โลกยุคปัจจุบัน ผู้คนหลากหลายเพศและวัยมีความใกล้ชิดกับสื่อโซเชียลมีเดียหลายแพลตฟอร์ม เรียกได้ว่าอาจเป็นปัจจัยที่ 6 ของชีวิตเลยทีเดียว ใครไม่เล่นโซเชียลมีเดีย อาจดูเป็นคนแปลกประหลาดในยุคนี้เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา มีข่าวหนึ่งที่ โด่งดังมาก นั่นคือ “ออสเตรเลีย” เป็นประเทศแรกในโลกที่บังคับใช้กฎหมายห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปีใช้สื่อโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มต่างๆ ครอบคลุมทั้งเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม เธรด เอ็กซ์ สแนปแชตและติ๊กต่อกรัฐบาลออสเตรเลียทำการศึกษาตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา พบว่าเด็กอายุ 10–15 ปีในออสเตรเลีย ร้อยละ 96% ใช้สื่อโซเชียลมีเดีย และเด็ก 7 ใน 10 คนเคยได้รับเนื้อหาและพฤติกรรมที่เป็นอันตราย ทั้งการเหยียดเพศ ภาพวิดีโอการต่อสู้ พฤติกรรมการทานอาหารอย่างผิดๆ และการฆ่าตัวตาย ทำให้ทางการออสเตรเลียอยากให้เด็กๆใช้ชีวิตในโลกแห่งความเป็นจริงมากกว่าหมกมุ่นกับการใช้สื่อออนไลน์ และออกกฎหมายห้ามพลเมืองที่เกิดหลังวันที่ 11 ม.ค.2554 ลงทะเบียนใช้สื่อโซเชียลมีเดียเด็ดขาดหากเด็กๆละเมิดกฎหมายนี้จะไม่ถูกลงโทษอะไร แต่คนที่เดือดร้อนเป็นบริษัทสื่อออนไลน์ต่างๆ ที่อาจถูกปรับเงินสูงสุดถึง 49.5 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือราว 1,064 ล้านบาท หากไม่ลบแอ็กเคาต์ของเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีแน่นอนว่า เด็กๆที่โดนจำกัดสิทธิย่อมมีทั้งพอใจและไม่พอใจ กรณีที่ไม่พอใจเช่นกรณีของนาย “ไรลีย์ แอลเลน” อายุ 15 ปี ชาวเมืองวูดินนา รัฐ “เซาท์ ออสเตรเลีย” นายแอลเลนบอกว่า บ้านของเขาอยู่ห่างจากบ้านเพื่อนร่วมชั้นเรียนกว่า 70 กม. และที่ผ่านมาพวกเขาติดต่อกันผ่านทางเฟซบุ๊กและสื่อออนไลน์แพลตฟอร์มอื่นๆ แต่พอกฎหมายฉบับนี้มีการบังคับใช้ นายแอลเลนยอมรับว่า ไม่รู้จะติดต่อกับเพื่อนๆด้วยช่องทางไหนขณะที่นาย “โนอาห์ โจนส์” และ น.ส. “เมซีย์ เนย์แลนด์” สมาชิกกลุ่มโครงการเสรีภาพทางดิจิทัล ร่วมกันยื่นฟ้องศาลฎีกาออสเตรเลียโดยบอกว่า รัฐบาลละเมิดรัฐธรรมนูญออสเตรเลียที่ระบุการให้เสรีภาพทางการพูดและแสดงออกต่อพลเมือง และกฎหมายนี้ละเมิดสิทธิเสรีภาพของคนหนุ่มสาวออสเตรเลียกว่า 2.6 ล้านคนเรื่องนี้ยังไม่จบง่ายๆ เรามาดูปฏิกิริยาของรัฐบาลออสเตรเลีย และผลกระทบต่อคนหนุ่มสาวออสเตรเลียในด้านอื่นๆ จากมาตรการปิดกั้นการใช้โซเชียลมีเดียในตอนต่อไป.ผู้เล็กน้อยคลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม