กัมพูชายอมแล้ว กลาโหมส่งหนังสืออย่างเป็นทางการถึง รมว.กลาโหมไทย ขอเจรจา “หยุดยิง” ตามกลไก GBC ไทยย้ำต้องพิสูจน์ความจริงใจตาม 3 เงื่อนไขหลัก ขณะที่ การประชุม GBC ระดับเลขาฯไทย-กัมพูชา ถกปัญหาชายแดนที่ด่านบ้านผักกาด อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ฝ่ายกัมพูชานั่งโต๊ะประชุมเพียงแค่ 36 นาทีแล้วรีบขอตัวกลับ ชี้พฤติกรรมกัมพูชาผิดกติกาสากล 5 ประเด็น ด้านสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ปะทะหนักหลายจุด ศรีสะเกษ-สุรินทร์ ตึงเครียด กัมพูชาใช้จรวดไร้ทิศทางหลายลำกล้อง BM-21 ยิงเป้าหมายพลเรือนไทยต่อเนื่อง กองทัพภาคที่ 1 ยึด “บ้านคลองแผง” ได้อีก 1 พื้นที่ เตรียมสถาปนาที่มั่น กองทัพบกเผยยังพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล-ดัดแปลงของกัมพูชา กองทัพอากาศขึ้นบินโจมตีเชิงลึก “คลังอาวุธ” ในพระตะบอง กองทัพภาคที่ 1 เปิดภาพทุ่นระเบิดสังหารบุคคล-ระเบิดแสวงเครื่อง ยึดพื้นที่บ้านคลองแผง กองทัพภาคที่ 2 แฉภาพจรวด BM-21 ถล่มบ้าน-ชุมชน-วัด-โรงเรียน-รพ. นายกฯเป็นประธานพิธีพระราชทานเพลิงศพ “จ่าเริง” วีรบุรุษเนิน 350 ท่ามกลางบรรยากาศสุดโศกเศร้า ขณะที่ทหารร่วมสมรภูมิรบนำธงที่จ่าเริงนำคล้องคอคลุมตัวระหว่างรบปักบนเนิน 350 สมดังความตั้งใจแล้วสถานการณ์การสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชา ที่ในวันที่ 24 ธ.ค. ล่วงเข้าสู่วันที่ 17 ของการสู้รบยังมีการปะทะรุนแรงหลายจุดในพื้นที่ชายแดนไทยด้าน จ.ศรีสะเกษ และ จ.สุรินทร์ ขณะที่การประชุม ระดับเลขานุการคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-กัมพูชา หรือ GBC มีขึ้นตามนัดที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี เมื่อเย็นวันที่ 24 ธ.ค. ที่เป็นวันแรกของการประชุมที่จัดรวม 3 วัน ระหว่างวันที่ 24-26 ธ.ค. สาระสำคัญการประชุม ครั้งนี้ไทยได้ชี้ให้เห็นถึงพฤติกรรมกัมพูชาที่ละเมิดกติกาสากลชัดเจนถึง 5 ข้อ ขณะที่ฝ่ายกัมพูชามานั่งโต๊ะ พูดคุยหารือไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็รีบเดินทางกลับทันทีเขมรระดมยิงต่อเนื่องเมื่อวันที่ 24 ธ.ค. กองทัพภาคที่ 1 รายงานว่า การปฏิบัติการในพื้นที่แนวรบทั้ง 3 แนวรบในพื้นที่ชายแดน จ.สระแก้ว ที่มีลักษณะเป็นที่โล่ง ไม่มีฐานที่มั่นหรือกำบังที่มีความแข็งแรง ง่ายต่อการเป็นพื้นที่ โจมตี อีกทั้งฝ่ายกัมพูชา ยังใช้พื้นที่ของพลเรือนเป็นที่ตั้งทางทหารในการโจมตีมายังฝ่ายไทย 1.พื้นที่บ้านคลองแผง อ.ตาพระยา ฝ่ายไทยสามารถยึดควบคุม พื้นที่ ดำเนินการสถาปนาที่มั่น ใช้อาวุธยิงสนับสนุนเพื่อควบคุมพื้นที่ ฝ่ายกัมพูชามีการต้านทานด้วยการ ยิงจากอาวุธยิงสนับสนุน โดยเฉพาะ BM-21 มาอย่าง ต่อเนื่อง 2.พื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง ไทยสามารถยึดควบคุมพื้นที่ ดำเนินการสถาปนาที่มั่น ใช้อาวุธยิงสนับสนุนเพื่อควบคุมพื้นที่ฝ่ายกัมพูชามีการต้านทาน ยิงจากอาวุธยิงสนับสนุน โดยเฉพาะ BM-21 มาต่อเนื่อง 3.พื้นที่บ้านหนองจาน อ.โคกสูง เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาได้เสริมความแข็งแรงของที่มั่น โจมตีฝ่ายไทยด้วยอาวุธปืนใหญ่ เครื่องยิงลูกระเบิดและจรวด BM-21 เข้ามาต่อเนื่อง ไทยได้ปฏิบัติการด้วยความรอบคอบ ใช้อาวุธยิงตอบโต้เพื่อช่วงชิงและควบคุมพื้นที่อย่างเบ็ดเสร็จต่อไปไทยโต้ตอบถล่มที่มั่นทหารกองทัพภาคที่ 1 รายงานอีกว่า สำหรับปฏิบัติการต่อที่หมายทางทหารของฝ่ายกัมพูชาในพื้นที่ฝั่งปอยเปต ยังดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจน คือ การโจมตีที่มั่นทางทหาร คลังเก็บอาวุธกระสุน ที่ตั้งผลซุ่มยิง ที่ตั้งอาวุธวิถีโค้ง ตลอดจนระบบติดตั้งหรือสื่อสารต่างๆที่มุ่งเป้าโจมตีมายังฝ่ายเรา ให้สิ้นสภาพต่อการเป็นภัยคุกคาม โดยคำนึงถึงการตอบโต้ตามสัดส่วน เพื่อป้องกันผลกระทบต่อพลเรือนที่ไม่เกี่ยวข้อง เป็นไปตามกฎหมายระหว่างประเทศขนจรวดหลายลำกล้องยิงเป็นชุดต่อมา ช่วงสายวันเดียวกัน กองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ภาพรวมยังคงมีการปะทะกันในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ และสุรินทร์ ขณะที่ฝ่ายไทยยังสามารถควบคุมสถาน การณ์ในสนามรบไว้ได้ กัมพูชายังคงใช้จรวดหลายลำกล้อง BM-21 ยิงเป็นชุดเข้ามาฝั่งไทย หวังกดดันและสร้างผลกระทบทางจิตวิทยา ฝ่ายไทยตอบโต้ด้วยการรวมอำนาจการยิงอย่างเป็นระบบ ใช้โดรนโจมตีเป้าหมายสำคัญ รวมถึงระบบการสื่อสารของฝ่ายตรงข้าม ทำให้ยังสามารถรักษาฐานที่มั่นไว้ได้ ทั้งนี้ในการปะทะกัน มีกำลังพลได้รับบาดเจ็บบางนายปะทะต่อเนื่อง 6 จุดสำคัญส่วนในพื้นที่ชายแดนจังหวัดอุบลราชธานี จุดผ่านแดนช่องบกไม่มีการปะทะ แต่มีการเตรียมกำลังและเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง พื้นที่ช่องอานม้า ไม่พบความเคลื่อนไหวของฝ่ายกัมพูชาที่มีนัยสำคัญ ชายแดนศรีสะเกษเป็นพื้นที่ที่เกิดการปะทะอย่างต่อเนื่องหลายจุด โดยแนวพื้นที่ซำแต-โดนตรวล-ภูผี-สัตตะโสม-พนมประสิทธิโส-ช่องตาเฒ่า ไทยวางกำลังเตรียมพร้อมตลอดแนวและยิงตอบโต้การใช้อาวุธจรวดหลายลำกล้อง BM-21 ของฝ่ายกัมพูชา เป็นระยะตลอดทั้งวัน โดยการตอบโต้เป็นไปอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วมออีแดงก็แรงทหารไทยเจ็บ 1 นายขณะที่บริเวณผามออีแดง-ห้วยตามาเรีย เกิดการปะทะอย่างหนาแน่นด้วยปืนใหญ่และเครื่องยิงลูกระเบิด ฝ่ายกัมพูชายิงจรวดหลายลำกล้อง BM-21 มาตกในพื้นที่ดังกล่าว ส่งผลให้กำลังพลฝ่ายไทยได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ก่อนที่ฝ่ายไทยจะยิงตอบโต้กลับแบบได้สัดส่วน ด้วยปืนใหญ่ ปืนครก และรถถัง ตอบโต้ไปมากกว่า 19 เป้าหมายทางทหารกัมพูชา ส่วนพื้นที่ภูมะเขือ-ช่องโดนเอาว์-พลาญยาว-พลาญหินแปดก้อน ฝ่ายกัมพูชายิงจรวดหลายลำกล้อง BM-21 หลายชุดเข้าใส่ยอดภูมะเขือและตรวจพบการใช้โดรนโจมตีแบบ FPV หลายลำ ฝ่ายไทยจึงใช้ปืนใหญ่เข้าควบคุมพื้นที่ด้านทิศใต้ของภูมะเขือ ยิงกระสุนส่องสว่างในจุดที่ตรวจพบความเคลื่อนไหวของทหารกัมพูชาชายแดนสุรินทร์กัมพูชายังถล่มยิงตาควาย–เนิน 350กองทัพภาคที่ 2 แถลงด้วยว่า ในพื้นที่ช่องจอม-ช่องเปรอ-–ช่องระยี ฝ่ายกัมพูชาใช้อาวุธหนักยิงเข้ามา ฝ่ายไทยยิงตอบโต้โดยไม่มีกำลังพลได้รับบาดเจ็บ พื้นที่คนามีการเสริมความมั่นคงและจัดระเบียบกำลังใหม่ พร้อมเพิ่มเติมอาวุธ กระสุน ระบบสื่อสาร พื้นที่ตาควายและเนิน 350 กัมพูชายังคงยิงจรวดหลายลำกล้อง BM-21 ปืนใหญ่ และใช้รถถังโจมตีจากระยะไกล กระสุนตกในพื้นที่และบนถนน แต่ยังไม่มีการรุกเข้าประชิด ไทยจึงได้ตอบโต้ในหลักป้องกันตนเองอย่างมีสัดส่วน ขณะที่พื้นที่ช่องกร่างไม่พบความเคลื่อนไหวสำคัญไทยยิงรถถังเขมรชำรุด 1 คันสำหรับพื้นที่ตาเมือน เกิดการปะทะอย่างต่อเนื่อง ด้วยอาวุธปืนเล็กและอาวุธยิงสนับสนุน ฝ่ายกัมพูชาใช้รถถังและจรวดหลายลำกล้อง BM-21 ยิงเข้ามาในพื้นที่ปราสาทหลายครั้ง อย่างไรก็ตาม กำลังพลฝ่ายไทยปลอดภัย ชายแดนจังหวัดบุรีรัมย์ พื้นที่ช่องสายตะกู ตรวจพบกระสุนของจรวดหลายลำกล้อง BM-21 ตกในพื้นที่ มีการยิงปืนใหญ่จากฝ่ายกัมพูชา โดยพบว่ารถถังของฝ่ายกัมพูชาในพื้นที่ชำรุด 1 คัน ยังไม่มีรายงานการสูญเสียเพิ่มเติม ขณะเดียวกันในพื้นที่ส่วนหลังของจังหวัดสุรินทร์ โดยเฉพาะหมู่บ้านหนองคันนา ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก มีกระสุนจรวดหลายลำกล้อง BM-21 ตกจำนวน 9 ลูก รวมถึงพื้นที่ซับหัวช้างและจุ๊บตาโมกที่ได้รับผลกระทบจากกระสุน แต่กำลังพลและประชาชนในบริเวณใกล้เคียงปลอดภัยทภ.2 เปิดภาพความเสียหายขณะที่กองทัพภาคที่ 2 เปิดภาพความเสียหายจากการโจมตีด้วยจรวดหลายลำกล้อง (BM-21) ที่ตกกระจายเป็นวงกว้างในพื้นที่ชุมชน บ้านเรือน วัดและโรงเรียน สะท้อนหลักฐานที่ยากจะปฏิเสธว่า การปฏิบัติการทางทหารของฝ่ายกัมพูชาดังกล่าว เป็นการใช้กำลังโดยไม่แยกแยะเป้าหมาย ขาดมาตรการคุ้มครองพลเรือน อันเข้าข่ายการละเมิดหลักกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างชัดเจน การอ้างคำว่า สันติภาพ เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการใช้กำลังที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน จึงถูกมองว่าเป็นวาทกรรมที่บิดเบือนข้อเท็จจริงสันติภาพไม่ควรถูกใช้เป็นเครื่องมือกองทัพภาคที่ 2 ระบุด้วยว่า สันติภาพไม่ควรถูกใช้เป็นเครื่องมือ เพื่อประโยชน์ทางการเมืองหรือยุทธศาสตร์ของรัฐใดรัฐหนึ่ง หากแต่ต้องตั้งอยู่บนหลักความรับผิดชอบต่อสังคม การแยกแยะเป้าหมายทางทหารกับพลเรือน หลักความได้สัดส่วนและความจำเป็นทางทหารอย่างแท้จริง ในบริบทดังกล่าว เมื่อพลเรือนกลายเป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงจากความรุนแรง สันติภาพที่กัมพูชากล่าวอ้างถูกตั้งคำถามถึงความจริงใจ หลายฝ่ายเห็นพ้องว่าสันติภาพจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อมีการปฏิบัติตามข้อตกลงและพันธกรณีระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด ไม่ใช่การใช้ถ้อยคำเรื่องสันติภาพเป็นฉากบังหน้าให้กับการใช้กำลังที่ปราศจากความรับผิดชอบพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PMN–2ที่ศูนย์แถลงข่าวร่วม สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ททบ.5 เวลา 14.30 น. พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษก ทบ. กล่าวว่า ช่วงเช้าวันที่ 24 ธ.ค. กกล.บูรพา กองทัพภาคที่ 1 เข้าควบคุมพื้นที่ บ.คลองแผง บ.หนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว ได้แล้ว ส่วน บ.หนองจาน ควบคุมได้บางส่วน ยังมีการปะทะต่อเนื่อง ส่วนพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 พื้นที่ที่ฝ่ายไทยควบคุมได้มีเพิ่มมากขึ้นและสถาปนาความมั่นคงพื้นที่ แต่พื้นที่ภูมะเขือ-ห้วยตามาเรีย จ.ศรีสะเกษ ยังมีการยิงปะทะต่อเนื่อง เป็นพื้นที่ที่ยังมีการโจมตีเข้ามา ทั้งนี้ในทุกพื้นที่ที่ควบคุมได้ พบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PMN-2 ล่าสุดคือพื้นที่ จ.สระแก้ว ส่วนพื้นที่ปราสาทตาควาย-เนิน 350 จ.สุรินทร์ พบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PMN-2 ทุ่นระเบิดดักรถถังที่ดัดแปลงและการดัดแปลงระเบิดแสวงเครื่อง ดัดแปลงจรวดต่อสู้รถถัง (RPG) ของทหารกัมพูชาในพื้นที่กองทัพภาคที่ 1-2 และกองทัพเรือ พบการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลทั้งหมดและต่อเนื่อง ย้อนไปตั้งแต่เหตุปะทะครั้งแรกเดือน ก.ค.68 ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่กระทรวงการต่างประเทศ ใช้ชี้แจงนานาชาติว่ามีการละเมิดอนุสัญญาออตตาวาจวกไร้ความจริงใจในการหยุดยิงด้าน พล.อ.ท.จักรกฤษณ์ ธรรมวิชัย โฆษกกองทัพอากาศ กล่าวว่า ทอ.ยังคงการปฏิบัติการเพื่อสนับสนุนการร้องขอของกองทัพบกอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีการปะทะบางส่วนในระดับสีส้ม คือพื้นที่ที่มีการปะทะ พื้นที่สีแดง คือพื้นที่ที่ปัจจุบัน กัมพูชายังคงยิงเข้ามาโจมตีไทยทั้งทางเป้าหมายทหารและพลเรือน ส่งผลต่อความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ยืนยันว่าสันติภาพมาพร้อมกับความจริงใจ ขณะนี้ฝ่ายกัมพูชายังไม่แสดงความจริงใจใดๆทั้งสิ้นกับคำว่าหยุดยิงเป็นหน้าที่ที่ทหารจะต้องรักษาความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโจมตีคลังพระตะบอง โฆษก ทอ.กล่าวอีกว่า ยอมรับว่าเมื่อช่วงเช้าวันที่ 24 ธ.ค. ได้มีปฏิบัติการทางอากาศโจมตี เป้าหมายคลังอาวุธของกัมพูชา พื้นที่ ต.พนมซ็อมเปา อ.บานัน จ.พระตะบอง เพื่อลิดรอนขีดความสามารถและเพื่อให้มั่นใจว่ากำลังรบของเรามีความปลอดภัย เมื่อถามว่าเป็นการยกระดับการปฏิบัติงานทางอากาศ เพื่อโจมตีพื้นที่เชิงลึกของกัมพูชาครั้งแรกหรือไม่ พล.อ.ท.จักรกฤษณ์กล่าวว่า เรายังปฏิบัติต่อเป้าหมายทางการทหาร เป็นสิทธิในการป้องกันตนเอง การโจมตีทางอาวุธถือเป็นสิทธิ เป็นการโจมตีเพื่อมนุษยธรรมด้วย ไม่ได้โจมตีที่เป้าหมายคนหรือกำลังทหารกัมพูชา แต่เป็นการโจมตีอาวุธที่เป็นภัยคุกคามต่างๆ ส่วนเป้าหมายที่โจมตีตั้งแต่วันแรกจนถึงปัจจุบันยืนยันว่าเป็นเป้าหมายทางทหารทั้งสิ้นและส่งผลกระทบต่อพลเรือนน้อยที่สุดเหิมถล่มไทยหลังถูกผลักดันขณะที่ พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงว่า สถานการณ์ตั้งแต่เวลา 15.00 น. วันที่ 23 ธ.ค. กัมพูชาเปิดจากโจมตีทหารไทย บริเวณบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ทำให้ทหารไทยเสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บ 4 นาย ส่งผลให้จำนวนทหารไทยที่เสียชีวิตขณะนี้มีทั้งหมด 23 ราย จากนั้นเวลา 17.00 น. กัมพูชายิงจรวดหลายลำกล้อง BM-21 เข้าใส่พื้นที่อุทยานแห่งชาติผามออีแดง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่งผลให้อาคารที่ทำการอุทยานได้รับความเสียหาย ในพื้นที่ที่ยังมีการปะทะอย่างต่อเนื่อง 2 จุดหลักๆ คือบริเวณ บ.หนองจาน จ.สระแก้ว และผามออีแดง จ.ศรีสะเกษ จากนั้นช่วงเวลา 10.15 น. วันที่ 24 ธ.ค. ฝ่ายกัมพูชายังระดมยิงจรวด BM-21 กว่า 80 ลูก เข้าใส่พื้นที่ อ.ตาพระยา และบริเวณบ.คลองแผง จ.สระแก้ว หลังถูกฝ่ายไทยผลักดันออกจากพื้นที่โจมตีตอบโต้อย่างชอบธรรมโฆษกกระทรวงกลาโหมกล่าวต่อว่า ปฏิบัติการทางทหารที่เกิดขึ้นเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าฝ่ายกัมพูชายังคงระดมโจมตีฝ่ายไทยด้วยอาวุธหนัก แม้กระทั่งช่วงที่ทั้ง 2 ฝ่ายอยู่ระหว่างริเริ่มจัดการประชุม GBC ในวันที่ 24 ธ.ค. เพื่อหารือแนวทางในการลดความตึงเครียดและวางมาตรการไปสู่สันติภาพ สะท้อนว่าฝ่ายกัมพูชามีความจริงใจในการร่วมแก้ไขปัญหาความขัดแย้งกับไทยมากน้อยเพียงใด ทำให้ฝ่ายไทยยังคงต้องป้องกันตนเอง ด้วยการโจมตีโต้ตอบ เพื่อยุติการโจมตีดังกล่าวตามหลักการสากล ขณะที่ผลกระทบต่อประชาชนไทย มีผู้ที่อพยพมาอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราว ทั้งสิ้น 150,529 คน มีการตั้งศูนย์พักพิง 779 จุด มีประชาชนเสียชีวิตจากการโจมตีของกัมพูชาโดยตรง 1 ราย ประชาชนที่เสียชีวิตจากผลกระทบทางอ้อมของเหตุการณ์ระหว่างไทย- กัมพูชา 41 ราย ประชาชนบาดเจ็บจากการโจมตีของกัมพูชา 13 ราย รพ.ได้รับผลกระทบ 18 แห่ง รพ.ส่งเสริมสุขภาพตำบลที่ได้รับผลกระทบ 240 แห่งกองทัพบกโต้กลับ “ลี ทุจ”ช่วงบ่าย พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงกรณีกระทรวงสารสนเทศกัมพูชา เผยแพร่ภาพวัตถุระเบิด และถ้อยแถลงของนายลี ทุจ รองผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดกัมพูชา CMAA โดยอ้างไทยใช้กระสุนปืนใหญ่แบบคลัสเตอร์ M-46 ว่า แท้จริงแล้วเป็นกระสุนปืนใหญ่แบบทวิประสงค์ ที่ใช้ต่อเป้าหมายทางทหาร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการทำลายเท่านั้น เมื่อกระสุนหลักกระทบเป้าหมาย กระสุนย่อยที่บรรจุอยู่ภายในจะทำการระเบิดต่อเนื่องในทันที กระสุนดังกล่าว ไม่ใช่ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล มิได้มีลักษณะเป็นอาวุธดักทำร้ายพลเรือนแต่อย่างใดยันปฏิบัติตามหลักมนุษยธรรมโฆษกกองทัพบกยังระบุว่า กระสุนปืนใหญ่ดังกล่าว เมื่อกระสุนหลักกระทบเป้าหมายแล้ว กระสุนย่อยที่บรรจุอยู่ภายในจะระเบิดต่อเนื่องในทันที ไม่มีผลตกค้างในระยะยาวต่อพลเรือน การกล่าวอ้างของกัมพูชาที่ระเบิดดังกล่าวจะตกค้างในพื้นที่จนเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและเด็กกัมพูชาจึงบิดเบือนข้อเท็จจริง มีเจตนามุ่งกล่าวหาและลดทอนความน่าเชื่อถือของฝ่ายไทย ยืนยันว่า ปฏิบัติการทางทหารของฝ่ายไทย เป็นไปตามหลักกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด โดยยึดหลักความจำเป็นทางทหาร และความได้สัดส่วน ใช้อาวุธเพื่อโจมตีเฉพาะเป้าหมายทางทหารเท่านั้น ทั้งนี้ ประเด็นสำคัญทั้งประเทศไทยและกัมพูชา มิได้เป็นภาคีของอนุสัญญาการห้ามใช้กระสุนคลัสเตอร์ (Convention on Cluster Munitions-CCM) ระบุว่าห้ามภาคีใช้งาน ผลิตหรือสะสมอาวุธชนิดนี้ ดังนั้นจึงไม่มีผลผูกพันตามอนุสัญญาฉบับดังกล่าวร้องประชาคมโลกดูข้อเท็จจริง กองทัพบกขอเรียกร้องให้ประชาคมโลกและองค์กรระหว่างประเทศ พิจารณาข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน และตระหนักถึงพฤติกรรมการใช้อาวุธและการปฏิบัติทางทหารของฝ่ายกัมพูชา ที่ยังคงมีการใช้อาวุธยิงสนับสนุน เช่น ระบบ BM-21 อาวุธปืน ทุ่นระเบิด PMN-2 รวมถึงการดัดแปลงลูกกระสุนและระเบิดแสวงเครื่องจำนวนมาก ยิงเข้ามาในดินแดนประเทศไทยอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของกำลังพลและประชาชนฝ่ายไทยมาโดยตลอด ทั้งนี้ กองทัพบกยังคงยึดมั่นในการใช้กำลังอย่างรับผิดชอบ ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศและพร้อมชี้แจงข้อเท็จจริงด้วยความโปร่งใส เพื่อปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงของประเทศอย่างถึงที่สุดเจอระเบิดเขมรต่อเนื่องบ่ายวันเดียวกัน ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 รายงานสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังบูรพา ภายหลังเข้ายึดพื้นที่บ้านคลองแผง อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว โดยกำลังพลของกองกำลังบูรพา ได้เข้าเคลียร์พื้นที่บ้านคลองแผง พร้อมทั้งดำเนินการตรวจค้น และเก็บกู้ วัตถุระเบิดในพื้นที่ฐานที่มั่นเดิมของฝ่ายกัมพูชา ทั้งนี้ได้ตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลและระเบิดแสวงเครื่อง ได้แก่ ระเบิดแสวงเครื่อง จำนวน 4 ชุด และทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PMN-2 จำนวน 2 ทุ่น ซึ่งเป็นหลักฐานที่ชี้ให้เห็นว่า ฝ่ายกัมพูชาครอบครองอาวุธที่มีเป้าประสงค์ลอบทำร้ายทหารไทยและละเมิดอนุสัญญาออตตาวาไทย–กัมพูชานัดประชุม GBCผู้สื่อข่าวรายงานว่าตามที่มีกำหนดการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) ที่ จ.จันทบุรี ในเวลา 16.00 น. วันที่ 24 ธ.ค. ของฝ่าย เลขานุการคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) ที่เป็นการประชุมวันแรกของการประชุมรวม 3 วัน (24-26 ธ.ค.) จากนั้นจะเป็นการประชุม GBC ที่ รมว.กลาโหมไทย-กัมพูชาเป็นประธานร่วมในวันที่ 27 ธ.ค. ในเวลา 16.24 น. ฝ่ายกัมพูชาเดินทางผ่านด่านถาวรบ้านผักกาด อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี มาเข้าร่วมประชุม ที่ใช้ห้องประชุมชุดควบคุมทหารพรานนาวิกโยธินที่ 4 อยู่ติดกับจุดผ่านแดนถาวร หารือถึงข้อตกลงเกี่ยวกับปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทยมี พล.อ.ณัฐพงษ์ เพราแก้ว รองเสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ในฐานะเลขานุการ GBC เป็นประธานการประชุม ขณะที่ฝ่ายกัมพูชาส่ง พล.ต.แญม โบราเดน รองหัวหน้าสำนักงานรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมกัมพูชาและคณะทำงานเข้าประชุมหารือกับฝ่ายไทยคุยปัญหา 30 นาทีเขมรขอกลับผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาลงนั่งโต๊ะพูดคุยหารือกันยังไม่ทันถึงครึ่งชั่วโมง เอกสารต่างๆในการประชุมยังไม่ทันถูกนำออกมากางวางบนโต๊ะ พล.ต.แญมและคณะทำงานก็เดินทางกลับทันทีในเวลา 17.00 น. ใช้ช่องทางจุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี เช่นเดียวกับคณะเลขานุการฝ่ายไทย ขึ้นรถบัสของกองบัญชาการกองทัพไทยเดินทางกลับและจะไปแถลงผลการหารือร่วมกับกัมพูชาที่ชาเทรียม กอล์ฟ รีสอร์ท สอยดาว อ.โป่งน้ำร้อน รวมเป็นการหารือที่สั้นที่สุดเพียง 36 นาที เฉ่ง 5 ข้อเขมรละเมิดกติกาสากลสำหรับแนวทางการประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ฝ่ายไทยจะชี้ถึงพฤติกรรมที่กัมพูชาละเมิดกติกาสากล 5 ข้อ คือ 1.การใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (ครอบครอง-ผลิต-ใช้ทุ่นใหม่) 2.ใช้โบราณสถานเป็นที่มั่นทหาร 3.ใช้ชุมชนเป็นที่ตั้งยิงอาวุธหนัก/ย้ายกลับชุมชนหลังยิง 4.ใช้อาคารพลเรือนเป็นที่ตั้ง/คลังอาวุธ (รวมถึงอาคารที่เชื่อมโยงสแกมเมอร์/กาสิโนถูกใช้ทางทหาร) 5.ใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์และเป็นเครื่องมือกล่าวหาเมื่อเกิดความสูญเสีย หากการหารือฝ่ายเลขาฯไม่สามารถตกลงกรอบสำคัญเชิงเทคนิคได้ เช่น การวางกำลัง และรายละเอียดที่ทำให้หยุดยิง ฝ่ายไทยก็จะไม่ประชุม GBC และลงนามในวันที่ 27 ธ.ค.พระราชทานเพลิงศพจ่าเริงทางด้านบรรยากาศงานพระราชทานเพลิงศพ จ.ส.อ.สำเริง คลังประโคน วีรบุรุษเนิน 350 แห่งเทือกเขาพนมดงรัก อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ที่เสียชีวิตจากการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาอย่างกล้าหาญจนกลายเป็นเรื่องราวเป็นตำนานให้คนไทยกล่าวขานยกย่องสืบไป เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เดินทางมาเป็นประธานพิธี ก่อนเริ่มพิธีพระราชทานเพลิงศพ มีวงดนตรีชื่อวง “เฉยซ่า” เป็นนักดนตรีในพื้นที่ได้ขออนุญาตนางอุ่น คลังประโคน มารดาจ่าเริง นำบทเพลงที่จ่าเริงเคยแต่งเองร้องเองแต่ยังแต่งไม่จบ มาเติมเนื้อหานำมาร้องในงานพระราชทานเพลิงศพด้วยนายหาญณรงค์ ศรีกิมแก้ว อายุ 42 ปี หัวหน้าวง “เฉยซ่า” เผยว่า ก่อนหน้านี้ทราบข่าวที่จ่าเริงร้องเพลงที่แต่งเองและยังแต่งไม่จบ จึงประสานขอเนื้อเพลงของจ่าเริงมาเติมข้อความให้เหมาะสม นำมาร้องต่อหน้าโลงศพของจ่าเริง หลังจากนี้จะทำดนตรีใหม่และนำมาเสนอแม่จ่าเริงเพื่อเผยแพร่ต่อไปธงชาติห่มตัวจ่าเริงขึ้นปักบนเนิน 350เย็นวันเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก “จ่าไอซ์ ทัพฟ้า” เผยแพร่ภาพน้องๆทหารร่วมสมรภูมิรบของจ่าเริง นำธงชาติไทย ที่จ่าเริงนำผูกคล้องคอคลุมหลังติดตัวอยู่ตลอดเวลาเพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการสู้รบและมีความตั้งใจว่าจะต้องนำธงชาติไทยขึ้นไปปักบนเนิน 350 เพื่อแสดงถึงเขตอธิปไตยไทยให้ได้ แต่จ่าเริงมาเสียชีวิตไปก่อน โดยธงชาติไทยของจ่าเริงเต็มไปด้วยรูกระสุนและเลือด แสดงถึงการต่อสู้ปกป้องอธิปไตยอย่างหนักหน่วงของจ่าเริงจนเป็นที่จดจำของคนไทยทุกคน ทำให้น้องๆทหารร่วมกันสานต่อความประสงค์อันสูงสุดในชีวิตของจ่าเริงดังกล่าวกัมพูชายอมแล้วประกาศขอหยุดยิงเมื่อช่วงเย็นวันที่ 24 ธ.ค. กองบัญชาการกองทัพไทยได้แถลงว่า ตามที่กระทรวงการต่างประเทศแถลงจุดยืนต่อเงื่อนไขการหยุดยิง บริเวณพื้นที่ชายแดน ระบุให้ฝ่ายกัมพูชาต้องแสดงเจตจำนงผ่านการปฏิบัติ 3 ประการ ได้แก่ การประกาศหยุดยิงก่อน การยุติการใช้กำลังอย่างต่อเนื่องและความร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดอย่างเป็นรูปธรรมนั้น เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. กระทรวงกลาโหมกัมพูชา มีหนังสืออย่างเป็นทางการถึง รมว.กลาโหมไทย เพื่อแสดงความประสงค์ในการเจรจาหยุดยิง ถือเป็นก้าวสำคัญภายใต้กรอบเงื่อนไขที่ไทยกำหนด ทั้งนี้ จากการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนสมัยพิเศษ เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. นำไปสู่การจัดประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ตามข้อเสนอของฝ่ายกัมพูชา กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-27 ธ.ค. ที่ จ.จันทบุรี ฝ่ายไทยมี พล.อ.ณัฐพงษ์ เพราแก้ว รองเสนาธิการทหาร และฝ่ายกัมพูชา มี Major General Nhem Boraden เป็นหัวหน้าคณะการประชุมฯอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่