สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จเยี่ยมทหารกล้าที่ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์สู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ที่นอนรักษาตัวอยู่ รพ.สรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี ทรงเอื้อมพระหัตถ์ไปจับมือทหารนายหนึ่งนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย พร้อมรับสั่ง “เป็นกำลังใจให้นะ เราเข้าใจ เก่งที่สุด เข้มแข็ง เก่งที่สุดแล้ว ไม่ต้องร้อง เก่งมากๆ ภูมิใจในตัวเองได้เลย” ด้านเนิน 350 ยังปะทะต่อเนื่อง ทหารแนวหน้าพยายามเข้าคุมพื้นที่นำร่าง 2 ทหารไทยที่พลีชีพออกมาให้ได้ กองทัพบกปล่อยคลิปปักธงชาติเหนือ “ปราสาทตาควาย”อีกรอบ เล็งค้นหา-กู้ร่าง 2 ทหารไทยกลับคืนครอบครัว กองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาเดือด เปิดเกมรุกช่องอานม้า-ตาควาย คุมพื้นที่สำคัญได้ ส่วน จ.ตราดยังมียิงตลอดแนว แต่กองทัพเรือรับมือเอาอยู่ ฉก.นย.ตราดลุยยึดพื้นที่บ้าน 3 หลังสำเร็จ 100% พร้อมปักธงไทยแสดงเขตอธิปไตยไทย ทหารไทยพลีชีพเพิ่มอีก 1 นาย ในสมรภูมิบ้านหนองจาน สระแก้วหลังมีการปะทะเดือดใน 3 แนวรบ รวมทหารสละชีพเพื่อชาติแล้ว 21 นายวันที่ 17 ธ.ค.เข้าสู่วันที่ 10 ของปฏิบัติการตอบโต้ทางทหารเพื่อรักษาอธิปไตยของแผ่นดินไทยที่เรารักและหวงแหน หลังจากฝ่ายกัมพูชาเหิมหนักเข้ามารุกรานดินแดนจนเกิดการปะทะกัน ทำให้ทหารในสนามรบที่ต่อสู้อย่างห้าวหาญ ต้องสละชีพเพื่อชาติจนถึงวันที่ 17 ธ.ค. รวม 19 รายแล้ว โดย 2 รายล่าสุดเสียชีวิตในเหตุปะทะที่บริเวณหน้าปราสาทตาควายและเนิน 350 บนแนวทิวเขาพนมดงรัก บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ คือ ส.อ.สำเริง คลังประโคนและพลทหารภานุพัฒน์ เสาร์สา ที่ปฏิบัติหน้าที่ต่อสู้ศัตรูด้วยความกล้าหาญจนเสียชีวิตและยังไม่สามารถนำศพออกมาได้ สำหรับเนิน 350 มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ในการควบคุมพื้นที่ชายแดน อยู่สูงกว่าปราสาทตาควายประมาณ 300 เมตร ทำให้มองเห็นและควบคุมพื้นที่ได้ดี ก่อนหน้านี้ทหารกัมพูชาเข้ายึดพื้นที่สร้างบังเกอร์ขนาดใหญ่ แต่ถูกทหารไทยยึดกลับมาได้ จึงพยายามจะเอาคืนทั้งที่เป็นดินแดนอธิปไตยไทยและรุกคืบเข้ามาในพื้นที่เมื่อเย็นวันที่ 16 ธ.ค.จนเกิดการปะทะทำให้ทหาร 2 นายพลีชีพ"เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี" ทรงเยี่ยมทหารกล้าเมื่อวันที่ 17 ธ.ค.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้า สิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จไปทรงมอบสิ่งของพระราชทานและเยี่ยมทหารกล้า ที่ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์สู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี ระหว่างนั้นทรงเอื้อมพระหัตถ์ ไปจับมือทหารนายหนึ่งที่ได้รับบาดเจ็บนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย พร้อมรับสั่งว่า “เป็นกำลังใจให้นะ เราเข้าใจ เก่งที่สุด เข้มแข็ง เก่งที่สุดแล้ว ไม่ต้องร้อง เก่งมากๆ ภูมิใจในตัวเองได้เลย” ขณะที่ทหารและครอบครัวที่เฝ้ารับเสด็จ ต่างรู้สึกปลาบปลื้มและสำนึกในพระกรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้แพร่คลิปปักธงไทยปราสาทตาควายขณะที่เมื่อเช้าวันที่ 17 ธ.ค. กองทัพบกได้เผยแพร่คลิปวิดีโอภาพทหารไทยขณะกำลังเข้าปักธงชาติไทยพร้อมร้องเพลงชาติไทย บนพื้นที่ปราสาทตาควาย ได้สำเร็จแบบชัดๆอีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ มีการเผยแพร่ภาพบางส่วนออกไป แต่ชาวกัมพูชาไม่เชื่อบอกว่าเป็นภาพ AI ภายในภาพยังคงมีเสียงอาวุธปืนยิงต่อต้านจากฝ่ายกัมพูชา เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความชื่นชมความกล้าหาญของทหารไทยช่องอานม้ารบเข้มข้นไทยคุมสำเร็จต่อมาเวลา 10.00 น. กองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ของวันที่ 16 ธ.ค.ว่า ด้าน จ.อุบลราชธานี พื้นที่ช่องบกตลอดทั้งวัน สถานการณ์โดยรวมปกติไม่มีการปะทะขนาดใหญ่ อยู่ในสถานะเฝ้าระวังและเตรียมพร้อมพื้นที่ ช่องอานม้าเป็นพื้นที่การรบเข้มข้นที่สุดตลอดทั้งวัน ฝ่ายไทยปฏิบัติการเชิงรุกต่อเนื่อง มีการเข้าตีที่หมายตามแผนปฏิบัติการตาม “ยุทธการศตวรรษ” สามารถควบคุมพื้นที่ได้โดยสมบูรณ์ ตรวจพบและทำลาย PMN-2 ในพื้นที่ ฝ่ายกัมพูชาตอบโต้ด้วย BM-21 ปืนใหญ่ปืน ค. ปืนเล็กยาวและโดรน ฝ่ายไทยมีการเสริมกำลัง สถาปนาแนววางกำลังใหม่ และวางลวดหนามเพิ่มความมั่นคงซำแต-โดนตวล-ภูผี-สัตตะโสม ยังมียิงส่วนที่ จ.ศรีสะเกษ กองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ว่า พื้นที่ซำแต โดนตวล ภูผี สัตตะโสม พนมประสิทธิโส ช่องตาเฒ่า ฝ่ายกัมพูชายิงปืนใหญ่ไปยังพื้นที่ช่องตาเฒ่า สัตตะโสม ยิงจรวดหลายลำกล้อง BM-21 เข้ามาที่บริเวณเขาสัตตะโสมต่อเนื่อง จากการข่าวพบฝ่ายกัมพูชาขาดเสบียงและพยายามต่อต้านฝ่ายไทยด้วยอาวุธหนัก พื้นที่ผามออีแดง-ห้วยตามาเรีย ทั้งสองฝ่ายมีการปะทะเป็นระยะๆด้วยปืนเล็กยาวและปืน ค.ประปราย ฝ่ายไทยตรวจพบรถส่งกำลังบำรุงและรถบรรทุกฝ่ายตรงข้ามหลายครั้ง ฝ่ายไทยจึงใช้ปืนใหญ่และเครื่องยิงลูกระเบิด ยิงทำลายเป้าหมายทางทหารฝ่ายกัมพูชา ฝ่ายกัมพูชาใช้เครื่องยิงลูกระเบิด ปืนใหญ่ รถถัง รวมถึงโดรนทิ้งระเบิดตอบโต้เป็นระยะตลอดทั้งวัน ภาพรวมฝ่ายไทยยังควบคุมสถานการณ์ได้เขมรบินโดรนทิ้งระเบิดหาเป้าหมายขณะที่พื้นที่ภูมะเขือ ช่องโดนเอาว์-พลาญยาว-พลาญหินแปดก้อน ฝ่ายไทยได้ตรวจพบโดรนขนาดใหญ่ คาดว่าเป็นโดรนทิ้งระเบิดของทหารกัมพูชา บินหาเป้าหมายในแนวรบช่องสะงำ ไม่มีการสู้รบ สถานการณ์เฝ้าระวัง ด้านชายแดนฝั่งจังหวัดสุรินทร์ พื้นที่ช่องจอม-ช่องเปรอ-ช่องระยี ทหารกัมพูชายิงจรวดหลายลำกล้อง BM - 21 จำนวน 1 ชุด เข้ามายังฝั่งไทย พื้นที่คนา ไทยสามารถยึดที่หมายและควบคุมพื้นที่ได้ ทหารกัมพูชาใช้โดรนบินตรวจการณ์ในพื้นที่ตลอด นอกจากนี้ทางทหารกัมพูชายังได้สั่งการให้ยิงปืนใหญ่สนับสนุน ยังพื้นที่ปราสาทคนาหลายครั้ง กระสุนปืนใหญ่ และ BM-21 ตกบริเวณฐานทหาร แต่กำลังพลไม่ได้รับบาดเจ็บตาควาย–ช่องสายตะกู ยังดุเดือดกองทัพภาคที่ 2 สรุปอีกว่า สำหรับพื้นที่ตาควาย ฝ่ายเราได้รับบาดเจ็บ 2 นาย จากการยิงตอบโต้ของฝ่ายทหารกัมพูชา กำลังพลฝ่ายไทยบาดเจ็บ 3 นายจากสะเก็ดระเบิดของอาวุธวิถีโค้งจากจรวดหลายลำกล้อง BM-21 ยิงเข้ามาบริเวณเนิน 350 ทหารกัมพูชายังได้สั่งการให้ใช้ปืนใหญ่และรถถัง บุกเข้ายิงไปในพื้นที่ตาควายหลายครั้งก่อนมีการตรวจพบ UAV ของทหารกัมพูชาจำนวน 1 ลำ บินในพื้นที่ขณะที่พื้นที่ช่องกร่าง ทหารกัมพูชายังคงตรึงกำลังตลอดแนว มีการยิงปืนใหญ่เป็นห้วงๆ พื้นที่ตาเมือนธม ไทยตรวจพบ BM-21 และ UAV/Drone ในหลายช่วงเวลา มีการยิงจากฝ่ายตรงข้ามใส่ฐานฝ่ายเรา แต่ยังไม่เกิดความสูญเสีย อยู่ในสถานะเฝ้าระวังระดับสูง ด้านชายแดน จ.บุรีรัมย์ พื้นที่ช่องสายตะกู มีการยิงตอบโต้กันด้วยปืน ค. และปืนเล็กยาวประปราย ไทยยิงตอบโต้ด้วย ปืน ค.และปืนใหญ่อย่างหนาแน่นตลอดเวลาเผย 16 ธ.ค. การสู้รบรุนแรงสูงกองทัพภาคที่ 2 ยังสรุปสถานการณ์อีกว่า ภาพรวมวันที่ 16 ธ.ค.เป็นวันที่การรบมีความรุนแรงสูงโดยเฉพาะพื้นที่ช่องอานม้าและปราสาทตาควาย ฝ่ายไทยเป็นฝ่ายเปิดเกมรุกเชิงยุทธการ ใช้อาวุธประสานหลายมิติ (ปืนใหญ่, รถถัง ทหารราบและโดรน) ฝ่ายกัมพูชาใช้ BM-21 ปืนใหญ่ ปืน ค. UAV และโดรนทิ้งระเบิดอย่างต่อเนื่อง ฝ่ายไทย สามารถยึดควบคุมพื้นที่สำคัญหลายจุดได้สำเร็จ โดยเฉพาะพื้นที่ช่องอานม้า มีกำลังพลฝ่ายไทยได้รับบาดเจ็บหลายราย แต่ระบบแพทย์สนามและการส่งกลับทำได้ต่อเนื่อง แนวโน้มสำคัญคือกัมพูชามีการใช้โดรนจำนวนมากขึ้นควบคู่กับการยิงจรวด BM-21 ภาพรวมไทยยังคงครองความได้เปรียบเชิงพื้นที่และการควบคุมสถานการณ์ได้ดีระดมค้นหาร่าง 2 ทหารพลีชีพพล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่ทหารไทยเข้าตีเพื่อควบคุมที่หมายเนิน 350 ใกล้ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ เมื่อช่วงค่ำวันที่ 16 ธ.ค.ว่า ฝ่ายไทยเข้าตีเพื่อกดดัน แต่โดนต่อต้านอย่างหนักเมื่อถอนตัว พบกำลังพลหายไป 2 คน ด้วยสภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวย สภาพการมองเห็นจำกัด ประกอบกับอุปสรรคจากสภาพภูมิประเทศ ทุ่นระเบิดและการยิงต้านทาน ทำให้ยังไม่เหมาะต่อการค้นหาเร่งด่วนขณะนั้น จึงกลับลงมาทำแผน เพื่อจะเข้ากู้ร่างอีกครั้งในวันนี้ จะระดมการค้นหา ทั้งทางพื้นดินและทางอากาศ เพื่อนำกำลังพลกลับมาให้ได้เขมรยังเปิดศึกต่อเนื่องตลอดแนวอีกด้านช่วงสายวันเดียวกัน ที่ศูนย์แถลงข่าวร่วม สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ททบ.5 พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงว่า ไทม์ไลน์สถานการณ์กัมพูชา ยังคงเปิดการปะทะต่อเนื่องตลอดแนว ระดมอาวุธยิงสนับสนุนต่างๆเข้าไปยังฝั่งไทย โดยเฉพาะพื้นที่ช่องอานม้า เราได้ผลักดันและประสบความสำเร็จป้องกันการรุกราน กัมพูชายังถล่มเนิน 350 พื้นที่ปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ทําให้กําลังพลเสียชีวิต 2 นาย แต่เราสามารถปกป้องพื้นที่มีการปฏิบัติการที่มีนัยสำคัญยึดคืนพื้นที่บ้าน 3 หลัง 100% แล้วพล.ร.ต.สุรสันต์กล่าวด้วยว่า ส่วนบ้านหนองหญ้าแก้ว บ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว กองกําลังบูรพา กองทัพภาคที่ 1 กัมพูชาระดมยิงอาวุธหนักเข้ามาในพื้นที่ แต่เราสามารถคํ้ายันพื้นที่และผลักดันออกไป ที่ จ.ตราด แม้ประกาศยกเลิกเคอร์ฟิวในพื้นที่ไปแล้วเนื่องจากสถานการณ์เริ่มเข้าสู่สภาวะปกติ ส่วนช่วงบ่าย กัมพูชาโจมตีบ้าน 3 หลัง จ.ตราด หน่วยบัญชาการนาวิกโยธินได้ตอบโต้สามารถป้องกันและยึดพื้นที่ได้สำเร็จแล้ว 100% และปักธงชาติไทยเรียบร้อยแล้ว แต่ช่วงคํ่าวันที่ 16 ธ.ค.ฝ่ายกัมพูชายังระดมการยิงต่อเนื่องตลอดแนวจังหวัดตราด ยังได้รับผลกระทบและชื่นชมกองทัพเรือที่ยังรับมือกับการรุกรานของกองทัพกัมพูชาได้มีประสิทธิภาพทบ.ประณามกัมพูชาละเมิดสิทธิด้าน พ.ต.หญิง กัญญ์ณณัฐ พรนิพัทธ์กุล ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ความเสียหาย ฝ่ายไทยครอบคลุมทุกจังหวัด ถูกอาวุธหนัก BM-21 โจมตีบ้านเรือนประชาชน ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต กองทัพภาคที่ 1 อ.ตาพระยา อ.โคกสูง จ.สระแก้ว มีกระสุนตก 13 จุด กองทัพภาคที่ 2 จ.บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ มีกระสุนตก 92 จุด ครอบคลุมพื้นที่ 105 จุด มีบ้านเรือนเสียหาย 27 หลังคาเรือน ประชาชนเสียชีวิต 1 ราย กระทบอาคารสถานพยาบาล 1 แห่ง ศาสนสถาน 4 แห่ง สถานศึกษา 1 แห่ง ยืนยันว่าการรบควรจะเกิดระหว่างทหารกับทหาร ไม่ควรกระทบประชาชน กองทัพบกขอประณามการกระทําของกัมพูชา ละเมิดหลักสิทธิมนุษยชนและกติกาสากลระหว่างประเทศ พร้อมทั้งรวบรวมหลักฐานนําไปให้ส่วนที่เกี่ยวข้องขยายผลในเวทีนานาชาติต่อไปพื้นที่ตาควาย–เนิน 350 รบลำบากขณะที่ พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ชี้แจงเพิ่มเติมถึงความยากในการสถาปนาพื้นที่ความมั่นคงปราสาทตาควาย ว่า ด้วยสภาพพื้นที่ การรบมีความยากลำบาก เนื่องจากมีพื้นที่สูง เนิน 350 ที่ทหารกัมพูชายึดไว้ก่อนหน้านี้ ทำเป็นที่มั่นแข็งแรง การที่ทหารไทยจะยึดประสาทตาควายได้นั้น เนิน 350 เป็นจุดยุทธภูมิสำคัญ ตอนนี้บริเวณดังกล่าวมีการสู้รบอย่างหนัก เป็นพื้นที่ช่วงชิงอยู่ระหว่างการปฏิบัติการส่งผลให้ทหารสละชีพ 2 นาย การนำร่างทหารที่สละชีพออกจากพื้นที่มีความยากลำบาก เนื่องจากสถานการณ์การรบยังไม่จบกำลังเข้มข้น พร้อมปฏิเสธไม่มีทหารไทยถูกจับกุม การรบที่ยืดเยื้อยืนยันว่า ฝ่ายไทยทำเพื่อป้องกันตนเองบนพื้นฐานการโจมตีเข้ามา หาก กัมพูชายังโจมตีมาไทยต้องป้องกันตนเอง พื้นที่ที่เราต้องยึดคืนเป็นอธิปไตยของไทย เพราะทําให้กัมพูชาได้เปรียบเข้ามาโจมตี ไม่เพียงแต่ทหารที่ได้รับบาดเจ็บเสียชีวิต ครอบคลุมถึงประชาชน หากยังโจมตีเข้ามาเราต้องป้องกันตัวเอง ส่วนขีปนาวุธที่ยึดได้ นำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ที่สุดฉก.นย.ลุยเขมรจนสิ้นสภาพน.อ.ธรรมนูญ วรรณา ผบ.ฉก.นย.ตราด เผยกับผู้สื่อข่าวว่า ขณะนี้ทหารไทยได้ลิดรอนกำลังทหาร-กัมพูชาจนสิ้นสภาพแล้ว ไม่มีการตอบโต้ใดๆ มาฝ่ายไทย หลังจากกองเรือ กองทัพอากาศ ปฏิบัติการทางทหารอย่างหนักตลอด 8 วัน ในการยึดพื้นที่บ้าน 3 หลังคืนจากฝ่ายกัมพูชา ปัจจุบันทหารไทยเป็นฝ่ายคุมสถานการณ์และบังคับวิถีการรบได้แบบเบ็ดเสร็จ ทุกอย่างเป็นไปตามแผน พร้อมให้ความมั่นใจกับประชาชนไม่นานทุกคนจะได้กลับบ้านเร็วๆนี้ ขออย่ากังวล ส่วนโดรนปริศนาเป็นเพียงการบินก่อกวนทางจิตวิทยา บางครั้งยากจะแยกแยะด้วยสายตาเปล่าระหว่างแสงดาวกับโดรน แต่ยืนยันว่าไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนทหารไทยเดินเกมเร็วหลังยึดช่องอานม้าผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศในพื้นที่ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 17 ธ.ค. ยังคงมีเสียงปืนใหญ่ยิงสนับสนุนภารกิจแนวหน้าอยู่บ้าง แต่ไม่ตึงเครียดเหมือนวันที่ 16 ธ.ค. ที่ทหารไทยเข้าผลักดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ตลาดช่องอานม้า ขณะที่แหล่งข่าวสายทหารเปิดเผยว่า ในวันนี้ (17 ธ.ค.) เป็นการปฏิบัติการเข้าผลักดันทหารกัมพูชาในพื้นที่ฐานห้วยบอน ที่มีกำลังทหารกัมพูชาอยู่ประมาณ 100 คน การปฏิบัติการเริ่มตั้งแต่เวลา 07.00 น. สิ้นสุดในเวลาประมาณ 10.00 น. หลังจากนั้นเสียงปืนใหญ่ในการยิงสนับสนุนสงบลง มีเพียงแค่การยิงเพื่อไม่ให้ทหารกัมพูชาไม่สามารถกลับมารวมตัวกันอีก สังเกตได้ว่าในการรบครั้งนี้ ทหารไทยเดินเกมเร็ว หลังยึดพื้นที่คืนได้แล้ว มีการวางกำลังและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทันที รวมถึงการวางแนวบังเกอร์ป้องกันการกลับมาของทหารกัมพูชาครอบครัว “จ่าเริง” สุดโศกเศร้าในส่วน 2 ทหารกล้าที่พลีชีพ จากเหตุการณ์ยิงปะทะกับทหารกัมพูชาอย่างดุเดือด ขณะเข้ายึดคืนพื้นที่อธิปไตยของไทยบนเนิน 350 เมื่อคืนวันที่ 16 ธ.ค. จนถึงเย็นวันที่ 17 ธ.ค. ยังไม่สามารถนำร่างออกมาจากพื้นที่สู้รบได้ คือ จ.ส.อ.สำเริง คลังประโคน หรือจ่าเริง อายุ 38 ปี ทหารสังกัดกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 23 (ร.23 พัน.3) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเกิดของจ่าเริง ที่บ้านโคกรัก ต.ปังกู อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ทั้งแม่ พี่สาว และภรรยาจ่าเริง ต่างร่ำไห้แทบขาดใจเพราะทำใจไม่ได้ที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก โดยเฉพาะนางเอี่ยม คลังประโคน อายุ 79 ปี มารดาจ่าเริง ที่กอดรูปถ่ายลูกชายร้องไห้ไม่หยุด ลูกๆ และญาติพี่น้องต้องคอยปลอบตลอดเพราะกลัวแม่จะเป็นลมอยากเห็นหน้าลูกครั้งสุดท้ายนางเอี่ยมกล่าวกับผู้สื่อข่าวทั้งน้ำตาว่า เสียใจมากที่สูญเสียลูกชาย แต่ก็ภูมิใจที่ลูกได้ทำหน้าที่ชายชาติทหารปกป้องผืนแผ่นดินไทย สิ่งที่คนเป็นแม่ต้องการมากที่สุดตอนนี้ คือ อยากให้นำร่างลูกชายออกจากสนามรบกลับมาบำเพ็ญกุศลตามประเพณี อย่างน้อยก็ได้เห็นหน้าลูกเป็นครั้งสุดท้าย ลูกชายแม้จะอยู่ในสนามรบแต่ยังเป็นห่วงแม่มาก จะโทรศัพท์มาบอกให้แม่ไปอยู่ที่วัด จะได้ปลอดภัยเพราะเขารบกันรุนแรง แต่ตอนนี้ลูกก็มาจากแม่ไปแล้ว ด้าน น.ส.อุไร คลังประโคน อายุ 44 ปี พี่สาวคนที่ 4 เล่าว่า ก่อนน้องชายเสียชีวิตได้โทรศัพท์มาเล่าความฝันให้ฟังว่าได้ฝันเห็นพี่น้องทุกคนและครอบครัวเขา ในฝันพี่น้องได้ดุจ่าเริงและทิ้งเขาไว้คนเดียว น้ำเสียงของน้องขณะโทรศัพท์มาหาดูไม่สบายใจ จึงพูดให้กำลังใจ น้องยังบอกว่ายึดปราสาทตาควายได้แล้วพรุ่งนี้จะขึ้นเนิน 350 คิดว่าคงเป็นลางบอกเหตุสามีเคยลั่นขอตายในสนามรบด้าน น.ส.ธัญญารัตน์ คลังประโคน อายุ 39 ปี ภรรยา ร่ำไห้กล่าวว่าทั้งเสียใจที่สูญเสียสามีซึ่งเป็นที่รักและเป็นเสาหลักครอบครัว แต่ภูมิใจที่เขาได้ทำหน้าที่ที่เขารัก เขาปฏิญาณตนเสมอว่าเขาอยากทำเพื่อชาติ เขาก็ได้ทำอย่างเต็มที่แล้ว สามีเคยพูดกับตนว่าชาตินี้เขาขอรบและขอตายในสนามรบ ชาติหน้าถ้ามีจริงเขาจะขอบวช ตอนอยู่ในสนามรบ สามีโทรศัพท์มาหาตลอด เพราะเป็นห่วงครอบครัวมากเพิ่งคุยกันล่าสุดวันที่ 14 ธ.ค. สิ่งที่อยากได้มากที่สุดตอนนี้คืออยากได้ศพสามีกลับบ้านอย่างน้อยก็ยังได้เห็นหน้าเป็นครั้งสุดท้าย ภูมิใจที่สามีได้ทำหน้าที่อย่างสมเกียรติ เพราะเขาพูดเสมอว่าเขาอยากไปอยู่หน่วยไหนก็ได้ จนเขาไปสมัครทหารและได้เป็นจ่าตามที่เขาตั้งใจแม่ช็อกลูกดับในสมรภูมิเนิน 350ทางด้านครอบครัวของพลทหารภานุพัฒน์ เสาร์สา หลังจากนางพิชญ์สินี เสาร์สา มารดา ทราบว่าลูกชายเสียชีวิตในสมรภูมิเนิน 350 ถึงกับช็อกและถูกส่งตัวไปรักษาที่ รพ.วังหิน ขณะนี้อาการปลอดภัยแล้ว นางพิชญ์สินีเผยว่ามีบุตร 3 คน พลทหาร ภานุพัฒน์เป็นลูกคนโต สมัครเป็นทหารผ่านระบบออนไลน์เมื่ออายุ 18 ปี ลูกชายจะโทรศัพท์มาหาแม่เกือบทุกวัน ครั้งนี้ขาดการติดต่อไปนานถึง 2 วัน ล่าสุดที่ได้พูดคุยกันลูกบอกว่ากำลังขนระเบิดขึ้นแนวหน้า หลังจากนี้จะมีการรบกันอย่างหนัก พร้อมพูดกับแม่เสมอว่าให้แม่เผื่อใจไว้ หากลูกเป็นอะไรไป แม่ต้องเข้มแข็ง ความฝันของลูกคืออยากเป็นทหารและเรียนต่อ เพื่อให้มียศมีตำแหน่งที่สูงขึ้นเพื่อเป็นเสาหลักหาเงินส่งเสียน้องทั้งสองคนให้ได้เรียนหนังสือจนจบสูงๆ ขณะเรียนอยู่ชั้น ม.2 ลูกชายเคยถูกเพื่อนแกล้งจนต้องออกจากโรงเรียน และไปเรียนต่อในระบบ กศน. ลูกบอกว่าจะขอรบเพื่อทวงคืนปราสาทตาควายให้คนไทย จะขอสู้และรบเพื่อชาติหากต้องตายก็ขอตายอย่างภาคภูมิใจ จนถึงวันนี้ ลูกชายได้เสียสละชีวิตเพื่อชาติจริงๆ ตนรู้สึกภูมิใจที่ลูกได้ทำตามคำพูดที่เคยบอกไว้สระแก้วปะทะเดือด 3 แนวรบส่วนสถานการณ์สู้รบชายแดนไทย-กัมพูชาด้าน จ.สระแก้ว ในวันที่ 17 ธ.ค. มีการปะทะเดือดแต่เช้าใน 3 แนวรบหลัก คือ บ้านคลองแผง อ.ตาพระยา บ้านหนองหญ้าแก้ว บ้านหนองจาน อ.โคกสูง โดยกองกำลังกัมพูชาได้เปิดฉากระดมยิงจรวดหลายลำกล้อง BM-21 และปืนใหญ่อย่างหนักเข้ามาในเขตไทยรวมกว่า 100 นัด ส่งผลให้กระสุนบางส่วนตกกระจายลงในพื้นที่เกษตรของชาวบ้านหลายแห่ง สร้างความตื่นตระหนกแก่ประชาชนในพื้นที่ชายแดนอย่างมาก ขณะที่กองกำลังบูรพาปฏิบัติการตอบโต้เพื่อรักษาอธิปไตยต่อเนื่อง เสียงอาวุธหนักดังสนั่นทั่วพื้นที่หมู่บ้านชายแดน ขณะที่ชาวบ้านตามหมู่บ้านชายแดนบางส่วนพากันอพยพ บางส่วนยังเฝ้าบ้าน ขณะที่ทางการสั่งห้ามบุคคลที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าพื้นที่เด็ดขาดเพื่อป้องกันสายลับและเพื่อความปลอดภัยพบทหารกัมพูชาซ่องสุมกำลังแหล่งข่าวในพื้นที่ชายแดน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เผยกับผู้สื่อข่าวถึงความเคลื่อนไหวที่น่าจับตาของกองกำลังกัมพูชา บริเวณฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา โดยพบว่าที่อาคารคล้ายร้านขายของชำตรงข้ามกาสิโน Diamond City มีทหารกัมพูชาเข้าออกเป็นประจำอย่างผิดสังเกต แหล่งข่าวระบุว่าสถานที่ดังกล่าวถูกใช้เป็นจุดพักกำลังและคาดว่าเป็นแหล่งเก็บอาวุธ เนื่องจากพบการขนย้ายสิ่งของลักษณะคล้ายยุทโธปกรณ์เข้าไปภายใน ขณะที่บุคคลที่เข้าออกส่วนใหญ่สวมเครื่องแบบทหารกัมพูชา ข้อมูลนี้ได้มาจากผู้ที่ทำงานอยู่ในละแวกใกล้เคียงพบเห็นความเคลื่อนไหวดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ทั้งมีรายงานเพิ่มเติมว่าฝ่ายกัมพูชาได้ลอบเข้ามาวางทุ่นระเบิดใหม่ในบางจุดตามแนวชายแดน มีเป้าหมายเพื่อสร้างอันตรายต่อกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ขนอาวุธเข้าพื้นที่ตลาดน้ำพุนอกจากนี้ ยังมีรายงานจากประชาชนในพื้นที่ตลาดน้ำพุ เมืองปอยเปต อยู่ติดด้านหลังห้างบิ๊กซี โรงเกลือ อ.อรัญประเทศ ว่า พบทหารกัมพูชามีการขนอาวุธและยุทโธปกรณ์เข้ามาเตรียมไว้เป็นจำนวนมากในช่วงที่ผ่านมา สร้างความกังวลให้กับชาวบ้านและผู้ประกอบการบริเวณแนวชายแดน เนื่องจากสถานการณ์โดยรวมยังคงตึงเครียด อย่างไร ก็ตาม ข้อมูลทั้งหมดอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากหน่วยงานด้านความมั่นคงของไทย ขณะนี้มีการเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินผลกระทบต่อความปลอดภัยในพื้นที่ชายแดน และป้องกันไม่ให้สถานการณ์บานปลายทหารพลีชีพอีก 1 ที่บ้านหนองจานต่อมา ช่วงเย็น วันที่ 17 ธ.ค. พ.ต.หญิง กัญญ์ณณัฐ พรนิพัทธ์กุล ผู้ช่วยโฆษก ทบ. เผยว่า ได้รับรายงานจาก กกล.บูรพา ว่า กองทัพสูญเสียทหารไทยอีก 1 นาย ในพื้นที่บ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ภายหลังสถานการณ์กลับมารุนแรง ตั้งแต่ช่วง 14.30 น. ของ วันที่ 16 ธ.ค.เป็นต้นมา ทั้งนี้ พบว่าฝ่ายกัมพูชาได้มีการ โจมตีด้วยจรวด BM-21 ไม่ได้กระทบเพียงพื้นที่เป้าหมายทางทหารเท่านั้น แต่ยังกระทบต่อประชาชน จึงขอให้ประชาชนอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ศูนย์พักพิงฯ และบังเกอร์ อย่างไรก็ตาม ด้วยพื้นที่เนิน 350 จ.สุรินทร์ สถานการณ์ยังไม่สงบนิ่ง ยังคงมีการปะทะ 2 ฝ่าย แต่ทหารในพื้นที่ยืนยันว่า ยังคงความพยายามเข้าควบคุม พื้นที่และเตรียมนำร่างกำลังพล 2 นาย ที่เสียชีวิตกลับสู่ ภูมิลำเนาให้ครอบครัวนำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป หากนำร่างกลับมาได้แล้ว ทบ.จะแจ้งให้ทราบต่อไป“พลฯวสันต์” พลีชีพเป็นรายที่ 21ช่วงเย็น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊กเพจ “วารินชำราบบ้านเฮา อุบลราชธานี” โพสต์ข้อความระบุว่า สดุดีทหารกล้า พลีชีพรายที่ 21 พลทหารวสันต์ ขานหัวโทน (เอสโซ่) สังกัดค่ายเจ้าพระยาสุรวงศ์วัฒนศักดิ์ (ร.13 พัน. 3) ลูกหลานชาว ต.บ้านเทื่อม อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ได้รับบาดเจ็บเนื่องจากกระสุน ค. ตกถูกสะเก็ดระเบิดใส่ด้านหลัง ถูกนำตัวกำลังพลส่งรักษาตัวที่ รพ.สต.ตาแท่น อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ และเสียชีวิตในเวลาต่อมากต.ย้ำ 3 ข้อหยุดยิงหลังนานาชาติเรียกร้องอีกด้าน นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองโฆษก กระทรวงการต่างประเทศ แถลงเกี่ยวกับการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน วาระพิเศษ ในวันที่ 22 ธ.ค. ว่า เป็นโอกาสสำคัญที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ จะใช้โอกาสที่ดีนี้ในการชี้แจงสถาน การณ์ทุกอย่าง แน่นอนว่าไทยต้องการสันติภาพตั้งแต่แรก แต่สันติภาพครั้งนี้ต้องมาพร้อมกับความมั่นคงความปลอดภัยของปวงชนชาวไทย ส่วนเรื่องความคาดหวังว่ากัมพูชาจะตอบรับ 3 เงื่อนไขหยุดยิงของไทยว่า ไทยยืนยันใน 3 ข้อ ที่ประเทศไทยต้องการคือ 1.กัมพูชาต้องเป็นฝ่ายประกาศหยุดจริงก่อน ในฐานะที่กัมพูชาเป็นฝ่ายรุกราน 2.การหยุดยิงจะต้อง เกิดขึ้นจริงและต้องต่อเนื่อง ต้องไม่ยิงซ้ำ 3.ขอเห็นความจริงใจของกัมพูชาในการให้ความร่วมมือเก็บกู้ ทุ่นระเบิดร่วมกัน ประเด็นนี้กระทรวงการต่างประเทศพยายามผลักดันมาตลอด ตั้งแต่เกิดกรณีทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดครั้งแรกจนสูญเสียขาสถานการณ์ยืดเยื้อเท่าไหร่อยู่ที่เขมรนางมาระตีกล่าวต่อว่า ย้ำว่า 3 จุดยืนนี้ไม่เกี่ยว กับการประชุมอาเซียนในวันที่ 22 ธ.ค. แต่จะเป็นคำตอบของฝ่ายไทย หากประเทศสมาชิกสอบถาม หลังมีหลายประเทศ เช่น สหรัฐฯ จีน มาเลเซีย ต้องการให้หยุดยิง เราย้ำชัดเจนว่าเราไม่ใช่เป็นผู้รุกราน กัมพูชา เป็นผู้รุกรานจะต้องเป็นผู้ประกาศ ไทยมีหน้าที่ปกป้อง พื้นที่อธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชน สถานการณ์จะยืดเยื้อไปอีกนานเท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับกัมพูชาจะตอบรับใน 3 ข้อนี้หรือไม่“อนุทิน” หวังสถานการณ์จบเร็วจบดีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ที่พรรคภูมิใจไทย ถึงสถาน การณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเข้าสู่วันที่ 10 และกำลังพลเสียชีวิตเพิ่มอีก 2 นาย จะมีโอกาสนำร่างของ กำลังพลออกมาในเร็วๆนี้ ว่า ได้รับรายงานอยู่ ยืนยันว่า เราทำงานอย่างเต็มที่ทุกความสามารถ ส่วนสาเหตุการ เสียชีวิตต้องให้กองทัพเป็นผู้ชี้แจง ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้การตอบโต้ของกัมพูชาลดน้อยลง แสดงว่าใกล้ จะเผด็จศึกได้แล้วใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า เรากำลัง มีการปะทะกัน เป็นหลักยุทธการของกองทัพ จึงขอไม่ลงรายละเอียด ตนหวังตลอดเวลาว่าให้สถานการณ์จบลงโดยเร็วและเกิดผลที่ดีที่สุด เมื่อถามว่า จะสามารถ ยึดเนิน 350 บริเวณปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ ได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรีตอบว่า “ต้องได้สิ”บอก “กัมพูชา” มีสติควรเจรจาผู้สื่อข่าวถามต่อว่า สถานการณ์ที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี เป็นอย่างไร นายอนุทินกล่าวว่า เรื่อง ของกองทัพและทางยุทธการให้กองทัพกับผู้เชี่ยวชาญชี้แจง เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง ความเป็นความตายของพี่น้องทหารหาญและประชาชน เมื่อถามว่า สถานการณ์ขณะนี้ ถึงเวลาที่กัมพูชาจะต้อง ยอมเจรจาได้แล้วใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า หากกัมพูชาใช้สติก็ควรจะเป็นแบบนั้น ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม บอกว่า ขอเวลา อีกไม่นาน จะสามารถเคลียร์สถานการณ์ชายแดนไทย กัมพูชาได้นั้น นายอนุทินกล่าวว่า ท่านเป็น รมว. กลาโหม ท่านเป็นทหาร สื่อน่าจะได้คำตอบจากท่านแล้ว ส่วนจะสามารถยุติได้ก่อนสิ้นปีหรือไม่นั้น ทุกท่านได้คำตอบจาก รมว.กลาโหม แล้ว“คุยหยุดยิง” กัมพูชาต้องเริ่มก่อนนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ กล่าวที่พรรคภูมิใจไทย ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย- กัมพูชา ที่สู้รบเข้าสู่วันที่ 10 แล้ว ว่าเราทำในส่วนที่ เป็นอธิปไตยของเรา หวังว่าถึงจุดหนึ่งเขาจะพร้อมคุย อย่างจริงจังเรื่องการหยุดยิง แต่กัมพูชาต้องเริ่มก่อนเพราะเหตุการณ์นี้กัมพูชาเป็นคนเริ่มก่อน กรณีที่สื่อ กัมพูชารายงานว่า ทหารไทยเสียชีวิตเกิน 5,000 คน นายสีหศักดิ์กล่าวว่า อย่าลืมว่าประเทศเขาเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นไม่เหมือนไทย การตรวจสอบก็ไม่เหมือนประเทศไทยทูตไทยสหประชาชาติแถลงข้อเท็จจริงขณะเดียวกัน เฟซบุ๊กเพจ “Permanent Mission of Thailand to the United Nations” ของคณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นคร นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐฯ โพสต์ข้อความว่า เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. ไทยได้นำเสนอข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ล่าสุด โดย น.ส.รัชดา สุเทพากุล อัครราชทูตที่ปรึกษาคณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก เข้าร่วมประชุมคณะกรรมาธิการเสริมสร้างสันติภาพในหัวข้อ “การระงับข้อพิพาทโดยสันติในเอเชียกลาง” และได้ขอใช้สิทธิ ชี้แจงกรณีพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา น.ส.รัชดา กล่าวว่า กัมพูชายังคงแถลงข้อมูลเท็จเกี่ยวกับข้อพิพาท ทวิภาคี โดยการโจมตีด้วยอาวุธอย่างโหดร้ายและ ไม่เลือกเป้าหมายของกัมพูชาตั้งแต่วันที่ 7 ธ.ค. ทำให้พลเรือนเสียชีวิตและทำลายโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือน ส่งผลให้ประชาชนกว่า 4 แสนคน ต้องอพยพออกจากบ้านเรือน โรงพยาบาลและศูนย์บริการสุขภาพกว่า 200 แห่ง ต้องยุติการให้บริการ โรงเรียนเกือบ 400 แห่ง ต้องปิดการเรียนการสอน การกระทำ ดังกล่าวของกัมพูชา เป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรม ระหว่างประเทศอย่างชัดเจน ไทยจึงจำเป็นต้องใช้สิทธิ ป้องกันตนเองโดยชอบธรรมตามมาตรา 51 ของกฎบัตร สหประชาชาติและตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่