รมว.กลาโหมยอมรับโดรนไทยถูกกัมพูชาสอยร่วง ด้านกองทัพบกยืนยันกองทัพยังคงความพร้อมปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา แม้มีข่าวโดรนไทยถูกยิงตก ทหารไขปม F-16 บอมบ์ตึกกาสิโนไม่พัง ชี้ทุนเทาออกแบบพิเศษโครงสร้างแกร่ง ใช้เป็นฐานทหารกัมพูชาโจมตีไทย ต้องใช้วิธีปืนใหญ่ยิงทำลายข้างตึก ระเบิดดาดฟ้าเปิดช่องทิ้งระเบิดหน่วงเวลาจนภายในพังยับ กปช.จต.เคลียร์พื้นที่บ้าน 3 หลัง พบทุ่นระเบิดรถถังดัดแปลง 16 ลูกใช้สังหารบุคคล ชี้ทหารกัมพูชาละเมิดอนุสัญญาออตตาวาและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ กองทัพภาคที่ 2 เผยกัมพูชายังระดมปืนใหญ่ BM-21 ถล่มผามออีแดง ไทยส่ง F-16 โต้พื้นที่ทางทหารทันที ส่วนศพ 2 ทหารผู้กล้าที่ติดค้างบนเนิน 350 ยังกู้ร่างไม่ได้ เพราะอยู่ในพื้นที่สู้รบอันตราย กัมพูชายิงถล่มด้วยอาวุธนานาชนิด ไทยยังปฏิบัติการช่วงชิงเนิน350 เปิดศึกยิงต่อเนื่อง สกัดเส้นทางบำรุงกำลังและส่งเสบียง กดดันทหารเขมรเริ่มขาดน้ำ “อนุทิน”รับดอกไม้จากชาวบ้านที่มาให้กำลังใจ บอกชายแดนเราชนะแน่ และใครกดดันไทยไม่ได้ เหตุไม่เคยผิดสัญญาหลังจากไทยปฏิบัติการทางทหารอย่างหนักหน่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทิ้งระเบิดบอมบ์ตึกกาสิโนของกัมพูชา ที่กองกำลังกัมพูชาใช้เป็นสถานที่ซ่องสุม เป็นคลังเก็บอาวุธยุทโธปกรณ์ไว้โจมตีไทย โดยได้โจมตีอาคารกาสิโนและโรงแรม ที่ถูกใช้เป็นฐานปฏิบัติการของเครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติ ที่หลอกลวงเหยื่อทั่วโลกจำนวนมากจนได้รับคำชื่นชมจากสื่อนานาชาติว่า สิ่งที่กองทัพไทยกำลังทำอยู่ไม่ใช่การขยายสงครามแต่คือการตัดรากถอนโคนอาชญากรรมข้ามชาติ ที่ช่วยปกป้องคนทั่วโลกจากภัยโจรสแกมเมอร์ เป็นปฏิบัติการทำลาย “เครือข่าย Scam Army” ระดับโลก ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. กองทัพอากาศไทยนำเครื่องบิน F-16 ขึ้นฟ้าบินไปหย่อนไข่ทิ้งระเบิดบอมบ์ตึกกาสิโนในพื้นที่ใกล้เมืองปอยเปตจนพังราบคาบไปอีกแห่งดัดแปลงกาสิโนเป็นตึกบัญชาการรบเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า แหล่งข่าวหน่วยงานความมั่นคงเปิดเผยการปฏิบัติการทางทหาร ทำลายตึกกาสิโนหลายแห่งของกัมพูชา ว่า ตึกกาสิโนเหล่านี้ ด้านหน้าถูกดัดแปลงเป็นที่ตั้งบัญชาการทางทหารส่วนหน้าของระดับ ผบ.ยุทธบริเวณ ในการบัญชาการรบ ทำหน้าที่อำนวยการยุทธให้กับยุทธบริเวณ พื้นที่ดังกล่าวทุกครั้งที่มีการสู้รบ ทำให้ฝ่ายไทยเสียเปรียบโดยตลอด เพราะเป็นตึกสูงข่ม การตรวจการณ์ดี ด้วยระบบเครื่องมือเฝ้าตรวจสนาม รบ มองเห็นภาพทำให้ประเมินสถานการณ์ได้ดี อีกทั้งยังเป็นจุดปล่อยโดรนทั้งแบบตรวจการณ์ โดรนโจมตี และโดรนทิ้งระเบิด รวมทั้งมีระบบ Anti Drone ควบคุมแนวยุทธบริเวณนั้น นอกจากสร้างอันตรายต่อกำลังหน้าแนวพื้นที่แล้ว ยังสามารถจำกัดการใช้ยุทธวิธีโดรนของฝ่ายไทยได้อีกด้วยใช้เงินทุนสีเทาสนับสนุนการรบแหล่งข่าวความมั่นคงเปิดเผยอีกว่า กัมพูชายังใช้พื้นที่ดังกล่าวเป็นฐานยิงปืนใหญ่และจรวดหลายลำกล้อง BM-21 โจมตีมายังฝั่งไทย ไม่เว้นแม้แต่เขตพลเรือนและก่อนหน้านี้ ตึกกาสิโนเหล่านี้เป็นตึกเชิงอิทธิพลที่มีกลุ่มทุนสีเทาเข้ามาลงทุนและใช้กำลังสุดความสามารถในการปกป้องธุรกิจเปรียบเป็นที่บัญชาการทางทหารแบบครบวงจร เป็นรายได้หลักของ ผบ.หน่วยทหารในแต่ละพื้นที่ เพื่อนำมาสนับสนุนการรบ สร้างความแข็งแกร่งให้กับกำลังหน้าแนว เป็นคลังเสบียง สิ่งอุปกรณ์ทางเทคนิค อาวุธ กระสุน สำหรับข้อสังเกตการณ์ปฏิบัติการทางอากาศเครื่องบิน F-16 ที่ไม่สามารถระเบิดตึกกาสิโนหลายแห่งให้พังทลายลงมาให้สิ้นซากนั้น เนื่องจากตึกเหล่านี้มีการออกแบบพิเศษ มีระบบโครงสร้างที่หนาแน่นปลอดภัยและแข็งแรง จึงใช้วิธีการยิงปืนใหญ่ 5 ลูก เพื่อทำลายกำแพง ผนังด้านข้างของตึก จากนั้นใช้ F-16 ทิ้งระเบิดบริเวณดาดฟ้าเปิดช่อง เพื่อทิ้งระเบิดอีกลูกใช้วิธีหน่วงเวลาให้ระเบิดภายใน แม้จากภายนอกตึกยังคงแข็งแรง แต่ภายในพังเสียหายทั้งหมด เช่น กาสิโนทมอดาพบทุ่นระเบิดสังหารที่บ้านหนองรีวันเดียวกัน พล.ร.ต.ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า ภายหลังกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) เข้าควบคุมและยึดคืนพื้นที่บริเวณบ้านหนองรี ที่เดิมถูกใช้เป็นฐานที่มั่นทางทหารของฝ่ายกัมพูชา การเข้าเคลียร์พื้นที่ตรวจพบคลังเก็บทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ถูกดัดแปลงจากทุ่นระเบิดดักรถถัง จำนวน 16 ลูกที่พร้อมใช้งานและตรวจพบหลักฐานที่น่าตกใจได้แก่ 1.เอกสารภาษากัมพูชาเกี่ยวกับวิธีการใช้และคุณลักษณะของทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ประเภท PMN-2 และ POMZ-2 2.ระเบิดแสวงเครื่อง (Improvised Explosive Device : IED) จำนวน 3 ลูก 3.สรรพาวุธและวัตถุระเบิดที่ถูกละทิ้ง กว่า 340 รายการ 4.การนำหัวกระสุนปืนใหญ่ขนาด 105 มม. มาดัดแปลงเป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคล พร้อมชนวนไฟฟ้าและการวางระบบสายไฟเชื่อมต่อไปยังจุดกดระเบิดในลักษณะการระเบิดพร้อมกัน ถือว่าการกระทำที่มีลักษณะจงใจสร้างอันตราย โดยไม่เลือกเป้าหมายเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อทั้งกำลังพลและพลเรือนมีหลักฐานชัดสอนทหารใช้งานระเบิดโฆษกกองทัพเรือกล่าวอีกว่า จากการตรวจยึดตรวจสอบพื้นที่ฐานพลุ๊กดรัมเรย (บ้าน 3 หลัง) ต.ชำราก จ.ตราด เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยตรวจพบเอกสารทางทหารของฝ่ายกัมพูชา เป็นเอกสารการจดบันทึกของผู้เข้ารับการฝึกใช้งานทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ชนิด PMN-2 มีเนื้อหาครอบคลุมถึงลักษณะทั่วไปของทุ่นระเบิด การวาง การเก็บกู้ มีการระบุวันที่จัดการสอนเมื่อวันที่ 7 ต.ค.67 เอกสารดังกล่าวถือเป็นพยานหลักฐานชัดเจน แสดงให้เห็นว่ากัมพูชามีการอบรมทหารกัมพูชาใช้งานทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิด PMN-2 อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง สะท้อนถึงเจตนาในการใช้สงครามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ต่อฝ่ายไทย ยิ่งตอกย้ำถึงการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างชัดเจนประณามละเมิด ก.ม.มนุษยธรรมพล.ร.ต.ปารัชกล่าวต่อว่า กองทัพเรือขอเน้นย้ำว่า การกระทำดังกล่าวของกัมพูชาเป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ขัดต่อพันธกรณีระหว่างประเทศหลายประการ อาทิ อนุสัญญาออตตาวา ค.ศ.1997 ซึ่งกำหนดห้ามการใช้ ผลิต หรือครอบครองทุ่นระเบิดสังหารบุคคล พิธีสารเพิ่มเติม ฉบับที่ 1 แห่งอนุสัญญาเจนีวา ที่บัญญัติหลักการแยกแยะระหว่างเป้าหมายทางทหารกับพลเรือนและห้ามใช้อาวุธหรือวิธีการรบที่มีลักษณะไม่สามารถจำกัดผลกระทบต่อเป้าหมายทางทหารได้ การใช้ ครอบครอง รวมถึงดัดแปลงทุ่นระเบิดสังหารบุคคลดังกล่าวและเจตนาในการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิด PMN-2 ไม่เพียงเป็นการฝ่าฝืนพันธกรณีตามกฎหมายสากลเท่านั้น หากแต่ยังสะท้อนถึงการไม่เคารพหลักมนุษยธรรมขั้นพื้นฐาน กองทัพเรือขอประณามการกระทำของฝ่ายกัมพูชาอย่างถึงที่สุด และขอเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชายุติการกระทำที่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศโดยทันที พร้อมทั้งแสดงความรับผิดชอบ ต่อผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อความปลอดภัยของประชาชนและเสถียรภาพในพื้นที่ชายแดน ทั้งนี้ ฝ่ายไทยขอยืนยันว่าจะดำเนินการปกป้องอธิปไตย ความมั่นคงของรัฐและความปลอดภัยของประชาชน ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศและหลักมนุษยธรรมอย่างเคร่งครัดเขมรลอบเข้าพื้นที่บ้าน 3 หลังผู้สื่อข่าวไทยรัฐประจำ จ.ตราด รายงานมาว่า ช่วงเวลาประมาณ 05.00-06.00 น. วันที่ 19 ธ.ค. เกิดเสียงปืนดังสนั่นขึ้นอีกครั้งในพื้นที่บ้าน 3 หลัง ต่อมา น.อ.ธรรมนูญ วรรณา ผบ.ฉก.นย.ตราด เผยว่า ห้วงเวลาดังกล่าว ทหารฝ่ายไทยตรวจการณ์พบความเคลื่อนไหวของฝ่ายกัมพูชานำรถยนต์ 3-4 คัน เข้ามายังพื้นที่บ้าน 3 หลัง ทำให้ฝ่ายไทยต้องระดมยิงปืนใหญ่ และปืน ค. ขับไล่ออกจากพื้นที่ มีการปะทะด้วยอาวุธปืนเล็กสลับกันไป แต่ฝ่ายกัมพูชาไม่มีอาวุธหนักตอบโต้ฝ่ายไทย เพราะถูกทำลายไปหมดแล้วเผยพยายามจะเอาคืนให้ได้ผบ.ฉก.นย.ตราด ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า หลังฝ่ายไทยเข้ายึดพื้นที่บ้าน 3 หลังได้เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ฝ่ายกัมพูชา มีความพยายามนำกำลังเข้าตีคืนบ้าน3 หลังอย่างต่อเนื่อง จนถึงปัจจุบันทหารฝ่ายไทยได้ใช้ฐานที่มั่นและบังเกอร์ที่ฝ่ายกัมพูชาสร้างไว้อย่างแข็งแรงทนทานจากแรงระเบิด F-16 มาใช้ประโยชน์ยิงตอบโต้ฝ่ายกัมพูชา ขณะนี้ทหารไทยจะต้องรักษาพื้นที่บ้าน 3 หลังไว้และวางกำลังไว้ทั้งหมดแล้ว เชื่อว่าทหารกัมพูชาไม่สามารถตีคืนบ้าน 3 หลังได้แน่นอน เพราะอ่อนกำลังลงอย่างมากและขวัญกำลังใจถดถอย อีกสิ่งหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าฝ่ายตรงข้ามหนีไปอย่างเร่งรีบ คือมีการทิ้งทั้งเป้และอาวุธยุทโธปกรณ์ไว้จำนวนมากการที่เขาพยายามเข้าตีคืนน่าจะเป็นการทำตามคำสั่งเพื่อหลีกเลี่ยงโทษกบฏมากกว่าความพร้อมในการรบโดรนตรวจการณ์บินว่อนตราดน.อ.ธรรมนูญกล่าวอีกว่า สิ่งที่หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราดมีความกังวลมากกว่า คือ ทุ่นระเบิดรถถังที่ดัดแปลงติดตั้งไว้ทั่วพื้นที่บ้านสามหลัง ที่หน่วยเก็บกู้สามารถเก็บกู้ได้แล้ว 16 ทุ่น แต่เชื่อว่ายังมี 4 ทุ่น แต่ยังไม่เจอ สำหรับสถานการณ์ในภาพรวม ยืนยันว่าพื้นที่ อ.คลองใหญ่ และ อ.บ่อไร่ ปลอดภัยแล้ว เนื่องจากไม่มีการยิงโต้ตอบมานานกว่า 7 วัน ประชาชนสามารถกลับเข้าที่พักอาศัยได้ตามปกติ ส่วนกรณีเสียงปืนและควันไฟที่บ้าน 3 หลังเมื่อวันก่อน ตรวจสอบพบเป็นเพียงการเผานาของชาวบ้าน ไม่ใช่การซุ่มโจมตีตามที่ตื่นตระหนกกัน ในส่วนโดรนที่มีรายงานว่าพบบินวนในพื้นที่บ้านท่าเส้น ส่วนใหญ่เป็นโดรนตรวจการณ์ขนาดเล็กที่บินเพื่อก่อกวน ไม่ใช่โดรนโจมตี เชื่อว่ามีการปล่อยโดรนจากภายในพื้นที่ใกล้เคียง ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก เพราะไทยมีมาตรการเฝ้าระวังและรู้พิกัดของฝ่ายตรงข้ามอย่างชัดเจนอยู่แล้วทหารบาดเจ็บลั่นหายเมื่อไหร่ไปสู้ต่อวันเดียวกัน พล.ร.อ.ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ผบ.ทร. ไปเยี่ยมกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบ ที่นอนรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ตราด จำนวน 3 นาย และมอบกระเช้าพร้อมมอบเงินจากกองทุนสวัสดิการน้ำใจไทย เพื่อเป็นกำลังใจบำรุงขวัญให้แก่ทหารผู้เสียสละปกป้องแผ่นดินไทยเพื่อรักษาอธิปไตยชาติ เมื่อถามถึงสถานการณ์แนวชายแดน ผบ.ทร.กล่าวว่า จากผลการปฏิบัติของเราน่าจะได้ผลมากกว่า เราสามารถทำลายระบบต่อต้านของเขาได้มากกว่าและมีอิสระมากกว่ากัมพูชาในการทำงาน เราควบคุมพื้นที่ไว้หมดแล้วแต่กัมพูชามีความพยายามจะกลับเข้ามาในพื้นที่ เราสร้างที่มั่นให้แข็งแกร่ง เพื่อรักษาแนวอธิปไตยของเราไว้ให้ได้ ด้านกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บเผยว่า การที่ ผบ.ทร.ลงมาเยี่ยม ทำให้รู้สึกมีกำลังใจและพร้อมที่จะกลับไปรบต่อ ส่วนการสู้รบทางทหารยอมรับว่ามีแรงกดดันบ้างแต่ไม่ถึงกับกังวล เพราะเชื่อมั่นในฝีมือของกำลังพลทุกคนว่าพร้อมที่จะมาทำการรบอยู่แล้ว ฝากบอกแนวหลังว่า ทหารพร้อมทำการรบอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องอธิปไตย หากหมอให้ออกจากโรงพยาบาลจะรีบกลับเข้าแนวรบทันทีศพ 2 ทหารกล้ายังอยู่บนเนิน 350ขณะที่กองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ประจำวันที่ 18 ธ.ค. ว่า มีเหตุการณ์สำคัญในพื้นที่ส่วนหลัง กระสุนปืนใหญ่กัมพูชายิงตกบริเวณบ้านภูมิซรอล และทางขึ้นอุทยานผามออีแดง พื้นที่ จ.ศรีสะเกษ ขณะที่ฝ่ายไทยยังไม่สามารถนำร่าง 2 ทหารกล้าที่เสียชีวิต คือ จ.ส.อ.สำเริง คลังประโคน สังกัดกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 23 ชาว อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ และพลฯภาณุพัฒน์ เสาร์สา สังกัดกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 23 ชาวภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ออกจากพื้นที่เนิน 350 (ปราสาทตาควาย) ได้ เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาระดมยิงด้วยอาวุธปืนเล็กยาว ลูกระเบิดขว้างและกับระเบิดอย่างหนาแน่น สะท้อนว่าทหารกัมพูชายังจับตามองพื้นที่ เตรียมตอบโต้ฝ่ายไทยอย่างต่อเนื่อง ทหารไทยกำลังพยายามเร่งนำศพกลับมาให้ได้โดยเร็วที่สุดและต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นพื้นที่สู้รบ มีกับระเบิดและการดักซุ่มโจมตีของทหารกัมพูชาอยู่ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาบริเวณ จ.อุบลราชธานี พื้นที่ช่องบก ทั้งสองฝ่ายยังมีการปะทะเป็นระยะแบบประปรายในลักษณะเช็กแนว ฝ่ายไทยยังคงตรึงกำลังและเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง สถานการณ์โดยรวมปกติ พื้นที่ช่องอานม้า ฝ่ายไทยได้ตรึงกำลังตลอดแนวการวางกำลัง และสถาปนาความมั่นคง บริเวณที่หมายชายแดนศรีสะเกษผลัดกันบึมกองทัพภาคที่ 2 ยังสรุปถึงด้านชายแดนจังหวัดศรีสะเกษ พื้นที่ซำแต-โดนตรวล-ภูผี-สัตตะโสม-พนมประสิทธิโส-ช่องตาเฒ่า ด้วยว่า เครื่องบิน F-16 ทำการทิ้งระเบิดบริเวณยอดเขาเปี๊ยะสะแบก ของฐานทหารกัมพูชา ที่แห่งนี้เป็นที่ตั้งโรงเก็บ จลก. จรวดหลายลำกล้อง BM-21 พื้นที่บริเวณผามออีแดง-ห้วยตามาเรีย พื้นที่นี้มีความตึงเครียดสูง ทหารกัมพูชามียิงปืน ค.100 ปืนใหญ่ โดรน FPV โดรนทิ้งระเบิดจำนวนมากเข้ามาทิ้งฝั่งไทย ฝ่ายไทยได้ใช้ปืนใหญ่และเครื่องยิงลูกระเบิดยิงตอบโต้หลายรอบและยังตรวจพบโดรนจำนวนมากในบริเวณพื้นที่ผามออีแดง มีกระสุนปืนใหญ่กัมพูชายิงมาตกที่บ้านภูมิซรอลและทางขึ้นอุทยานผามออีแดง พื้นที่ภูมะเขือ-ช่องโดนเอาว์-พลาญยาว-พลาญหินแปดก้อน ไทยได้ตรวจพบโดรนทิ้งระเบิดกัมพูชาในพื้นที่ภูมะเขือ หลายห้วงเวลาตลอดวัน และโดรน FPV ทหารกัมพูชา โจมตีฝ่ายไทยและติดตาข่ายฝ่ายไทยบริเวณภูมะเขือและระเบิด กำลังพลปลอดภัยสองฝ่ายใช้อาวุธหนักยิงตอบโต้ทั้งวันนอกจากนี้ที่ชายแดน จ.สุรินทร์ พื้นที่ช่องจอม- ช่องเปรอ-ช่องระยี ไทยเข้ายึดที่หมายโอคลาคมุม พื้นที่ช่องจอม และเสริมความมั่นคงแนวการวางกำลัง ส่วนพื้นที่คนาไทยสถานปนาที่หมายและตรึงกำลังในพื้นที่ตลอดแนว การวางกำลังพื้นที่ตาควายฝ่ายทหารกัมพูชามีการยิงรถถัง ปืนใหญ่และจรวดหลายลำกล้อง BM-21 เข้ามาเป็นห้วงๆ ฝ่ายทหารกัมพูชายังใช้โดรนตรวจการณ์และโดรน FPV จำนวนมากเข้ามายังฝั่งไทย พื้นที่ช่องกร่าง ไทยใช้ปืนทำการยิงข่ม รถถังทหารกัมพูชาที่พื้นที่ตรงข้าม พื้นที่ตาเมือนธม ทหารกัมพูชาระดมยิงปืนเล็กยาว ปืน ค. ปืนใหญ่ อย่างหนาแน่นตลอดแนว มีการปะทะ ด้วยอาวุธหนักอย่างหนาแน่น มีการยิงปืนเล็กเป็นระยะๆสามารถตรวจพบ UAV จำนวนมากตลอดวัน พื้นที่ฝ่ายไทยยังคงถูกเฝ้าตรวจและคุกคาม ด้วยระบบอากาศยานไร้คนขับต่อเนื่องจนถึงช่วงค่ำ ส่วนชายแดนจังหวัดบุรีรัมย์พื้นที่ช่องสายตะกู ทั้ง 2 ฝ่าย มีการตรึงกำลังตลอดแนว และปรากฏการยิงตอบโต้กันด้วยปืน ค. และปืนใหญ่ เป็นระยะๆยิงปืนใหญ่ตัดทางส่งเสบียงเขมรในส่วนสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาด้าน จ.สุรินทร์ ทหารไทยยังคงยิงปืนใหญ่ใส่ทหารกัมพูชาเป็นระยะๆเพื่อสกัดเส้นทางบำรุงกำลังและส่งเสบียง หลังพบว่าทหารกัมพูชาที่เนิน 350 เริ่มอิดโรยจากการขาดน้ำและอาหาร โดยทหารกัมพูชาพยายามเสริมกำลังเข้าไปช่วยประมาณ 100 กว่านายแต่ถูกยิงสกัดในหลายจุด ทหารไทยอยู่ระหว่างปฏิบัติการเข้าชิงพื้นที่เนิน 350 ต.บักได อ.พนมดงรัก เพื่อนำศพ 2 ทหารผู้กล้าออกมาและต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นพื้นที่สู้รบ มีกับระเบิดและการดักซุ่มโจมตีของทหารกัมพูชาอยู่ในขณะนี้ ด้านชายแดน อ.กาบเชิง โดยเฉพาะที่ชายแดนช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง ตั้งแต่เช้าจนถึงเวลา 11.10 น. ยังไม่พบการยิงปะทะกันเกิดขึ้น หลังจากถูกทหารไทยยิงปืนใหญ่ใส่กว่า 40 ลูก เป็นระยะอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ 3-4 ทุ่มของคืนวันที่ 18 ธ.ค. บริเวณบ่อนกาสิโน ฝั่งโอร์เสม็ด อ.กรุงสำโรง จ.อุดรมีชัย เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ซึ่งต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไปตลาดการค้าช่องจอมสุดเงียบเหงาส่วนบรรยากาศในพื้นที่ชายแดนด้าน จ.สุรินทร์เป็นไปอย่างเงียบเหงา โดยเฉพาะบริเวณถนนย่านตลาดการค้าชายแดนช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง ที่ร้านค้าถูกปิดเงียบเป็นวันที่ 12 ของการสู้รบ นอกจากนี้ตามศูนย์พักพิงต่างๆเริ่มมีประชาชนในพื้นที่ตำบลชายแดนของ อ.สังขะ และ อ.บัวเชด บางส่วนเริ่มพากันทยอยเดินทางกลับบ้านกันบ้างแล้ว หลังจากในพื้นที่ อ.สังขะและ อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ ไม่พบว่าทหารกัมพูชายิงระเบิดเข้ามาในพื้นที่ตั้งแต่เริ่มปะทะกันจนถึงขณะนี้ ทำให้ประชาชนตัดสินใจกลับบ้าน เพราะต่างเป็นห่วงสัตว์เลี้ยงและพืชผักที่ปลูกไว้ ทั้งที่ฝ่ายปกครองและฝ่ายความมั่นคงยังไม่ได้อนุญาตให้ประชาชนกลับเข้าพื้นที่จนกว่าทหารกัมพูชาจะสิ้นสภาพอีกด้วยส่งศพทหารกล้ากลับภูมิลำเนาอีกด้านที่ รพ. ค่ายวีรวัฒน์โยธิน พล.ต.ไชยนคร กิจคณะ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 เป็นประธานพิธีเคารพศพพลฯ วสันต์ ขานหัวโทน สังกัด ร.13 พัน.3 โดยมีนายวีระชัย ประเสริฐโส รอง ผวจ.สุรินทร์ พร้อมด้วยรอง ผบก.ภ.จ.สุรินทร์ และข้าราชการทหาร ทหารผ่านศึก เข้าแถวทำความเคารพส่งร่างทหารกล้าไปยังภูมิลำเนาจังหวัดอุดรธานี โดยพิธีส่งร่างทหารกล้าผู้วายชนม์เป็นไปอย่างสมเกียรติชายชาติทหารทบ.แจง “โดรนไทย” ขาดการติดต่อบ่ายวันเดียวกัน ที่ศูนย์แถลงข่าวร่วม สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ททบ.5 พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ชี้แจงสถานการณ์ภาพรวมในพื้นที่ชายแดน สรุปว่า พื้นที่กองทัพภาคที่ 1 กองกำลังบูรพามีความพยายามอย่างต่อเนื่องและยังคงช่วงชิงพื้นที่ โดยเฉพาะที่กัมพูชารุกล้ำเข้ามาที่บ้านคลองแผง บ้านหนองแก้ว บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนโดรน UAV ที่ขาดการติดต่อไปเมื่อคืนวันที่ 18 ธ.ค. คาดว่าน่าจะเสียการควบคุมและตก โดย UAV ตัวนี้เป็นของสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ กระทรวงกลาโหม ที่สนับสนุนกองทัพบกในการปฏิบัติทางอากาศ เป็น DP-20 อยู่ระหว่างการวิจัยและพัฒนา ปัจจุบันอยู่ในขั้นการทดลองใช้และนำมาปฏิบัติการ จุดที่สัญญาณขาดหาย คือทิศตะวันออกของปอยเปต ประมาณ 10 กิโลเมตร ส่วนรายละเอียดว่าถูกโจมตีหรือไม่ หรือมีเหตุขัดข้องใด ปัจจุบันยังอยู่ในขั้นตอนการพิสูจน์ทราบ ขณะที่กัมพูชาออกข่าวว่าใช้ระบบแอนตี้โดรนของจีนยิงโดรนของไทยตกไทยร่วมประชุมอาเซียนสมัยพิเศษนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองโฆษกประจำกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า กระทรวงการต่างประเทศอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อม เพื่อเข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีของอาเซียน สมัยพิเศษ จัดขึ้นในวันที่ 22 ธ.ค. ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ จะนำคณะผู้แทนไทย ประกอบด้วย ผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้แทนฝ่ายทหาร ส่วนการชี้แจงของฝ่ายไทยต่อประชาคมระหว่างประเทศที่ผ่านมา ตั้งอยู่บนพื้นฐานของข้อมูล หลักฐานและข้อเท็จจริง สำหรับการพูดคุยกับฝ่ายกัมพูชาไทยไม่เคยปิดกั้นการเจรจา แต่ยึดถือหลักการสำคัญ 3 ประการมาโดยตลอด คือ ขอให้กัมพูชาประกาศหยุดยิงในฐานะที่เป็นฝ่ายรุกล้ำเข้ามาในดินแดนของไทย การหยุดยิงดังกล่าวต้องเกิดขึ้นจริงและต่อเนื่อง ขอให้ฝ่ายกัมพูชาแสดงความจริงใจในการร่วมมือกับฝ่ายไทย โดยเฉพาะในประเด็นการเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดนยกหูแจงผู้แทนระดับสูงหลาย ปท.รองโฆษกประจำกระทรวงการต่างประเทศ เน้นย้ำว่า ไทยปรารถนาให้เกิดสันติภาพ แต่สันติภาพที่ยั่งยืนจะต้องควบคู่ไปกับความมั่นคงและความปลอดภัยของประชาชนไทย เป็นหลักการที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศไทย ได้ชี้แจงและหารือทางโทรศัพท์กับผู้แทนระดับสูงหลายประเทศและองค์กรสำคัญ อาทิ นางคาจา คัลลาส ผู้แทนระดับสูงของสหภาพยุโรป นายหวัง อี้ รมว. การต่างประเทศจีน รวมถึงนายมาร์โค รูบิโอ รมว. ต่างประเทศสหรัฐอเมริกา และระหว่างการเดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่นอย่างไม่เป็นทางการ รมว.ต่างประเทศไทย ยังได้พบหารือกับ รมว.ต่างประเทศญี่ปุ่น แลกเปลี่ยนข้อมูล ชี้แจงท่าที สถานการณ์ล่าสุดของสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา“หวัง อี้” คุย 2 ฝ่ายเรียกร้องหยุดยิงโดยเร็วทางด้านสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐ ประชาชนจีนประจำประเทศไทย โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ระบุ นายหวัง อี้ รมว.ต่างประเทศจีน ได้โทรศัพท์หารือกับนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศไทย และนายปรัก สุคน รองนายกฯ กัมพูชา เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. เกี่ยวกับสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งสองฝ่ายรายงานสถานการณ์การปะทะและแสดงความปรารถนาที่จะคลี่คลายความขัดแย้ง นายหวัง อี้ กล่าวว่า จีนในฐานะเพื่อนบ้านและมิตรของทั้งสองประเทศ ไม่ต้องการเห็นการปะทะยืดเยื้อและเสียใจต่อการสูญเสียชีวิตของประชาชนทั้งสองประเทศ พร้อมเรียกร้องให้หยุดยิงโดยเร็วที่สุด เพื่อป้องกันความเสียหายและฟื้นฟูความเชื่อมั่นร่วมกันยืนยันจีนยึดมั่นส่งเสริมการเจรจาขณะเดียวกัน นายหวัง อี้ ยังยืนยันว่า จีนยึดมั่นในหลักการส่งเสริมการเจรจาและความเป็นธรรมในเหตุการณ์นี้ และสนับสนุนบทบาทของอาเซียนในการไกล่เกลี่ย โดยทูตพิเศษจีนได้เดินทางไปยังไทยและกัมพูชาเพื่อประสานงาน และจีนจะมีบทบาทในการฟื้นฟูสันติภาพ รวมทั้งการปกป้องความปลอดภัยของโครงการและบุคลากรจีนและเฝ้าระวังผู้ที่เผยแพร่ข่าวลือเท็จ เพื่อทำลายความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างจีนกับทั้งสองประเทศ พร้อมเผยว่า นายสีหศักดิ์และนายปรัก สุคน ขอบคุณจีนที่ยึดมั่นในความเป็นกลางและสนับสนุนการไกล่เกลี่ยกลุ่มประชาชนให้กำลังใจอนุทินส่วนความเคลื่อนไหวของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ที่พรรคภูมิใจไทย เมื่อช่วงเที่ยง กลุ่มพสกนิกรปกป้องดินแดนและรักสถาบัน และกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) นำจดหมายเปิดผนึก พร้อมดอกไม้ มายื่นให้กำลังใจนายอนุทิน เรื่องการพิทักษ์อธิปไตยและการธำรงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีของประเทศไทย จากการรุกรานของต่างชาติ เนื้อหาสรุปภาคประชาชนมีความห่วงใย ขอส่งกำลังใจมายังนายกฯในการแก้ปัญหาชายแดน นายอนุทินกล่าวว่า ขอบคุณที่มาให้กําลังใจในการทํางานของตนและรัฐบาล ตลอดจนกองทัพ ถือเป็นขวัญกําลังใจให้คนทํางาน ที่กําลังทําหน้าที่ปกป้องอธิปไตย เรามีประชาชนคอยเป็นกำแพงอันยิ่งใหญ่ด้านหลัง เราไม่มีวันที่จะหงายหลังล้มเป็นอันขาด ในการต่อสู้ ตอบโต้และรับมือกับผู้ที่รุกรานโวขอให้มั่นใจไทยชนะศึกแน่นอนนายกฯกล่าวอีกว่า ตนให้ความมั่นใจ เพราะทํางานอย่างใกล้ชิดกับฝ่ายกองทัพ ไม่มีครั้งไหนที่ผู้นําทางทหารจะไม่มั่นใจ ถามกี่ครั้งคําตอบก็คือไม่มีวันแพ้ ในสถานการณ์เช่นนี้นายกฯก็คือคนไทยคนหนึ่ง จะไม่ยอมให้ใครเข้ามารุกรานอธิปไตยของเรา ตนพร้อมให้การสนับสนุนสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับทหารทุกคน ขอให้ทุกท่านมีความมั่นใจ เราดําเนินการมาจนเข้าเป้าทุกอย่าง ไม่อยากใช้คําว่าจบ เพราะคําว่าจบ มันคือการสูญเสียอะไรหลายๆ อย่าง เราไม่อยากพูดแบบนั้นเพราะชีวิตของคนไทยหรือใครก็ตาม ไม่อยากให้มีการสูญเสีย จะพยายามทําให้ดีที่สุด ขอให้มั่นใจเราชนะแน่นอนเผย รมว.กต.ไทยคุยหวังอี้มีทิศทางดีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและ รมว.มหาดไทย ยังกล่าวถึงกรณีนายหวัง อี้ รมว.ต่างประเทศจีน คุยโทรศัพท์กับนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ ว่า นายสีหศักดิ์ได้รายงานมาว่าได้โทรศัพท์หารือกับนายมาร์โค รูบิโอ รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ ขณะนี้มีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดี ไทยได้อธิบายถึงเหตุผลถึงการดำเนินการที่ทำอยู่ในปัจจุบัน และยืนยันด้วยว่า ไทยไม่เคยเป็นฝ่ายรุกราน หากการหารือบอกว่าให้หยุดยิงต้องไปบอกกัมพูชาที่เป็นฝ่ายเริ่ม ให้ดำเนินการที่เป็นรูปธรรม จนกว่าจะทำให้ฝ่ายไทยรู้สึกว่า ความเป็นอันตรายต่อประเทศไทยนั้นหมดไป“อนุทิน”บอกใครกดดันไทยไม่ได้เมื่อถามต่อว่าขณะนี้ มหาอำนาจอย่างจีนและสหรัฐฯ ยังไม่มีท่าทีกดดันไทยเข้าสู่โต๊ะเจรจาใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า คำว่ากดดันหมายความว่าคุณต้องไปทำอะไรผิดก่อนหรือไม่เข้าท่า เอาเปรียบคนอื่นก่อน ถึงต้องใช้คำว่ากดดัน แต่ประเทศไทยไม่ได้อยู่บริบทที่จะใช้คำว่ากดดันเลย ความกดดัน ต้องไปอยู่กับประเทศผู้รุกรานและผู้ที่ละเมิดสัญญา แม้ขณะนี้จะมีการสู้รบกันอยู่ ประเทศไทยก็ยังดำเนินการตาม 4 ข้อตกลงนี้อย่างเต็มที่ ยกเว้นข้อ 1 ที่เราไม่สามารถถอนกำลังได้เพราะถูกกลั่นแกล้ง โจมตี และคุกคามอยู่ เพราะฉะนั้นถ้าหากใครมาบอกว่า ประเทศไทยต้องกลับไปยึดถือปฏิญญากัวลาลัมเปอร์ ไทยอยู่ในนั้นอยู่แล้วไม่เคยออก ต้องบอกให้กัมพูชากลับไปทำตามปฏิญญากัวลาลัมเปอร์ แต่วันนี้ก็ต้องมีการเพิ่มเงื่อนไขเข้ามา เช่น การถอนกำลัง การถอนอาวุธ ต้องเป็นที่ไว้วางใจและพึงพอใจจากไทย ว่าไม่เป็นอันตรายต่อไทย คนที่ละเมิดต้องแสดงท่าที ที่ต้องถูกกำหนดมากหน่อยหวั่นกัมพูชาถล่มแท่นขุดเจาะน้ำมันพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกองทัพเรือระบุพบโดรนกัมพูชาบินในบริเวณใกล้แท่นขุดเจาะน้ำมันในอ่าวไทย อาจมีความพยายามก่อวินาศกรรมจากฝ่ายกัมพูชา เพื่อตอบโต้ไทยที่เข้มงวดการขนส่งน้ำมันไปกัมพูชา ว่า ท่าทีกัมพูชาอยู่ในขอบเขตที่ได้ประเมินไว้ ไม่ได้มองแง่ร้าย ยอมรับน่านน้ำไทยยากต่อการเฝ้าตรวจ การณ์แตกต่างจากพื้นที่บนบก ได้รับทราบจากศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ว่า พื้นที่ทะเลไทยมีเรือประมงกว่า 10,000 ลำ เรือเหล่านั้นมีการบินโดรนของตัวเองด้วย ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบโดรนที่พบในอ่าวไทยเป็นของฝ่ายตรงข้ามหรือของไทย มีความประสงค์ก่อวินาศกรรมหรือประสงค์ร้ายหรือไม่ ส่วนจะประสานงานสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เพื่อจัดหาระบบต่อต้านโดรนให้แท่นขุดเจาะน้ำมันในอ่าวไทยหรือไม่ ทราบว่าบริษัท ปตท.กำลังขออนุญาตจัดหาระบบต่อต้านโดรนมาติดตั้งในแหล่งขุดเจาะน้ำมันของ ปตท. เพราะเป็นผลประโยชน์ชาติ อยู่ภายใต้การควบคุมของ กสทช.อยู่แล้ว สามารถดำเนินการได้ยอมรับโดรนไทยถูกเขมรสอยร่วงรมว.กลาโหมกล่าวอีกว่า มอบหมายกองทัพอากาศรับผิดชอบการดูแลโดรนและความมั่นคงคุยกับกองทัพเรือร่วมเฝ้าดูแล ได้ออกมาตรการเพิ่มเติมแล้ว สถานการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อถามว่า หากไม่ใช่การก่อวินาศกรรม อาจเป็นการข่มขู่จากกัมพูชา เพื่อสร้างความปั่นป่วนหรือไม่ พล.อ.ณัฐพลตอบว่า เป็นหนทางหนึ่งที่ประเมินไว้เช่นกัน แต่ไม่สามารถหาข้อสรุปได้ว่าเป็นโดรนของกัมพูชาจริงหรือไม่ ต้องตรวจสอบต่อไป ที่กัมพูชาเผยแพร่ภาพสามารถทำลายโดรนตรวจการณ์ของฝ่ายไทยได้ ทราบว่าโดรนที่ตกคือรุ่น DP-20 เกิดจากฝ่ายกัมพูชามีอาวุธต่อต้านอากาศยาน แม้ที่ผ่านมาเราจะระมัดระวังอยู่ แต่ในการรบย่อมเกิดความสูญเสียขึ้น หากมียุทโธปกรณ์แล้วไม่กล้านำมาใช้ก็ไม่ถูกต้อง ต้องนำสิ่งที่มีอยู่มาใช้ปฏิบัติการ แต่ต้องหลีกเลี่ยงความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ยอมรับแม้จะมีความสูญเสียเกิดขึ้นบ้าง ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่