แฮปปี้ได้ดูแล "พิพิม" พร้อมซัพพอร์ตลูกทุกเวลานับวันยิ่งเข้าอกเข้าใจความรัก ความผูกพันระหว่าง “แม่ลูก” เพราะเป็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไข พร้อมซัพพอร์ตทุกเรื่องราว สำหรับ ต่าย-ชุติมา ทีปะนาถ อดีตนางเอกสาวชื่อดัง หลังจากห่างหายจากวงการบันเทิงเพื่อสร้างครอบครัวเล็กๆ แต่สุดท้ายต้องตกเป็นข่าว “เตียงหัก” แยกทางกัน แต่ทั้งต่ายและ ทิม-พิธา ยังทำหน้าที่ “คุณพ่อคุณแม่แบ่งวันกันดูแลลูกสาวตัวน้อย น้องพิพิม อายุ 3 ขวบ 4 เดือน ร่วมกัน ซึ่ง “วันแม่” ปีนี้เลยต้องคว้า คุณแม่ต่ายมาเปิดใจถึงการเลี้ยงลูกในแบบฉบับตนเอง ใน “คนดังนั่งคุย”ความเป็นมนุษย์แม่ กับวันที่พิพิมเรียกต่ายว่าหม่าม้าความรู้สึกตรงนั้นเป็นยังไงบ้าง“เรารอคำนั้นอยู่แล้ว เค้าบอกว่าจะเป็นคำแรกๆที่ลูกพูดได้ จริงๆไม่ได้รอเค้าพูดได้ แค่เสียงแอะแรกคลอดเค้าออกมา อันนั้นคือเราน้ำตาไหลแล้วแต่เป็นน้ำตาไหลแบบปีติส่วนนึง แต่ความเป็นห่วงเยอะกว่า คนอื่นเล่าให้ฟังว่าคลอดลูกน้ำตาไหลแบบปลื้มแต่ของเราเป็นความเป็นห่วง เสียงร้องของเค้ามันฟังดูทรมานไม่รู้เค้าหนาวหรือเปล่า หรือเกิดอะไรขึ้น มีอะไรติดคอมั้ย พอคลอดออกมาอุณหภูมิเปลี่ยน ลมที่มาปะทะตัวเค้ามันก็จะแบบเจออากาศครั้งแรกเสียงร้องเค้า น้ำตาไหล เป็นความเข้าใจความเป็นห่วงของแม่ที่มีต่อลูกมันเป็นแบบนี้ ตอนแรกไม่คาดการณ์ล่วงหน้าเราจะต้องเป็นห่วง ตอนที่เราท้องก็ดูแลตัวเอง ดูแลการกิน เป็นห่วงสุขภาพ ออกกำลังกายเพื่อให้ลูกแข็งแรง แม่แข็งแรง ลูกจะได้คลอดง่าย แต่จุดแรกที่ออกมาความเป็นห่วงมันเกิดขึ้นทันทีเลย เหมือนที่เค้าบอกเลย”พอมีลูกมาเติมเต็มครอบครัวแล้วชีวิตเราเปลี่ยนไปขนาดไหน“เปลี่ยนเยอะนะคะ เราจะต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้เค้า โตขึ้นมีสิ่งที่ต้องมีจุดมุ่งหมาย เราจะต้องทำอะไรให้เค้าวางแพลนเพิ่มขึ้นมา มีเพิ่มขึ้นมาอีก 1 ชีวิต เป็นความรักที่ยิ่งใหญ่ พอมีพิพิม ทำให้เรารู้ว่าคุณแม่รักและเป็นห่วงเราขนาดไหน ตอนแรกไม่สามารถสัมผัสอารมณ์นั้นได้เลยจนเรามีลูกเองเราถึงรู้ว่า อ่อ แม่รักเราขนาดนี้”สไตล์การเลี้ยงลูกของต่ายเป็นแบบไหน“ก็จะระเบียบนิดนึง ไม่ได้ทำให้อึดอัด คือจะเน้นระเบียบ วินัยและความสะอาด ให้ช่วยเหลือตัวเองได้ ใช้เหตุผลในการคุย ตอนแรกๆ คุยกับเค้าเหมือนเค้าเป็นผู้ใหญ่มากจนเพื่อนบอกว่าต้องมีเสียงสองนิดนึงนะเวลาคุยกับเด็กก็เลยเริ่มฝึก เวลาคุยกับเด็กจะต้องมีความการ์ตูนนิดนึง” ถือว่าเป็นคุณแม่ที่ดุมั้ย“ไม่ดุค่ะ แต่จะคอยเตือนเค้ามากกว่า จะทานขนมล้างมือหรือยัง? จะคอยถาม คอยบอกมากกว่า”พอพัฒนาของพิพิมตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้เป็นยังไงบ้าง“ก็รู้สึกว่าเค้ามีพัฒนาการที่เร็วเหมือนกัน และรู้สึกว่าเราไม่ได้เหนื่อยมากในการสอนเค้าหรือพูดคุยกับเค้า เค้าก็จะเป็นเด็กที่มีเหตุมีผล บอกนิดเดียวเค้าก็จะจำได้แล้ว นึกถึงตอนตัวเองเป็นเด็กๆเลย คุณแม่พูดหลายรอบมากแต่อันนี้ครั้งเดียวจำได้แล้ว บางทีเค้าจะบอกก็หม่าม้าสอนแบบนี้ไง ถึงจะสอนแบบนี้ก็ไม่ได้บังคับให้ทำตามเราจนไม่มีความคิดเป็นของตนเอง เราจะคอยถามเค้าทำแบบนี้พิพิมว่าดียังไง ให้เค้าเช็ดเท้าก่อนขึ้นเตียง ถ้าไม่เช็ดเป็นยังไง มีขี้ฝุ่น หนูชอบมั้ยคะ คือให้เค้าคิดเอง ว้าย! สกปรก เค้าต้องเช็ดเท้า ต่ายจะฝึกเค้าระเบียบวินัย จริงๆเค้าฟังเรานะ จะมีประโยคที่ว่า หม่าม้าให้ทำแบบนี้ไง ก็ดีใจที่เค้าจำได้ จำที่เราสอนได้ หรือบางทีเราเป็นผู้ใหญ่ก็อยากลักไก่บ้างก็ไม่ได้ไง เค้ารู้แล้ว ลูกรู้ทันต้องอย่างนี้สิคะ เราก็ได้แต่ค่ะๆๆๆ (หัวเราะ)”ตอนนี้สภาพครอบครัวแยกทางกัน พิพิมจะต้องอยู่กับคุณพ่อที คุณแม่ทีเรามีวิธีการรับมือหรือวิธีการเลี้ยงเค้ายังไงบ้าง“จะคอยปรึกษาคุณหมอตลอด ตอนนี้อยากให้เค้ารับรู้ในลักษณะว่า ทำเป็นกิจวัตรว่าวันนี้อยู่ที่ไหนทำอะไร จะบอกเค้า พิพิมอยู่กับหม่าม้าวันนี้ๆนะ วันศุกร์หม่าม้ามารับนะ เราก็สัญญากัน หม่าม้าก็จะไม่ผิดคำพูด”เค้ามีถามเรามั้ยทำไมไม่อยู่ด้วยกัน“ไม่ได้ถามค่ะ เค้าก็มีความพัฒนาการที่ดีขึ้น มีความเข้าใจในเหตุผลว่าตอนนี้เค้าต้องทำอะไร ต่ายจะบอกว่ามีหน้าที่ต้องทำงาน เวลาคุณพ่อทำงานพิพิมก็อยู่กับหม่าม้า จะให้เหตุผลอธิบายกับเค้าไปว่าคุณพ่อต้องไปทำงาน แล้วเราต้องทำงานเพื่ออะไร ทำงานแล้วได้อะไร พอได้เงินมาแล้วเอามาซื้ออะไรเค้าก็จะรู้ ทำงานได้เงิน เก็บเงินมาเพื่อซื้อขนม ซื้อของเล่น ซื้อหนังสือให้หนู เหมือนกับว่ามีความจำเป็น อย่างหนังสือไม่ใช่ได้มาง่ายๆนะ ต้องแลกมาด้วยการทำงานจนบางทีมันตลก เหมือนเราบอกกับลูก หม่าม้าอยากอยู่กับพิพิมจังเลย คิดถึง เค้าก็บอกว่าหม่าม้าต้องทำงานนะเดี๋ยวไม่มีเงิน อะไรแบบนี้ บอกเหมือนรู้เรามีหน้าที่ ทำให้เราหายห่วงไปประมาณนึงเพราะพิพิมมีความเข้าใจอะไรมากขึ้น”ช่วงวันที่ต่ายเป็นเวรต้องดูแลลูกถึงขนาดไม่รับงานเลยหรือเปล่า“จะรับเฉพาะงานที่ไปด้วยกันได้หรือช่วงนี้รับงานช่วงวันที่เราไม่ได้อยู่กับเค้า จะเลือกวันและวันที่อยู่กับเค้าก็จะอยู่กับเค้า 24 ชม.ถ้าวันไหนที่ว่างค่อยไปทำงาน ช่วงเวลาที่ต่ายอยู่กับลูกก็อยากให้เวลากับเค้าเต็มที่ ก่อนหน้านี้เราอยู่กับเค้าตลอดอยู่แล้ว ไม่กล้าทิ้งไว้กับพี่เลี้ยง คือเราจะต้องอยู่กันแบบนี้ 3 คน กระเตงไปไหนไปกันทุกๆที่ที่เราไป เค้าไปด้วยได้” มีแอบตามไปเฝ้าลูกที่โรงเรียนบ้างมั้ย“ถ้าเรารู้ว่ามีกิจกรรมที่โรงเรียนเราจะไปซัพพอร์ตไปดูเค้า ไปให้กำลังใจพิพิมตลอด ไปครบทุกงานค่ะ (หัวเราะ) คือเราอยากไปซัพพอร์ตลูกอยู่แล้วเหมือนวันที่ทุกคนมีผู้ปกครองไป เราก็อยากอยู่ตรงนั้นเพื่อเค้า ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่วันของเราแต่เราก็จะไปเพื่อลูก เวลาอยู่ด้วยกันทุกนาทีพิพิมจะเรียกหม่าม้าๆ อย่างโน้นอย่างนี้ หม่าม้าทำนี่ให้หน่อย เรียกตลอด สนุก เค้าไปเล่นสระบอล ถ้าเป็นเด็กคนอื่นจะเล่นลืมแต่พิพิมจะเรียกหม่าม้าๆ กวักมือเรียก เราก็ต้องตามเค้าไปทุกที่ เหมือนเราเป็นเพื่อนเล่นกับเค้า”ในฐานะคนเป็นแม่ มองอนาคตของลูกยังไงบ้าง“อยากให้เค้าทำในสิ่งที่เค้าถนัด ต่ายรู้สึกว่าถ้าคนเราชอบหรือถนัดก็จะทำสิ่งนั้นได้ดี แล้วจะประสบความสำเร็จ ไม่อยากให้ไปฝืนตัวเองโอ้โหงานนี้ต้องได้เงินเยอะๆ เครียดแล้วได้เงินเยอะก็ไม่เอา อยากสอนให้เค้าอยู่แบบพอเพียง เราหาได้เท่านี้ต้องบริหารจัดการเงินของเรา ไม่ได้เลี้ยงเป็นคุณหนูเลย ทุกวันนี้จะสอนเค้าหยอดกระปุก สอนให้เค้าประหยัด อะไรที่เค้ามีแล้ว เค้าก็จะ อ่อ พิพิมมีแล้วก็จะไม่เอา ก็จะคอยชมเค้าหนูเก่งนะที่รู้ว่ามีแล้วไม่เอา ไม่ได้ตามใจ มีเหมือนกันที่พิพิมพูดว่า หนูอยากได้ตุ๊กตาอันนี้มินนี่เม้าส์ ก็บอกที่บ้านมีแล้วไงอยู่ที่เตียง เค้าบอกว่าแต่เค้าไม่มีเพื่อนนะหม่าม้า พูดซะน่ารักเลย เกือบใจอ่อนแต่เราก็จะเบี่ยงเบนไปเรื่องอื่น เดี๋ยวหม่าม้าหาอย่างอื่นที่มีประโยชน์ให้นะ เลยซื้อเป็นกระเป๋าสตางค์แทน 70 บาท แต่ตุ๊กตาตัวนั้นราคา 700 เค้าโอเค พอเรามีลูกทำให้จุดมุ่งหมาย การมองอนาคตก็จะมีเค้าร่วมด้วยอยู่ในภาพนั้น อยากให้ลูกโตไปเป็นเบสต์เฟรนด์ มีอะไรคุยกันได้หมด เป็นที่ปรึกษาเพราะรู้ว่าครอบครัวเป็นอะไรที่สำคัญที่สุดทั้งให้คำปรึกษา ให้กำลังใจ คอยซัพพอร์ตทุกเรื่องเพื่อให้เค้าไปเผชิญโลกข้างนอก ทุกวันนี้มันช่างแบบว่าต้องไปสู้รบปรบมือก็อยากให้ลูกรู้สึกมีที่ที่ปลอดภัยคือบ้านของเรา”พิพิมถือว่าได้อย่างใจต่ายมั้ย“เค้าก็มีดื้อตามวัย เราอ่านหนังสือวัยนี้เป็นยังไงและคอยแก้ไขกันไป”ปกติต่ายก็ใจเย็นยิ่งมีลูกยิ่งใจเย็น“ใช่ค่ะ ต่ายใจเย็นแต่ตอนนี้มีบททดสอบบ้างแหละเพราะบางทีเค้าก็ร้องเป็นชั่วโมง ทำให้รู้ว่าเราก็นั่งอยู่กับเขาได้”เวลาเรามีปัญหาแล้วมองหน้าลูกทำให้คลายทุกข์ มีพลังใจขนาดไหน“ทุกวันนี้ก็ดูหน้าลูก ดูคลิปลูกทุกวันเหมือนเป็นกำลังใจ” ลูกมาเติมเต็มชีวิตเรา“รู้สึกว่าชีวิตนี้ไม่ต้องไปนั่งหาแฟนหรือหาใดๆแล้วเพราะลูกก็ถือว่าเป็นเพื่อนสนิทคนนึงที่เราพร้อมซัพพอร์ตเค้า โตไปพร้อมกับเค้า”วันนึงมีคนชวนพิพิมเข้าวงการต่ายสนับสนุน“ต้องแล้วแต่เค้า ดูเค้ามีความสุขมั้ยเพราะต่ายจะไม่บังคับเค้าอยู่แล้ว แต่เท่าที่ผ่านมาเวลามีการถ่ายรูปเค้าดูจะชอบ ถ่ายแบบเก่งกว่าแม่อีก เราโพสท่าไม่เก่งเท่าเค้า ทั้งๆที่เค้าไม่เคยดูการโพสเลยคืออินเนอร์มา”จริงๆภาพความเป็นมนุษย์แม่ในหัวต่ายเป็นยังไงบ้าง“ไม่เคยๆ เพราะชีวิตนี้เคยคิดว่าไม่อยากแต่งงานด้วย ตั้งแต่เด็กๆเคยคิดไม่อยากแต่งงาน โตมาก็เป็นวัยรุ่นปกติ ไม่เคยวางภาพต้องแต่งงานมีลูกแต่พอเค้ามาก็ชื่นใจค่ะ.ทีมข่าวบันเทิง