กองทัพทวงแผ่นดินไทยกลับคืนได้สำเร็จ ทั้งช่องอานม้า-เนิน 350-ปราสาทตาควาย-บ้านท่าเส้น-บ่อนทมอดา หลังส่งบินรบ F-16 ถล่มเส้นทางลำเลียงอาวุธกัมพูชาพร้อมกันหลายจุดจนราบคาบ รวมถึงนำร่าง 2ทหารกล้า “จ่าสำเริง-พลฯภานุพัฒน์” จากเนิน 350 กลับคืนสู่อ้อมกอดครอบครัวได้เรียบร้อย พร้อมส่งสัญญาณเตือนถึงชนชั้นนำกัมพูชา ลั่นจะไม่หยุดโจมตีจนกว่าจะรับ 3 เงื่อนไขรัฐบาลไทย เพื่อนำไปสู่การเจรจาเพื่อสันติภาพที่ยั่งยืนสถานการณ์การปะทะระหว่างทหารไทยกับกัมพูชาที่ดำเนินต่อเนื่องมาเป็นวันที่ 13 ในวันที่ 20 ธ.ค.แม้บางจุดเบาลง แต่ฝ่ายกัมพูชายังยิงปืนใส่ไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนิน 350 และพื้นที่ปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ที่เกิดการปะทะดุเดือดแต่เช้าเนิน 350 ปะทะหนักแต่เช้าทั้งนี้ เมื่อเวลาประมาณ 07.40 น. ผู้สื่อข่าวในพื้นที่รายงานว่า ได้เกิดการยิงปะทะกันทั้งปืนเล็กและปืนใหญ่ในพื้นที่ปราสาทตาควาย และเนิน 350 ชาวบ้านได้ยินเสียงจากไกลๆ ห่างๆ เป็นระยะๆ แต่ยังไม่พบทหารเขมรยิงจรวด BM-21 เข้ามาในพื้นที่ พบว่าเสียงปืนการสู้รบในช่วงเช้าเบาลงกว่าในหลายๆ วัน ตลอด 13 วันของการสู้รบ ขณะที่ชายแดนช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง ยังไม่พบการสู้รบกันบอมบ์สะพานขนอาวุธเขมรขณะที่เมื่อคืนที่ผ่านมา เวลาประมาณ 22.56 น. เครื่องบินรบ F-16 ของไทยบินเข้าไปทิ้งระเบิดใส่สะพานอูจีก บนถนนหมายเลข 68 อำเภอจงกาล จังหวัดอุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา พังเสียหาย พบรถเก๋งหนึ่งคันที่อยู่บนสะพานพังเสียหายด้วย ไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต โดยสะพานดังกล่าว ห่างจากชายแดนช่องจอม จ.สุรินทร์ ประมาณ 62 กิโลเมตร การปฏิบัติการทางอากาศดังกล่าว เพื่อตัดเส้นทางขนส่งกำลังบำรุงของฝ่ายกัมพูชา หลังจากมีการตรวจพบความเคลื่อนไหวในการลำเลียงอาวุธยุทโธปกรณ์และกำลังพลของกองทัพกัมพูชาเข้าสู่พื้นที่แนวหน้าด้วยเส้นทางดังกล่าว เป็นภัยคุกคามโดยตรงต่ออธิปไตยและความมั่นคงของไทย กองทัพไทยจึงพยายามทำลายให้สิ้นสภาพF–16 บอมบ์บ่อนทมอดาต่อมาเวลา 11.00 น. กองกำลังป้องกันชายแดนจังหวัดจันทบุรีและตราด ได้เปิดปฏิบัติการภายใต้ชื่อ “ตราดปราบปรปักษ์” ร่วมกับกองทัพอากาศไทย เพื่อเข้าทำลายเป้าหมายที่ใช้เป็นฐานทางทหารของฝั่งกัมพูชา ตั้งอยู่บริเวณบ่อนกาสิโนทมอดา หลังพบว่ามีการรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ของประเทศไทย ส่งผลให้ฐานดังกล่าวได้รับความเสียหายทั้งหมด และช่วงเวลาเดียวกัน เฟซบุ๊กเพจ “Army Military Force” โพสต์ข้อความเครื่องบินขับไล่ F-16 ของกองทัพอากาศไทย ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศโดยการทิ้งระเบิดใส่เป้าหมายทางทหาร ทั้งฐานที่มั่น หลุมปืน ค. และสนามเพลาะของทหารกัมพูชาในพื้นที่สตึงกัด ตำบลทมอดา อ.เวียงเวล จ.โพธิสัตว์ อย่างแม่นยำ ส่งผลให้ทหารกัมพูชาในพื้นที่เสียชีวิตทันที 18 นาย (ตามรายงานของมูลนิธิกู้ภัยสตึงกัดของกัมพูชา)จัดระเบียบช่องอานม้าช่วงเที่ยง วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองทัพภาคที่ 2 ได้ส่งชุดทหารช่างเข้าปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ช่องอานม้า (อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี) เพื่อดำเนินการจัดระเบียบพื้นที่ชายแดน หลังฝ่ายไทยสามารถเข้าควบคุมพื้นที่แนว รบได้อย่างเด็ดขาด ภารกิจดังกล่าวมุ่งเน้นการฟื้นฟูและปรับสภาพพื้นที่ให้เกิดความเรียบร้อยและปลอดภัย โดยมีรายงานว่า ชุดทหารช่างได้ขุดรื้อและทำลายซากสิ่งปลูกสร้าง รวมถึงอนุสาวรีย์ตาอม และตลาดช่องอานม้า ซึ่งเป็นพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อปรับพื้นที่ให้ราบเรียบและขจัดสิ่งกีดขวางที่อาจกระทบต่อความมั่นคงและความปลอดภัยในพื้นที่ชายแดน การดำเนินการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการจัดระเบียบพื้นที่ภายหลังการควบคุมสถานการณ์ เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงตามแนวชายแดน และเตรียมความพร้อมสำหรับการดูแลพื้นที่ในระยะต่อไป โดยกองทัพยืนยันว่าการปฏิบัติภารกิจเป็นไปตามแผนและอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายและภารกิจด้านความมั่นคงของประเทศพบร่าง 2 ทหารเนิน 350พล.อ.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ เสนาธิการทหารบก ให้สัมภาษณ์เปิดเผยความคืบหน้ากรณีการปะทะในพื้นที่ปราสาทตาควายและบริเวณเนิน 350 จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการสู้รบอย่างหนักตลอดหลายวันที่ผ่านมา ส่งผลให้กำลังพลเสียชีวิต 2 นาย และก่อนหน้านี้ยังไม่สามารถนำร่างออกจากพื้นที่ได้ว่า ล่าสุดหน่วยทหารที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่พบร่างทหารทั้ง 2 นาย (จ่าสิบเอกสำเริง คลังประโคน และพลทหารภานุพัฒน์ เสาร์สา) แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการเข้าตรวจสอบพื้นที่ด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากมีความเป็นไปได้ว่าฝ่ายกัมพูชาอาจมีการวางวัตถุระเบิดไว้ในบริเวณดังกล่าว ยืนยันว่าจะนำร่างทหารทั้งสองนายกลับภูมิลำเนา เพื่อประกอบพิธีตามขั้นตอนอย่างสมเกียรติมทภ.2 ยึดเนิน 350 ได้แล้วด้าน พล.ท.วีระยุทธ รักษ์ศิลป์ แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) ที่มาคุมการรบเอง ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้สามารถยึดเนิน 350 ได้แล้ว หลังประสานสั่งการร่วมกับพลตรีสมภพ ภาระเวช ผบ.กกล.สุรนารี โดยย้ำต้องรอบคอบ รัดกุม เพราะฝ่ายกัมพูชาละเมิดอนุสัญญาออตตาวา วางทุ่นระเบิดเต็มพื้นที่ ส่วนร่าง 2 วีรบุรุษผู้เสียสละอยู่ในระหว่างลำเลียงลงมาในพื้นราบ ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวยกย่อง “การเสียสละของทั้งสองนาย คือแบบอย่างของคำว่า ทหารอาชีพผู้ยืนหยัดเพื่อแผ่นดินไทยจนลมหายใจสุดท้าย”ถล่มบ่อนโอรเสม็ดต่อเนื่องเวลาประมาณ 15.00 น.ทหารไทยยิงปืนใหญ่ถล่มทหารกัมพูชา ต่อเนื่องหลายลูก ในพื้นที่บ่อนกาสิโนชุมชนโอรเสม็ด อ.กรุงสำโรง จ.อุดรมีชัย ใกล้กับประตูด่านจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ จนไฟไหม้ควันดำพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้ามองเห็นอย่างชัดเจนอีกครั้ง ยังไม่ทราบว่าถูกจุดใด แต่คาดว่าเป็นอาคารของกาสิโน หลังช่วงเช้าทหารไทยยิงปืนใหญ่เข้าไปเป็นระยะๆ ทิ้งช่วงห่างๆร่าง 2 ทหารกล้าถึง รพ.สุรินทร์ขณะที่เนิน 350 ต.บักได อ.พนมดงรัก ทหารไทยสามารถควบคุมพื้นที่ได้แล้ว ตั้งแต่ช่วงใกล้เที่ยงที่ผ่านมา พร้อมกับนำศพ จ.ส.อ.สำเริง คลังประโคน สังกัดกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 23 (ร.23 พัน.3) ชาว อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ และพลทหารภานุพัฒน์ เสาร์สา สังกัดกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 23 ชาว อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ลงมาได้แล้วเช่นกัน ก่อนนำศพส่งชันสูตรที่ รพ.สุรินทร์ โดยมีกำหนดการพิธีรับ-ส่งศพวีรบุรุษทหารกล้า 2 นาย วันที่ 21 ธ.ค. เวลา 09.00 น. ที่ลานโรงจอดรถ รพ.ค่ายวีรวัฒน์โยธิน อ.เมืองสุรินทร์ โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รักษาการนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีฯ ซึ่งจะมีกำลังพลและครอบครัวร่วมรับ-ส่งศพวีรบุรุษทหารกล้าเนิน 350 อย่างสมเกียรติ อีกด้วย โดยศพ จ.ส.อ.สำเริงจะเคลื่อนไปบำเพ็ญกุศลที่วัดห้วยปอ ต.ปังกู อ.ประโคนชัย ส่วนศพพลฯ ภานุพัฒน์จะเคลื่อนไปบำเพ็ญกุศลที่ วัดกลาง ต.ห้วยเหนือ อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษเมียจ่าสำเริงสุดภูมิใจสามีทำสำเร็จจากนั้นเวลา 15.15 น. ที่ รพ.สุรินทร์ เจ้าหน้าที่ได้นำร่างจ่าสิบเอก สำเริง คลังประโคน และพลทหาร ภานุพัฒน์ เสาร์สา มาชันสูตรพร้อมกับตกแต่งบาดแผล และนำกลับไปไว้ที่โรงพยาบาลค่ายวีร วัฒน์โยธินในช่วงเย็นขณะเดียวกัน โดยมีนางอุ่น คลังประโคน อายุ 79 ปี แม่ และ น.ส.ธัญญรัตน์ คลังประโคน ภรรยาจ่าเริง ลูกสาวลูกชายพร้อมกับญาติ อุ้มถือรูปจ่าสิบเอกสำเริง เดินทางจากจังหวัดบุรีรัมย์ มาที่โรงพยาบาลสุรินทร์ ซึ่งภรรยาจ่าสิบเอกสำเริงได้บนบานไว้ว่าขอให้เจอศพและนำออกมาให้ได้ โดยกล่าวว่าดีใจมากที่ได้ร่างสามีออกมาได้สำเร็จ และภูมิใจมากที่ทหารยึดเนิน 350 ได้ เหมือนกับที่สามีเคยพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่าถ้าไม่ได้ปักธงชาติที่เนิน 350 เขาจะไม่กลับบ้าน แล้ววันนี้เขาทำสำเร็จแล้ว ภูมิใจในความเสียสละของสามีในครั้งนี้มากแม่พลฯวุ้นร่ำไห้รอรับร่างลูกชายส่วนนางพิชญ์สินี เสาร์สา อายุ 41 ปี มารดาของพลทหารวุ้น ภานุพัฒน์ เสาร์สา เปิดใจทั้งน้ำตาว่าทราบข่าวจากผู้ใหญ่บ้านโทร.มาแจ้งว่า “เจอลูกแล้ว” ทำให้รู้สึกใจฟูขึ้นมาท่ามกลางความเจ็บปวด จึงตัดสินใจออกจากโรงพยาบาลเร็วกว่ากำหนด ไปเตรียมเสื้อผ้าสวยๆ สำหรับรอรับร่างลูกชายเป็นครั้งสุดท้าย ลูกเคยบอกแม่ว่าถึงแม่จะไม่แต่งหน้ามาก แต่ขอให้แม่ดูดี ยิ้มได้ แข็งแรง และเข้มแข็ง แม่จะทำให้ได้ พร้อมพนมมือขอบคุณทหารทุกนายที่เสี่ยงชีวิตเข้าไปนำร่างลูกชายออกมา ยอมรับว่ารอวันนี้มานานแสนนาน และอยากให้เหตุการณ์ยุติโดยเร็ว ไม่อยากให้แม่คนใดต้องสูญเสียลูกเช่นเดียวกับตนพระราชทานเพลิงศพ 3 ทหารกล้านอกจากนี้ ตลอดช่วงบ่าย วันที่ 20 ธ.ค. มีพิธีพระราชทานเพลิงศพทหารที่สละชีพเพื่อชาติจากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยที่ เมรุวัดป่าพุทธภาวัน บ้านสมสะอาด ต.สมสะอาด อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ มีพิธีพระราชทานเพลิงศพ ส.อ.อภิสิทธิ์ บุนนาค กองกำลังรบกองทัพภาคที่ 2 นายสิบพยาบาล ประจำทหารเสนารักษ์ พัน.ร.11 ในพื้นที่สนามรบ ผู้พลีชีพกลางสมรภูมิภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา ส่วนที่ฌาปนสถานวัดนาม่องดงนิมิต บ.ดงนิมิต ต.นาม่อง อ.กุดบาก จ.สกลนคร พล.อ.อานุภาพ ศิริมณฑล เป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพ จ.ส.อ.กฤษดา หาญสุโพธิ์ ทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 3 กองพันทหารราบที่ 3 ค่ายพระยอดเมืองขวาง จ.นครพนม ซึ่งเสียชีวิตที่ อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.และที่เมรุวัดซาก ต.ถนนใหญ่ อ.เมืองลพบุรี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพ สิบเอกพชร แย้มแตงอ่อน หรือหมู่เกมส์ สังกัดกองพันรบพิเศษที่ 2 กรมรบพิเศษที่ 1 (รพศ.1 พัน.2) รบพิเศษป่าหวาย ที่เสียชีวิตในระหว่างปฏิบัติหน้าที่บริเวณเนิน 677 ช่องอานม้า เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมาทภ.2 แจงยิบสถานการณ์รบด้านศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ประจำวันที่ 20 ธันวาคม 2568 ณ เวลา 16.00 น. ดังนี้ พื้นที่ช่องอานม้า : ฝ่ายกัมพูชาใช้โดรนตรวจการณ์ในพื้นที่เป็นระยะ ขณะนี้ ฝ่ายเราสถาปนาความมั่นคง ณ ที่หมายและตรึงกำลังตลอดหน้าแนววางกำลัง/พื้นที่โดนตรวล-ซำแต-ภูผี-สัตตะโสม-ช่องตาเฒ่า : ฝ่ายกัมพูชาใช้เครื่องยิงลูกระเบิด และปืนใหญ่ยิงใส่ฝ่ายเราหลายจุด ทำให้บังเกอร์เสียหายและมีกำลังพลฝ่ายเราได้รับบาดเจ็บ ฝ่ายเราทำการยิงตอบโต้ ด้วยปืนใหญ่ ส่งผลให้ฝ่ายกัมพูชาต้องย้ายที่ตั้งยิงรถถังเพื่อปรับแนวการยิงใหม่/พื้นที่ผามออีแดง-ห้วยตามาเรีย : ฝ่ายกัมพูชาใช้อากาศยานไร้คนขับ UAV บินตรวจการณ์ และใช้โดรนพลีชีพ FPVอย่างหนาแน่น โดยเฉพาะช่วงเย็นถึงหัวค่ำ ใช้ปืนใหญ่ยิงใส่ฐานทหารฝ่ายเราหลายจุด ฝ่ายเราใช้เครื่องยิงลูกระเบิด และปืนใหญ่ยิงทำลายเป้าหมายตามเหตุการณ์ และที่ตั้งยิงของปืนใหญ่ฝ่ายตรงข้ามเป็นระยะเนิน 350 ปะทะนานกว่าคุมได้พื้นที่ปราสาทตาควาย-บริเวณเนิน 350 : มีการจัดกำลังเข้ากวาดล้าง จำนวน 3 ที่หมาย ตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค.เป็นต้นมา ผลการปฏิบัติขั้นต้นสามารถควบคุมได้ 2 ที่หมาย คือ ปราสาทตาควาย และที่รวมพลของทหารกัมพูชาและในทันทีที่เข้ากวาดล้างที่หมายสุดท้าย คือเนิน 350 ได้ถูกฝ่ายกัมพูชาตอบโต้อย่างรุนแรง จนทำให้จ่าสิบเอก สำเริงคลังประโคน และพลทหาร ภานุพัฒน์ เสาร์สา จากกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 23 เสียชีวิตขณะเข้าปฏิบัติหน้าที่ และหลังจากที่หน่วยพยายามใช้ปฏิบัติการทหารเข้าควบคุมพื้นที่อย่างต่อเนื่อง จน ถึงวันที่ 20 ธ.ค.หน่วยจึงสามารถควบคุมพื้นที่เนิน 350 ไว้ได้ และนำร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 2 นาย ออกจากพื้นที่การรบ เมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. และวันรุ่งขึ้น จะมีกองทหารเกียรติยศส่งร่างผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีทางศาสนา ณ ภูมิลำเนา ต่อไปจับ 10 เขมรสงสัยเป็นสายลับด้าน จ.สระแก้ว ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.หน่วยเฉพาะกิจที่ 12 กองกำลังบูรพา ร่วมกับ ตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว และฝ่ายปกครองอำเภอโคกสูง เข้าควบคุมตัวชาวกัมพูชาในพื้นที่การรบ บริเวณบ้านศิลารัตน์พัฒนา และบ้านอ่างศิลา อ.โคกสูง รวมทั้งสิ้น 76 คน คัดกรองและจำแนกได้เป็น 2 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 จำนวน 66 คน เป็นชาย 16 คน หญิง 29 คน และเด็ก 21 คน ตรวจสอบไม่พบพฤติการณ์เชื่อมโยงกับด้านความมั่นคงหรือการข่าว จึงผลักดันกลับกัมพูชาเรียบร้อยแล้ว ผ่านช่องทางจุดผ่อนปรนการค้าบ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท ส่วนกลุ่มที่ 2 ต้องสงสัยคาดว่าเป็นสายลับ จำนวน 10 คน จากการตรวจสอบเชิงลึก พบพฤติการณ์ต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับการข่าวและความมั่นคงในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ส่งมอบตัวให้กับสารวัตรทหารควบคุมตัวไว้ ณ วัดหนองคู อ.วัฒนานคร เพื่อตรวจสอบประวัติ และขยายผลด้านความมั่นคงตามขั้นตอนต่อไปยันไม่เสียเปรียบเวที กต.อาเซียนวันเดียวกัน ที่ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ททบ.5 นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองโฆษกประจำกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนสมัยพิเศษ ที่ประเทศมาเลเซีย วันที่ 22 ธ.ค.ว่า วันที่ 21 ธ.ค.นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ จะนําคณะผู้แทนไทยที่ประกอบด้วย ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานความมั่นคงเดินทางไปประเทศมาเลเซีย เพื่อเข้าร่วมการประชุม ยืนยันว่าการประชุมใน 22 ธ.ค.นี้จะไม่มีอะไรที่จะมากดดันฝ่ายไทย ทําให้ต้องเสียเปรียบ ไทยไม่ได้เป็นฝ่ายคุกคามหรือรุกเข้าพื้นที่อธิปไตยของอีกประเทศ เรามีความชัดเจนและเป็นสิ่งที่ฝ่ายไทยยืนยันมาโดยตลอด และต้องการสันติภาพที่ยั่งยืนและแท้จริง โดยกัมพูชาเป็นฝ่ายที่ต้องแสดงความจริงใจ ดังนี้ 1.ต้องเป็นฝ่ายประกาศหยุดยิงก่อนในฐานะที่เป็นประเทศโจมตีอีกประเทศ 2.การหยุดยิงจะต้องเกิดขึ้นจริงและต่อเนื่อง 3.กัมพูชาจะต้องแสดงความจริงใจในการร่วมมือกับฝ่ายไทยเก็บกู้ทุ่นระเบิด เป็นสิ่งที่ฝ่ายไทยรับไม่ได้และต้องแก้ไขปัญหาร่วมกัน และทั้งหมดนี้จะต้องขึ้นอยู่กับการประเมินของหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ที่จะทํางานร่วมกับกระทรวงต่างประเทศเพื่อเดินหน้าต่อไปพบทหารเขมรถอดชุดแฝงกับ ปชช.ขณะที่ ร.ท.หญิงนภัสกร ทิพย์โส ผู้ช่วยโฆษกกองทัพเรือ กล่าวถึงกรณีทหารกัมพูชาใช้สไนเปอร์ยิงผู้บัญชาการทหารเรือนั้นไม่เป็นความจริง แต่เป็นผู้นําหน่วยในพื้นที่บ้าน 3 หลัง จ.ตราด และพลาดเป้า สําหรับศพของทหารกัมพูชาแนวหน้า กองทัพเรือเปิดโอกาสให้ฝ่ายกัมพูชาเข้ามารับศพ จึงประสานไปยัง รพ.ตราดเก็บรักษาศพ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้มีการแจ้งกลับมาแต่อย่างใด ส่วนการแทรกซึม ทางกัมพูชามีการเปลี่ยนเครื่องแบบเป็นชุดพลเรือนและแฝงตัวอยู่ในประชาชน บ่งชี้แนวโน้มจะมีการบิดเบือนว่ากองทัพไทยจะทําร้ายประชาชน จึงขอยํ้าเราปฏิบัติตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศและหลักมนุษยธรรมอย่างเคร่งครัด และเราถือเรื่องความปลอดภัยของประชาชนเป็นสําคัญส่งสัญญาณเตือนชนชั้นนำเขมรพล.อ.ท.จักรกฤษณ์ ธรรมวิชัย โฆษกกองทัพอากาศ กล่าวถึงการโจมตีเป้าหมายทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้นการปฏิบัติการว่า มุ่งเน้นเป้าหมายทางทหาร เป้าหมายที่ทางฝ่ายกัมพูชาเอามาอ้างในวันนี้ เป็นเป้าหมายเดิมที่เราเคยโจมตี เป็นกาสิโนร้าง เนื่องจากเป็นศูนย์บัญชาการและควบคุมบัญชาการทางทหารที่ฝ่ายกัมพูชากลับไปใช้อีก กองทัพไทยจึงส่งกําลังทางอากาศไปทําลายอีกครั้ง รวมถึงปฏิบัติการทางอากาศเมื่อคืนวันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมา โจมตีสะพานอูจีก จ.อุดรมีชัย ที่เชื่อมกําลังรบส่วนหลังไปยังส่วนหน้าของกัมพูชา บริเวณพื้นที่ปราสาทตาควาย เนิน 350 อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ การโจมตีสะพานนี้จะทําให้การขนส่งกําลังพลอาวุธยุทโธปกรณ์ทําได้ยากลําบาก เป็นการลิดรอนขีดความสามารถกําลังรบของกัมพูชา หากตรวจพบว่ากัมพูชายังพยายามใช้สะพานแห่งนี้ส่งกําลังบำรุง ก็จะโจมตีซํ้า เพราะได้เตือนแล้วให้หยุดส่งกําลังบํารุงไปยังส่วนหน้า การดําเนินการครั้งนี้เป็นการกดดันและส่งสัญญาณไปถึงกลุ่มชนชั้นนําของกัมพูชาว่า กองทัพไทยจะไม่หยุด เราจะปฏิบัติการทหารต่อเนื่องจนกว่ากัมพูชายอมรับเงื่อนไข 3 ประการที่รัฐบาลไทยได้เสนอไปเพื่อนําไปสู่การหยุดยิงและเจรจาเพื่อสันติภาพต่อไปในอนาคตยึดบ้านท่าเส้น—กาสิโนทมอดาต่อมา พล.ร.ต.ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า กองทัพเรือ โดย กปช.จต.ได้เข้าควบคุม และยึดคืนพื้นที่บริเวณบ้านท่าเส้น ต.ชำราก อ.เมืองตราด รวมถึงพื้นที่อาคารกาสิโนทมอดาได้สำเร็จ หลังตรวจพบว่ากำลังทหารกัมพูชาได้ลักลอบเข้ามาตั้งฐานที่มั่นในพื้นที่ดังกล่าว จากการปฏิบัติการ พบว่าฝ่ายกัมพูชาได้ใช้อาคารกาสิโนเป็นฐานบัญชาการ มีการเพิ่มเติมกำลัง ทั้งพลซุ่มยิง จุดควบคุมพื้นที่ และส่วนปฏิบัติการควบคุมและต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) และเสริมที่มั่นแข็งแรงในบริเวณโดยรอบ ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและอธิปไตยของประเทศไทย การเข้าควบคุมพื้นที่ครั้งนี้ ทหารนาวิกโยธินบูรณาการกำลังร่วมกับกองทัพอากาศอย่างใกล้ชิด ส่งผลให้สามารถเข้าควบคุมสถานการณ์และยึดพื้นที่เป้าหมายได้โดยสมบูรณ์ โดยไม่มีพลเรือนได้รับผลกระทบ ฝ่ายไทยไม่มีการสูญเสียกำลังพลหรือได้รับบาดเจ็บ และสามารถตรวจยึดอาวุธยุทโธปกรณ์ของฝ่ายตรงข้ามได้จำนวนหนึ่ง อยู่ระหว่างการตรวจสอบและรวบรวมเป็นหลักฐานตามขั้นตอนทางทหารและกฎหมายที่เกี่ยวข้องย้ำปฏิบัติการมุ่งเป้าทางทหารทั้งนี้ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้กล่าวย้ำถึงการปฏิบัติการทางทหารทั้งหมดว่า เป็นไปตามแผนอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างใกล้ชิด มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อปกป้องอธิปไตย ความมั่นคงของประเทศ และความปลอดภัยของประชาชน การดำเนินการของฝ่ายไทยมุ่งปฏิบัติต่อพื้นที่เป้าหมายทางทหารเป็นหลัก ทั้งนี้ บางพื้นที่สภาพภายนอกอาจจะดูมีลักษณะเป็นสิ่งปลูกสร้าง เพื่อใช้งานด้านพลเรือน แต่เมื่อตรวจสอบละเอียด พบว่าถูกใช้งานเพื่อวัตถุประสงค์ทางการทหารเต็มรูปแบบ ใช้เป็นฐานที่มั่นทางทหารในการควบคุมสั่งการปฏิบัติการเพื่อกิจกรรมทางทหาร ใช้เป็นสถานที่ซ่องสุมกำลัง สั่งสมอาวุธยุทโธปกรณ์ ใช้เป็นสถานที่เตรียมการใช้งานโดรนดัดแปลงติดอาวุธ ใช้ปฏิบัติการต่อฝ่ายไทย จึงทำให้สถานที่เหล่านั้นถูกระบุเป็นเป้าหมายทางทหารอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้พบสัญญาณย้าย—เปลี่ยนที่ตั้ง โฆษกกองทัพบกย้ำว่า ขณะนี้ตรวจพบความพยายามของขบวนการดังกล่าวในการเคลื่อนย้ายและเปลี่ยนที่ตั้งไปยังพื้นที่อื่น สะท้อนถึงแรงกดดันต่อขีดความสามารถในการดำเนินการของเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ และจากการติดตามข้อมูล กระแสข่าวสารในโลกออนไลน์ รวมถึงการนำเสนอของสื่อระดับโลกพบว่า แนวโน้มการหลอกลวงออนไลน์ ในระดับโลกมีทิศทางลดลงอย่างเห็นได้ชัด กองทัพบกยืนยันว่าการปฏิบัติการทั้งหมดมีเป้าหมายเพื่อการรักษาความมั่นคงของประเทศ คุ้มครองประชาชน และการลดภัยคุกคามข้ามชาติ โดยยึดหลักกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายมนุษยธรรมอย่างเคร่งครัด ขอย้ำว่าการปราบขบวนการสแกมเมอร์และอาชญากรรมข้ามชาติ เป็นประเด็นระดับโลกที่ไทยให้ความสำคัญมาโดยตลอด และพร้อมให้ความร่วมมือกับประชาคมโลกอย่างต่อเนื่องโดรนบินป่วนแหล่งผลิตน้ำมันวันเดียวกัน นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู โฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงกรณีการตรวจพบอากาศยาน ไร้คนขับ (โดรน) ไม่ทราบฝ่าย บินเข้ามาก่อกวนบริเวณแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติกลางทะเลตั้งแต่เกิดเหตุความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า ผู้รับสัมปทานและผู้รับสัญญาตรวจพบเรือไม่ทราบสัญชาติและอากาศยานไร้คนขับไม่ระบุที่มา เข้ามาในเขตพื้นที่ผลิตปิโตรเลียมในทะเลอ่าวไทย อาทิ แท่นผลิตเอราวัณ แท่นหลุมผลิตในพื้นที่เบญจมาศ แท่นไพลิน แท่นไพลินเหนือ แท่นหลุมผลิตในพื้นที่ปลาทองระวังเข้มแท่นเจาะน้ำมันอ่าวไทยนายวีรพัฒน์กล่าวว่า กระทรวงพลังงาน ประชุมหารือร่วมกับกลุ่มผู้รับสัมปทานและผู้รับสัญญาทุกบริษัทที่ดำเนินการผลิตปิโตรเลียมในทะเล เพื่อกำหนดมาตรการป้องกันและลดความเสี่ยงรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยมีแนวทางสำคัญ เพิ่มการเฝ้าระวัง กรณีตรวจพบเรือใดๆ อากาศยานไร้คนขับ เข้ามาในเขตพื้นที่ผลิตปิโตรเลียม ขอให้ขับไล่ออกจากพื้นที่ผลิตปิโตรเลียมโดยทันที และหากไม่สามารถดำเนินการในเบื้องต้นได้ ให้แจ้งกองทัพเรือและกรมเชื้อเพลิงทราบโดยทันที และขอความร่วมมืองดการส่งผู้ปฏิบัติงานนอกชายฝั่งไปยังแท่นหลุมผลิตในช่วงเวลากลางคืน ให้พิจารณาจัดทำแผนระงับเหตุวินาศกรรมทางทะเล เพื่อความปลอดภัยสูงสุดต่อผู้ปฏิบัติงานนอกชายฝั่งสหรัฐฯหวังไทย—กัมพูชาหยุดยิงวันเดียวกัน สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่านายมาร์โค รูบิโอ รมว.ต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.ระบุว่า สหรัฐฯ มีความหวังว่าจะสามารถผลักดันให้ไทย-กัมพูชา กลับมาปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีส่วนช่วยไกล่เกลี่ยได้ภายในวันที่ 22 หรือ 23 ธ.ค.ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศของกลุ่มประเทศอาเซียนมีกำหนดประชุมในวันที่ 22 ธ.ค. ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ของมาเลเซีย เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์การสู้รบตามชายแดนไทย-กัมพูชาอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่