เปิดประตูบานใหม่ทางการแสดง สำหรับนักแสดงหนุ่มฮอต “นนกุล-ชานน สันตินธรกุล” ที่เปิดความท้าทายใหม่ให้ตัวเองในซีรีส์วายพีเรียดเรื่องแรก “หอมกลิ่นความรัก (I Feel You Linger In The Air)” โคจรมาพบกับนักแสดงหนุ่ม “ไบร์ท-รพีพงศ์ ทับสุวรรณ” ในเรื่องราวความรักที่ต้องก้าวผ่านห้วงเวลาแห่งอดีต จาก ปลายปากกา VIOLET RAIN สู่จอแก้วโดย YYDS Entertainment และ DEE HUP HOUSE กำกับโดยผู้กำกับ “ตี๋-บัณฑิต สินธนภารดี” ออกอากาศทุกวันศุกร์ 22.15 น. ทางช่องวัน 31 และทาง YOUKU งานนี้นนกุลเล่าประสบการณ์ใหม่ เริ่มจาก...ครั้งแรกกับการเล่นซีรีส์วายพีเรียดเรื่องแรก ตื่นเต้นมั้ย?“ตื่นเต้นครับ เพราะเราไม่เคยเล่นบทที่มันความเป็นเฟมินีนแบบนี้ อยากให้คนดูสัมผัสได้ถึงกลิ่นตรงนั้น”เป็นการเปิดโลกใหม่ของนน? “จริงๆโดยส่วนตัวผมไม่เคยมองว่ามันเป็นซีรีส์วายหรือไม่วาย ผมมองว่ามันเป็นพล็อตพล็อตนึง ก็มีการไปศึกษาสังเกตเยอะๆ ทั้งท่าทางของผู้หญิง สังเกต LGBTQ แล้วเราเอามาผสมกันดูว่ารายละเอียดไหนที่เหมาะกับเรา และบางอย่างที่มาจากตัวเราแล้วใช้ได้เวิร์กก็ใส่ไปให้ใกล้เคียงความเป็นจอมมากที่สุด”แฟนๆเซอร์ไพรส์ที่ได้เห็นนนกุลในความน่ารัก ตัวเล็กตัวน้อย? “หวังว่าทุกคนจะรู้สึก อย่างนั้นเพราะเป็นความตั้งใจของเรา ใจเราอยากลดน้ำหนักให้มากกว่านั้นด้วย ให้มันตรงกับคาแรกเตอร์มากที่สุด แต่ตอนนั้นเราถ่ายคาบเกี่ยวกันอีกหลายเรื่อง มันปรับเปลี่ยนไม่ได้เป็นเรื่องที่ต้องยอมรับก็พยายามลดน้ำหนักแต่ไม่กระทบกับอีก 2 เรื่อง” คาแรกเตอร์ของจอมเป็นอย่างไร?“เค้าเป็นคนน่ารัก อ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ แต่ถ้าเรื่องไหนที่ต้องแข็ง ก็พร้อมแข็งขึ้นมาในบริบทที่ทำได้ จริงๆความสัมพันธ์คุณใหญ่กับจอม แค่สองคนมันง่ายมากเพราะต่างคนต่างรักกันแต่ที่มันยากเพราะเวลายุคสมัยที่ไม่ได้เปิดรับเรื่องพวกนี้ ซึ่งจอมก็เข้าใจและต้องฝ่าฟันอุปสรรคนี้ และยังมีความรักของคู่อื่นๆด้วยซึ่งเป็นเสน่ห์ของเรื่องนี้ที่เอามาประกอบกันจากนิยายแล้วเอามาขยายได้อย่างมีรสชาติ”ความยากของบทนี้สำหรับตัวเรา? “อย่างที่บอกว่ามันห่างไกลจากเราคือความเป็นเฟมินีน ซึ่งเราพยายามค้นหาอะไรที่พอดีกับเรา ไม่เยอะไม่น้อยไป พอมันเจอแล้วเราก็ยึดแกนตรงนั้นไว้ให้ได้ ไม่ว่าจะภาษากาย การพูดจาเวลาเค้าโกรธ ต่อย ต่อยยังไงที่เป็นแบบจอมไม่ใช่เรา โชคดีตรงที่เรามีเวลาเวิร์กช็อปเยอะ ผมมองว่าอาชีพนักแสดงเหมือนเป็นกีฬาแขนงหนึ่ง ถ้าเราเทรนร่างกายพร้อม เรามีเวลาได้ฝึกฝน เอามาใช้ในสนามจริง ก็จะทำได้ดี”แฟนๆตื่นเต้นตั้งแต่วันแรก? “ดีใจมาก คนรอบตัวก็บอกว่ารอติดตามเพราะเป็นสิ่งที่เราไม่เคยเล่น เราก็ดีใจแต่พอมันออกมาแล้วเราเห็นกระแสตอบรับที่มันดี มันก็ดีครับ ทำให้มีกำลังใจในการทำงาน เหมือนมีคนรอผลงานเราอยู่ เราก็ตั้งใจทำให้ดี” เล่าการทำงานกับไบร์ท-รพีพงศ์ ที่รับบท คุณใหญ่ ตั้งแต่เริ่มรู้จักกันจนเคมีเข้ากันได้ดี?“ตอนแรกผมไม่มีโอกาสได้รู้จักเค้ามาก่อน ตอนไปแคสต์เค้าเป็นนักแสดงหน้าใหม่แต่พอมาเวิร์กช็อป ตอนเกี่ยวกับเลิฟซีน เป็นซีนที่ผมกังวลว่าเราจะสามารถไปกับคนคนนี้ได้มั้ยเพราะการเล่นเลิฟซีนมันต้องอาศัยการเปิดใจกันมากๆ สิ่งที่ผมประทับใจในตัวไบร์ทมากคือ เป็นเรื่องธรรมดาที่คนจะเขินประหม่า ยิ่งตอนเวิร์กช็อปไบร์ทเค้าเขิน ประหม่านะ แต่เค้าเลือกที่จะไปต่อ เป็นสิ่งที่ผมประทับใจเพราะมันไม่ใช่นักแสดงใหม่ทุกคนที่กล้าเล่น กล้าค้นหา กล้าพัฒนา ซึ่งถ้าเราไม่มีเซ้นส์ของการแสดง เราไม่รู้จะคอนเนกต์กันยังไง แต่เค้ากล้าที่จะไป เราก็โอเคไปด้วยกัน การทำงานหน้างานไม่มีปัญหา พอเราทำการบ้านกันมาประมาณนึงแล้ว เวิร์กช็อปเรารู้แล้วว่าอะไรที่เราสบายใจ ซึ่งกันแล้ว เหมือนเราเตรียมตัวฟิตร่างกายมาพร้อม พอถึงสนามจริงถ่ายจริง มันเลยไม่มีปัญหา อะไร” ในฐานะนักแสดง รุ่นพี่เราได้แนะนำอะไรมั้ย? “มีแนะนำแชร์ไอเดียซึ่งกันและกัน เราก็ไม่ได้รู้สึกว่าเราเก่งแบบที่จะไปแนะนำทุกคน เราก็รอให้เค้าถามมากกว่าว่าอันไหนช่วยได้”ความฟินในเรื่องนี้เยอะมั้ย เขินมั้ย? “ฉากสวีต เมกเลิฟ มอบความรักให้กันมีแบบค่อยๆไต่ไป ถ้าถามโมเมนต์แห่งความฟิน ผมคิดว่ามีนะ แต่ไม่แน่ใจว่าคนดูจะคิดยังไง”เคมีเรื่องนี้ของจอมกับคุณใหญ่ ค่อยๆรักกันหรีือเป็นรักแรกพบ? “มันไม่เชิงรักแรกพบเพราะเจอกันในฝันมาตลอด แต่ยังไม่เคยพบจริงๆ คุณใหญ่เจอเราในฝันแล้วรักเราเลยซึ่งมันเริ่มมาจากอีกยุคนึง ซึ่งมันเป็นเสน่ห์อย่างนึงคือความรักของสองคนนี้จะสมบูรณ์ไม่ได้เลยถ้ามันไม่เป็นเหตุการณ์ที่เจาะจงมาแบบนี้”ตอนเล่นด้วยกันเขินมั้ย? “เขินแค่ตอนเวิร์กช็อปพอเรารู้แล้วว่าเราไว้ใจกันมันก็ไม่มีปัญหา ตอนถ่ายจริงเลยไม่มีตรงนั้น”เลิฟซีนมีต้องโชว์รูปร่างมั้ย? “มีบ้าง ผมพยายามลดน้ำหนักไม่ใช่เพิ่มกล้ามเนื้อนะแต่เพื่อให้จอมตัวเล็กที่สุดเท่าที่ร่างกายจะทำได้ในข้อจำกัดตอนนั้น ขณะเดียวกัน ไบร์ทก็มีหน้าที่ต้องทำให้คุณใหญ่ตัวใหญ่ ความสูงเค้าสูงกว่าแต่ไม่มาก ฉะนั้นสิ่งที่ช่วยให้ภาพมันน่ารักขึ้นได้ก็คือ คนนึงตัวใหญ่คนนึงตัวเล็ก อีกอย่างขำๆที่ทำให้ภาพสวยขึ้นคือเวลาเข้ากล้องภาพแคบ ผมจะยืนถ่างขานิดนึงเพื่อให้มีความห่างนิดนึงที่เราได้มองเค้าขึ้นไปนิดนึง ผมว่ามันช่วยนะมันรู้สึกว่าเราตัวเล็ก เรากำลังพึ่งพาเค้า กับความเป็นตัวเล็กตัวน้อย ผมก็เขินนะ เพราะในชีวิตจริงคงไม่มี ทางทำอะไรแบบนี้เลย มองว่าเป็นโอกาส อันดีที่ได้เข้าไปลองทำ” กดดันมั้ยที่เรื่องนี้เป็นนิยายดังเอามาทำเป็นซีรีส์?“ส่วนตัวผมค่อนข้างชินกับแรงกดดันแต่เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องแรกสำหรับผมที่มาจากนิยาย สุดท้ายเราก็รู้ว่ามันเป็นปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้ แต่ในส่วนของเรา เราก็รับประกันว่าเราตั้งใจเต็มที่ ทำอย่างดีที่สุดแล้ว ส่วนความชื่นชอบก็เป็นสิทธิของคนดู”การรับบทเป็น “จอม” ได้อะไรกลับมา? “ผมมองเป็นช่วงที่เราเตรียมตัว กระบวนการบางอย่างที่ไม่เคยนึกว่าจะใช้ในการค้นหาตัวละครได้ เราได้พบมันตอนที่เราเตรียมตัวละคร เช่น มีเวิร์กช็อปนึงที่ให้เราเคลื่อนไหวตัวแบบโค้งๆไหลๆเป็นคลื่นสัก 1 นาทีแล้วหยุดทำตัวปกติ มันจะมีจริตคลื่นบางอย่างที่มันยังติดจากการเคลื่อนไหวทางร่างกายเมื่อกี้ มันเข้ามาข้างใน ทำให้บางอย่างมันอ่อนโยนขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมทำแล้วมันน่าสนใจมากๆ มันตรงกับตัวละครนี้มาก บางคนอาจจะใช้วิธี Inside Out หรือจะ Outside In ผมว่าสำคัญเท่ากันหมด อันไหนใช้แล้วมันเวิร์กกับตัวละครเราก็ใช้ไปไม่มีปัญหาถ้าได้ผลลัพธ์ที่มันพึงพอใจ ถ้าถามว่าเรื่องหอมกลิ่นความรักน่าดูอย่างไร อย่างที่บอกว่า ตอนแรกที่ผมรับเล่นเรื่องนี้ไม่ใช่เพราะว่าเป็นซีรีส์วายแต่เป็นเพราะพล็อต เรารู้สึกว่ามันไม่เกี่ยวเรื่องเพศ มันเกี่ยวกับว่าความรักของคนคนนี้มันเดินทางมา ยังไง แล้วเรื่องมันขมวดปมแล้วสนุกมั้ย ตอนอ่านนิยายแล้วผมสนุก ผมก็เลยอยากเล่น เป็นตัวละครนี้ สำหรับผมตัวละครไหนท้าทายกว่าเราก็อยากเล่นและเราก็ได้ได้แคสต์ได้รับความไว้วางใจในความเหมาะสม และ โชคดีที่เราอยากเล่นตัวนี้พอดีและผู้กำกับก็มองเห็นว่าเราเหมาะพอดี” คนยอมรับนนกุลในฐานะนักแสดงเจ้าบทบาท นึกถึงนนกุลก็นึกถึงการแสดงที่ดี?”“ผมรู้สึกดีมากๆ เรียกว่าเป็นความภาคภูมิใจส่วนตัวเลยก็ได้ ผมรู้สึกว่าการแสดงถ้ามันจะสนุกมันต้องเปลี่ยนไปเรื่อยๆ อาจจะไม่ได้เปลี่ยนเรื่อยๆ แต่ในฐานะนักแสดงมันก็ต้องมีโปรเจกต์ที่เราอยากจะท้าทายตัวเองไม่อย่างนั้นมันก็ไม่มีรสชาติ และผมรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ดี สำหรับตัวเองด้วย ถ้าพูดในเชิงการค้ามันก็เหมือนเป็นแบรนดิ้งที่ดีให้กับตัวเรา เราเลือกเส้นทางนี้ที่เราอยากจะเป็นนักแสดงที่ดี อยากเล่น ได้หลายบทบาท” หลายคนบอกว่า นนกุล เป็นพระเอก เคมีสาธารณะมาก? “จริงๆ ผมพูดในฐานะนักแสดง ผมไม่รู้หรอก ว่าคำว่าเคมีมันแปลว่าอะไร ถ้าคิดในแง่คนดูคือเออมันดูเข้ากัน แต่ถามว่าในฐานะนักแสดงคนนึงที่ได้เล่นคู่หรือเข้ากับใครก็แล้วแต่ในระยะเผาขน เวลาเราเล่นเป็นตัวละครเราเต็มที่กับมัน เค้าเต็มที่กับเราเราโอเคแล้ว ส่วนมันจะเข้าไม่เข้ากัน เป็นมุมมองของคนดู มุมมองของผู้กำกับ”บทที่ดึงดูดเราต้องเป็นแบบไหน? “ถ้าให้คิดเร็วๆว่าคาแรกเตอร์ไหนที่อยากเล่นแล้วยังไม่ได้เล่นก็คงเป็นบทแอ็กชันระดับจอห์น วิค อีกอย่างก็อาจจะเป็นบทพ่อลูกอ่อน เป็นการมีลูกในวัยที่เรายังไม่ได้พร้อมมาก น่าสนใจ คือถ้าอายุเยอะๆ เล่นเป็นบทพ่อที่มีลูกอาจจะเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับการเป็นวัยรุ่นอยู่มันน่าสนุก” รู้สึกยังไงที่แฟนๆภูมิใจกับการเติบโตในวันนี้ของเรา?“ผมก็ยินดีมากๆ คงไม่มีใครไม่ชอบฟีดแบ็กที่เป็นบวก หรือคำให้กำลังใจที่ดีๆ มันก็เป็นหนึ่งในเครื่องพิสูจน์ว่าเราเดินมาถูกทางแล้ว แน่นอนว่ามันอาจจะไม่ใช่ ทั้งหมดแต่มันเป็นเรื่องดีที่มีพวกเค้ามาสนับสนุนเรา และแน่นอนว่าถ้าวันนึงผมทำอะไรผิดพลาดขึ้นมา ก็หวัง ว่าจะได้รับคำตักเตือนจากทุกคนด้วยครับ”ตอนแฟนมีตติ้งเหมือนเราก็ซาบซึ้งจนน้ำตาไหล? “เอาจริงๆ ผมไม่ชอบตัวเอง ที่ไปร้องไห้ต่อหน้าแฟนคลับนะ มันเป็นนิสัยส่วนตัวคือผมไม่ค่อยชอบเห็นตัวเองร้องไห้ แต่สิ่งที่พวกเค้าทำให้มันล้นหลามมากจริงๆมันเลยออกมาเป็นอย่างนั้น”เส้นทางของนนกุลไม่ง่ายมีทั้งกราฟขึ้นลง จังหวะงานกำลังพุ่งที่จีนก็เจอโควิด-19 ทำให้เราจัดการกับตัวเองและเติบโตขึ้นยังไง?“ผมแค่รู้สึกว่าอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่และปรับตัวกับมันให้ได้ มันไม่มีข้อดีที่จะมานั่งโหยหาโอกาสที่มันหายไปแล้ว ผมก็อยากได้นะ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ แต่สิ่งที่มันทำให้ผมเรียนรู้ก็คือถ้าเกิดอะไร มันก็ต้องไปต่อ จริงๆผมว่าทุกคนรู้แต่พอมันเกิดขึ้นกับตัวเองจริงๆ มันจะไปต่อได้จริงๆมั้ย ซึ่งก็โชคดี ที่วันนั้นผมมีหลายๆคนที่ซัพพอร์ตผมอยู่ และโชคดีที่ความฝันมันยังเป็นรูปเป็นร่างมากพอที่จะทำให้ผมมองว่า ถ้าทำอันนี้ไม่ได้ งั้นไปต่อทางนี้ มันเลยอาจจะทำให้ผมถีบตัวกลับมาได้เร็วกว่าคนอื่นบ้างเล็กน้อย” มองตัวเอง ณ วันนี้แกร่งขึ้นมั้ย? “ก็หวังว่านะครับ ก็คาดหวังว่าตัวเองจะแกร่งขึ้น”เรามองความรักของตัวละคร “จอม” เป็นยังไง?“ความรักของจอมคงเป็นความรักที่ซื่อสัตย์ มั่นคง เป็นความรักที่รู้สึกว่าถ้าตราบใดคนสองคนที่รักกัน มันยังรักกันอยู่ มันก็ไม่มีทางพัง แต่ตั้งแต่ต้นเรื่อง พอโดนหักอกเลยเป็นครั้งแรกที่ทำให้เค้ารู้สึกว่าเค้าผิดอะไรหรือเป็นเพราะเค้าไม่ใช่ผู้หญิง หรือจริงๆมันเพราะอะไร มีหลายความคิดทั้งโทษตัวเอง โทษคนรัก นั่นคือความคิดจอม ส่วนความรักที่จอมมีต่อคุณใหญ่มันค่อยๆเติบโตแบบเรียบง่าย เราเพิ่งโดนหักอกมาแล้วเพิ่งมารู้จักคนคนนี้เลยยังไม่ไว้ใจเค้า ไม่ไว้ใจสถานการณ์ ช่วงเวลา ยุคสมัยมันไม่อำนวยต่อความรักรูปแบบนี้ เค้าเลยไม่มั่นใจ แต่สุดท้ายผมมองว่าจอมยังเชื่อมั่นในความรักที่บริสุทธิ์มากๆ เพราะสุดท้ายแล้วเค้าก็ตัดสินใจที่จะรักกับคุณใหญ่อยู่ดี”แล้วถ้าเป็นมุมมองความรักของ “นนกุล” เวลารักใครจะใกล้เคียงกับจอมมั้ย?“ผมเหรอ ความเชื่อในความรักของผมมันค่อนข้างง่ายมากๆ อาจจะนามธรรมไปนิดนึง สมมติเราจะใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน ไม่ใช่ว่าเราจะให้เต็มร้อยแล้วมาแบ่งกันว่าผมให้ 50 คุณให้ 50 นะ แล้วจะเท่ากับร้อย ในแต่ความคิดของผมคือ ถ้าเรารักใครแล้ว เราต้องให้เต็มร้อย แล้วเค้าก็ต้องให้เต็มร้อย ถึงมันจะเกินก็ไม่เป็นไร เราค่อยมาบาลานซ์กัน ถ้าเราให้ 50 มันเหมือนจิตใต้สำนึกเรามันเผื่อใจไว้ตลอด แล้วความคิดนั้นมันก็จะส่งต่อไปยังอีกฝั่งว่าเผื่อใจ มันก็ไม่ใช่ และมันก็จะไม่สามารถเป็นคู่ชีวิตที่ยืนยาวได้ สุดท้ายก็เผื่อใจกันไปเรื่อยๆและอาจจะจบลงด้วยการแยกกันไป และถ้าคนหนึ่งให้ 100 แต่อีกคนให้ 50 มันก็เป็นวงจรไม่ดี เพราะคนที่ให้ 100 มองว่าให้ไปแล้วเจ็บคงไม่ให้ใครอีกแล้ว ผมหวังว่าความรักของผมในอนาคตหรือในปัจจุบันอะไรก็ตาม หวังว่าจะได้เจอคนที่ให้เราเต็มร้อยแล้วกัน แล้วผมก็จะให้เต็มร้อยกับเค้าครับ”.เรื่อง: สุภลัคน์ วุฒิกรีธาชัยคลิกอ่านคอลัมน์ “คนดังนั่งคุย” เพิ่มเติม