็จ หลังจากถัก เราต้องโกนเป็นสกินเฮด เพราะว่าเราไม่สามารถคลายมันกลับมาได้ เราก็เลยโอเค ไม่เอาดีกว่า” บทอันไหนสนุกสุดๆยากที่จะลืม“ถ้าสนุกสุดเหรอ ...โอ๊ตชอบขี่ช้างนะ เพราะว่าปกติเวลาเราไปขึ้นช้าง เขาจะให้เรานั่งบนเสลี่ยงข้างหลัง แต่ว่าเรื่องนี้เราต้องนั่งบนหัวช้างจริงๆ มันก็เมื่อยเอวดี ก็เป็นอีกฟีลหนึ่ง”เข้าฉากกับช้าง กับเข้ากับนางเอก แจมมี่-ปาณิชดา อันไหนทำให้เราตื่นเต้น ระทึกกว่ากัน “นางเอกครับ นางเอกน่ากลัวกว่า (หัวเราะ)”ทำไมล่ะ “พี่แจมมี่จะค่อนข้างมีลูกเล่น นอกบทค่อนข้างเยอะ แล้วเราต้องตั้งสติ คอยดู จับจังหวะว่าอันไหนมานอกบทบ้าง อย่างช่วงแรกๆ อึนๆอยู่ แล้วพอพี่แจมมี่เล่นนอกบทปุ๊บ มันจะแบลงก์เลย แต่พอหลังๆ เราทันละฉะนั้นเวลาเข้ากับพี่แจมมี่ต้องมีสติมากกว่าช้าง”เวลาพวกฉากเลิฟซีนล่ะเป็นยังไงบ้าง“เลิฟซีนก็โอเคครับ ชิล เพราะว่าด้วยความที่พอมันสนิทกันแล้วด้วย และเหมือนว่าพวกฉากเลิฟซีน พี่วุฒิเขาให้เอามาถ่ายทำช่วงหลังๆ ไปแล้ว หลังจากที่เราสนิทกันแล้ว ผ่านการละลายพฤติกรรมกันมาแล้วครับ มันก็เลยไม่มีความเขอะเขินกันมากครับ พอเป็นซีนที่เป็นเลิฟซีนจะไม่ค่อยแกล้งกัน”เขินไหมล่ะ “ก็เขินนะ เพราะว่าพี่แจมมี่เขาสวยไง”แจมมี่เขารู้ไหมเนี่ย เราชมเขา เคยชมให้เขาได้ยินต่อหน้าไหม “ชมตลอด เวลาเจอที่กองอะไรอย่างนี้ แต่งตัวสวยจังวันนี้ อะไรอย่างนี้”แล้วเขาตอบเราว่า “อยู่แล้ว (หัวเราะ)”ฟังแล้วรู้สึกยังไง แทนที่เขาจะถ่อมตัว แต่เขาขานรับเลย “ก็โอเคนะ ก็น่ารักดี มันเป็นความเหมือนแบบ เขาก็ไม่ได้ตอบถึงขั้นแบบอะไร มันดูเป็นความน่ารักที่แบบ ฉันสวยอยู่แล้วอะไรอย่างนี้ ก็เออ ดูน่ารัก ดูทะเล้นดี” ดวงโอ๊ตถูกโฉลกกับละครแนวชาวบ้านๆ ป่าๆ แบบนี้เหมือนกันนะ“อาจจะทรงเราได้เหรอ (หัวเราะ) คือในใจก็อยากนะ ใส่สูท อยู่ออฟฟิศงี้ ยังไม่เคย อย่างหงส์ฟ้า นี่ก็เป็นเด็กวัดมาก่อน แล้วพอได้ใส่สูท ก็เป็นยูนิฟอร์มคนขับรถ” คือสรุป ตั้งแต่เข้าวงการมา ไม่ได้เล่นละครในห้องแอร์เลยใช่ไหม “ไม่ครับ เป็นสายรันทดครับ ต้องแบบผ่านความลำบากอะไรอย่างนี้ แล้วก็มาแฮปปี้ตอนจบเลยทีเดียว”เป็นพระเอกสายภูธรว่างั้นเหอะ “ใช่ครับ เรื่องใหม่ก็เป็นชาวนาก็ไม่พ้นอยู่ดี อะไรประมาณนี้ครับ (หัวเราะ)”รู้สึกยังไง คือตอนนี้เราก็เป็นพระเอกแล้วทำให้เราแบบว่าใจฟูขนาดไหน “จริงๆถามผมว่าใจฟูขึ้นไหม มันก็เหมือนกับเราได้เลื่อนขั้นหน้าที่การงานขึ้นมาระดับหนึ่ง ได้บทที่ยากขึ้น และก็มีความรับผิดชอบต่อเรื่องนั้นมากขึ้น แต่โอ๊ตมองว่าเราคือนักแสดงมากกว่า ไม่ได้ว่าเรามาเพื่อเป็นพระเอก เราตั้งใจเพื่อจะมาเป็นนักแสดง ไม่ว่าจะเป็นบทไหน อยากเล่นหมดครับ ก่อนที่เข้าวงการคนรอบตัวเขาก็จะแบบว่าเป็นอาชีพที่ทำได้แค่แป๊บเดียวอะไรอย่างนี้ แต่ว่าผมรู้สึกว่า จริงๆ มันเป็นอาชีพที่สามารถทำได้เรื่อยๆ เพราะว่าเราไม่จำเป็นต้องเป็นแค่พระเอก บทอื่นก็เล่นได้หมด พอเรามีอายุมากขึ้น เราก็เขยิบไปอีกบทหนึ่งก็ได้ เห็นรุ่นพี่ รุ่นพ่อ เขาก็ยังทำตรงนี้ เพราะว่าเขาชอบในอาชีพนี้จริงๆ”ที่บ้านสนับสนุนขนาดไหน หรืออยากให้กลับไปช่วยธุรกิจที่บ้านหรือเปล่า“จริงๆ ก็มีธุรกิจที่บ้านครับ แต่ว่าแรกๆ แม่ก็จะบอกว่า เอ๊ย มันมั่นคงไหมอะไรอย่างนี้ พอมีละครออน ก็แชร์ให้เพื่อนทุกคนดู”ที่บ้านทำธุรกิจอะไรอยู่บ้าง “คุณแม่เปิดตลาดนัดที่ นครศรีฯ ครับ”ตัวโอ๊ตเองมีเข้าไปช่วยอะไรยังไงบ้างไหม “ก็คุยกับคุณแม่ว่า ถ้าสมมติเรา คือมันเป็นตลาดที่เราต้องเข้าไปดูหน้างานครับ ก็เลยยังไม่สามารถทิ้งนักแสดงตรงนี้ได้ ในอนาคตยังไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองจะไปอยู่จุดไหน ด้วยความที่แม่ก็บอกว่าเราทำตรงที่เราชอบไปก่อน เปลี่ยนใจยังไงค่อยกลับไปทำที่บ้านแล้วเราก็เป็นลูกชายคนโตด้วยมั้ง สุดท้ายแล้วเขาก็ต้องให้เราไปดูแลต่อจากแม่อยู่แล้ว”ช่วงแรกๆ ที่แม่ไม่ค่อยเห็นด้วยกับการเข้าวงการเราทำยังไงที่ทำให้แม่ยอมรับ “ก็คงเป็นช่วงที่อยู่มหาลัย แล้วก็เริ่มไม่ขอเงินแม่แล้ว ทำให้เขาเห็นว่าเราใช้ชีวิตได้แล้วนะ เราสามารถอยู่กับอาชีพนี้ได้ แล้วก็จนถึงตอนนี้มันก็โอเคครับ” ดูๆเป็นคนที่อยู่นิ่งไม่เป็น ขยันหากิจกรรมทำอยู่เรื่อยๆเลย“ใช่ครับ อยู่บ้านว่างๆ แล้วมันเบื่อ”มีไปทำกิจกรรมอะไรมาแล้วบ้าง “ช่วงนี้ถ้ามีอินๆก็ดำน้ำลึกครับ”เรียนถึงขั้นเป็นครูสอนได้เลยไหม “ยังครับยัง เป็นแค่ระดับแอดวานซ์เฉยๆ”อะไรเป็นจุดสนใจที่ทำให้เราอยากไปดำน้ำ “คือจริงๆอยากดำน้ำอยู่นานแล้ว แต่ว่าไม่มีเพื่อน พอดีเรื่องก่อนหน้าเล่นกับมะเหมี่ยว (พรชดา วราพชระ) แล้วมะเหมี่ยวเขาเป็นสายดำน้ำเลย ระดับเรสคิวเลย เขาก็มาป้ายยาเรานี่แหละ เราก็เลยเข้าโครงการตามเขาไป”ความตื่นเต้นที่ได้เห็นบรรยากาศใต้น้ำเป็นยังไงบ้าง “ว้าวนะ มันเหมือนอีกโลกหนึ่ง มันบรรยายออกมายากครับ มันต้องเห็นด้วยตาจริงๆ” มีแพลนไปทริปดำน้ำต่างประเทศที่ไหนไกลๆบ้างไหม“มีฟิลิปปินส์ครับ เห็นมะเหมี่ยวไปมา แล้วก็สวยมาก จริงๆโอ๊ตก็ไปดำต่างประเทศได้แล้ว เพราะว่าโอ๊ตเรียนถึงระดับที่สามารถดำได้รอบโลกแล้วด้วย แต่ว่ายังไม่มีจังหวะได้ไป”เอาค่าตัวเล่นละครไปลงกับดำน้ำหมดเลยเหมือนกันเนอะ “ดำน้ำน่าจะเกินค่าตัวครับ (หัวเราะ)”แล้วเรามีไปป้ายยาชวนใครมาเข้าก๊วนดำน้ำอีกไหม “ป้ายทุกคนครับ”ป้ายใครไปบ้าง “มีน้องกานต์-ณัฐชา ป้ายสำเร็จแล้วคนหนึ่ง”จริงเหรอ ชวนยังไง ทำไมเขาถึงยอมใจอ่อน “เขาเคยบอกว่าเขาอยากดำน้ำ แล้วตอนนั้นโอ๊ตได้ทริปดำน้ำที่ไปเรียนจากมะเหมี่ยวพอดี แล้วมะเหมี่ยวก็บอกว่าสามารถเอาเพื่อนไปอีกได้นะ เพราะว่าหนึ่งครั้งเรียนได้ 4 คน เราก็เลยชวนเพื่อนไปหลายคนเลย แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครว่าง ก็มีน้องกานต์นี่แหละว่าง แล้วก็มีพี่อีกคนหนึ่ง”กานต์ไปครั้งแรกเป็นยังไงบ้าง “น้องกานต์ไปครั้งแรก เขาจะมีความแพนิกนิดหนึ่ง แต่จากนั้นก็โอเค น้องเขาก็ทำได้ถึงระดับแอดวานซ์เท่าโอ๊ตเหมือนกัน”ก่อนหน้ามีคนเห็นโอ๊ตกับกานต์ไปทำบุญด้วยกัน“พอดีน้องแพมเขาเป็นลูกศิษย์ของพระอาจารย์ ว.วชิระเมธี แล้วเขาก็มาชวนโอ๊ต กานต์ อ้อม ไปนมัสการพระอาจารย์ที่กรุงเทพฯ พอไปนมัสการเสร็จ พระอาจารย์ก็ชวนไปทำบุญวันสงกรานต์ เราก็ว่างอยู่แล้ว ก็เลยไปช่วยพระอาจารย์ที่เชียงรายครับ ที่ไร่เชิญตะวัน ก็ไปทัวร์รอบไร่ ไปดูฟาร์มไก่ ไปเข้าธรรมะ ก็อิ่มบุญเลยครับหลังจากกลับมา”นึกว่ากานต์ชวน “น้องกานต์มาชวนโอ๊ต เพราะว่าเหมือนกับกานต์รู้จักกับน้องแพม ก็ชวนต่อๆกัน”ผลัดกันชวนเนอะ คนหนึ่งชวนดำน้ำ คนหนึ่งชวนทำบุญ “น้องกานต์เขาสายบุญ สายมูครับ ด้วยความที่โอ๊ตกับกานต์ชอบไปมูกับพี่ตั้ม (ผู้จัดการส่วนตัว) อยู่แล้วครับ เวลามีอะไรที่เกี่ยวกับมู พี่ตั้มก็จะให้ไปด้วยกันทั้งคู่ พอได้ไปแล้วก็เหมือนจะรู้แล้วแหละว่าเราก็เป็นสายมูด้วยกัน มีที่ไหนที่มันน่าไปก็จะชวนกันไป” มูเรื่องงานหรือมูเรื่องความรัก“มูเรื่องงานครับ งานสำคัญกว่า”ความรักก็สำคัญนะ มันก็มาเติมเต็ม “ความรักของอย่างนี้โอ๊ตว่าไม่ต้องมูหรอกครับ ถ้ามันใช่ เดี๋ยวมันก็ใช่เอง”แล้วมีเข้ามาหรือยัง “ยังเลยน่ะสิ เพราะว่าอาจจะไม่ได้มูนี่แหละ”ยังเห็นแฟนๆ เขาก็เชียร์โอ๊ตกับกานต์ตั้งแต่คราวหงส์ฟ้าเขาก็ยังเชียร์กันอยู่ จะมีโอกาส มีความเป็นไปได้ไหม ที่เราลองเปิดใจคุยกัน “มันน่าจะสนิทกันเป็นเพื่อน เป็นพี่น้องไปแล้วครับ ไม่รู้ว่าอนาคตจะยังไง แต่ว่าเดี๋ยวรอผีผลักแล้วกัน (หัวเราะ) ยังมีคนเชียร์อยู่เหรอครับ”ขนาดตอนวันเกิดกานต์ก็ยังมีแฟนๆ ทักมามาอวยพรหรือยังแท็กเลย “แฟนคลับเขาก็ยังจิ้น อยากให้คบกันคุยกัน”ตรงนี้มีผลทำให้เรารู้สึกอยากลองคุยดูไหม “อาจจะไม่ได้มีความคิดตรงนั้นครับ ว่าจะลองคุยไหม หรือจะลองอะไรเพิ่มเติม โอ๊ตเป็นคนที่รู้สึกว่า อะไรมันจะเกิดขึ้น เดี๋ยวมันจะเกิดขึ้นเองดีกว่า”อย่างกานต์นี่ถือว่าตรงสเปกของโอ๊ตไหม “ก็ตรงนะ โอ๊ตชอบผู้หญิงโก๊ะๆอยู่แล้ว”นึกว่าจะตอบชอบผู้หญิงสวย น่ารัก “ไม่ครับ คือเราเอาอุปนิสัยดีกว่า เพราะว่าภายนอกโอ๊ตว่าคนเรามันเปลี่ยนได้ตลอดเวลา รู้สึกว่าความเป็นตัวเองข้างในดีกว่า เวลาเราคบกับใครแล้ว เรารู้สึกว่าเขาเป็นตัวเอง แล้วเราชอบความเป็นตัวเองของเขานี่แหละ มันทำ ให้คบกันได้นาน”ตอนนี้สถานะหัวใจคือ“ว่างครับ”ไม่มีมองๆ ไว้เลยเหรอ “เวลาเราเจอใครสวยเราก็ไม่ถึงขั้นว่าเราจะต้องไปจีบเขา แต่ว่าเราก็ไม่ได้ปิดกั้นตัวเองดีกว่า อาจจะด้วยจังหวะ อาจจะยังไม่ถึงเวลาของเรา เราก็จะไม่ไปรีบร้อน”โสดอย่างนี้ เหงาบ้างไหม “ไม่นะครับ โอ๊ตไม่ค่อยเหงาเท่าไหร่ เพราะว่ากิจกรรมเยอะ มีเพื่อนเยอะด้วย แล้วก็ไม่ค่อยปล่อยให้ตัวเองได้แบบรู้สึก คือไม่รู้สิ ความเหงามันยังไง คือหมายถึงแบบเรามีอะไรทำตลอดเวลาเรื่อยๆอยู่แล้ว ไม่ได้ซีเรียสว่าจะต้องมีแฟน”ตามเวลาเทศกาลเราทำยังไงในมุมของคนโสด “วาเลนไทน์ก็จะลำบากเพื่อนครับ ก็จะเป็นเราสองสามคน (หัวเราะ) เขาไปสวีต เราก็ไปแจม”อย่างการมีแฟน ที่บ้านไฟเขียวไหม หรือยังไม่อยากให้เรามีแฟน “ไฟเขียวนะ เกินจะเขียวเลย แม่โอ๊ต แม่จะค่อนข้างไม่ซีเรียสเรื่องนี้”.เรื่อง: วรรณี ห่อวโนทยานเม้าท์ชัด จัดทุกตอน ติดตามได้ที่ www.thairath.co.th/novel และ Facebook Fanpage : นิยายไทยรัฐคลิกอ่าน “คนดังนั่งคุย” เพิ่มเติม