การประชุม ครม.วันอังคาร คุณอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและรัฐมนตรีมหาดไทย เสนอแต่งตั้ง ผู้ว่าราชการจังหวัด และ ผู้ตรวจฯ อีก 20 คน ไม่รู้โยกย้ายเพื่อเตรียมการเลือกตั้งหรือเพราะเก่ง การแต่งตั้งผู้ว่าฯเป็นเรื่องสำคัญระดับชาติ เหมือน การแต่งตั้ง CEO บริษัท ไม่ใช่แต่งตั้งใครก็ได้ ถ้าตั้งพวกเพื่อนแต่ทำงานไม่เป็นบริษัทก็เจ๊งแน่นอนคุณรัฐศาสตร์ เชิดชู ผู้ว่าฯสงขลา ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักกรณีการรับมือน้ำท่วมหาดใหญ่ล้มเหลว เป็นผู้ว่าฯที่ถูกย้ายบ่อยมาก หนึ่งเดือนย้าย 3 จังหวัด เป็น ผู้ว่าฯพัทลุง ได้สิบเดือนเศษ ย้ายไปเป็น ผู้ว่าฯกระบี่ 1 ต.ค.68 เป็นผู้ว่าฯกระบี่ไว้ 11 วัน ย้ายมาเป็น ผู้ว่าฯสงขลา 12 พ.ย.68 แล้วเกิดน้ำท่วมใหญ่ แต่ผลงานรับมือกับน้ำท่วมหาดใหญ่กลับล้มเหลวยุคแรกที่ คุณทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ มีนโยบายแต่งตั้ง “ผู้ว่าฯ CEO” เขามองประเทศแบบนักธุรกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัด ต้องเป็น ผู้บริหารแบบ CEO ต้องมีความรู้ ความสามารถ มีเป้าหมายความรับผิดชอบชัดเจน แต่ในยุคหลังตั้งแต่ “ยุค คสช.” ไม่ว่าจะเป็น ผู้ว่าฯ ตำรวจ รัฐวิสาหกิจ ล้วนมาจากเส้นสายอำนาจ เผด็จการทั้งสิ้นที่เลวร้ายที่สุดคือ “การซื้อขายตำแหน่ง” ที่เฟื่องฟูมาก ข้าราชการตำรวจ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทุกกระทรวงทบวงกรม มีการซื้อขายตำแหน่งมากมาย จนทำให้ประเทศไทยอ่อนแอและเสื่อมถอยในทุกด้าน จนกลายเป็น “ผู้ป่วยแห่งอาเซียน” ไปแล้ววันนี้ผมมี ไอเดียใหม่ แต่เป็น วิธีเก่าโบราณ มาเสนอ โดยให้ “สอบเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด” และ ยกเลิกการแต่งตั้งจากรัฐมนตรีมหาดไทยเพียงคนเดียว ต่อไป ใครอยากเป็นผู้ว่าฯจังหวัดไหนต้องสอบเท่านั้น เหมือนการ “สอบจอหงวน” ของจีนในอดีต ผมเชื่อว่าเราจะได้ ผู้ว่าฯที่มีความรู้ความสามารถเหมาะสมกับแต่ละจังหวัด แน่นอนการสอบจอหงวนของจีนมีมากว่า 1,300 ปีแล้ว สมัย ราชวงศ์ฮั่นตะวันตก (202 ปี ก่อน ค.ศ.) มีการใช้ “ระบบแนะนำและเสนอชื่อบุคคลดีเด่นจากขุนนางท้องถิ่นไปยังส่วนกลาง” ต่อมาสมัย ราชวงศ์เว่ย จิ้น มีการคัดเลือกข้าราชการแบบใหม่ เปิดช่องให้สามัญชนที่ไม่ได้มาจากตระกูลสูงศักดิ์มีโอกาสขึ้นสู่อำนาจทางการเมืองได้ ใช้วิธีสอบที่เรียกว่า “ระบบขุนนางจงเจิ่ง 9 ระดับ” แต่ในทางปฏิบัติก็ยังมีการใช้เส้นสายเอื้อประโยชน์ระหว่างตระกูลใหญ่ การคัดเลือกบุคคลเข้ารับราชการยังผูกขาดโดยขุนนาง (เหมือนประเทศไทยปัจจุบัน) จนกระทั่ง จักรพรรดิสุยหยางตี้ ได้ยกเลิกระบบนี้ไปในปี ค.ศ.606 เปลี่ยนเป็น “สอบเฉพาะวิชา” และ เปิดโอกาสให้คนในสังคมทุกระดับชั้นเข้าสอบได้ เพื่อคัดเลือกบุคคลคุณภาพเข้าสู่ระบบราชการ การสอบคัดเลือกข้าราชการแบบนี้เรียกกันทั่วไปว่า “การสอบจอหงวน” ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์จีนการสอบคัดเลือกข้าราชการแบบ “จอหงวน” หรือ “เคอจี่ว์” จะครอบคลุมทุกศาสตร์ในการบริหารปกครองแผ่นดิน เช่น ยุทธศาสตร์การทหาร กฎหมาย ภูมิศาสตร์ ปรัชญาขงจื๊อ คณิตศาสตร์ การขี่ม้า วัฒนธรรมและจารีตประเพณีจีน ฯลฯการพยายาม แสวงหาบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ มีคุณธรรม มีความเที่ยงธรรม และมีประสิทธิภาพ ทำให้จีนเป็น “ประเทศแรกในโลก” ที่คัดเลือกข้าราชการด้วยการสอบ จีนมีอุดมคติในการบริหารปกครองบ้านเมืองโดยเชื่อว่า “บ้านเมืองจะดีได้ก็เพราะมีผู้ปฏิบัติงานที่ฉลาดเฉลียว มีสติปัญญาและเปี่ยมด้วยคุณธรรม” ในบันทึกของ “จักรพรรดิซุ่่น” มีข้อความตอนหนึ่งว่า “ทรงตรวจสอบผลงานข้าราชการทุกสามปี หลังจากการประเมินสามครั้งภายในเก้าปี พระองค์ก็จะปลดข้าราชการผู้โง่เขลา และเลื่อนตำแหน่งข้าราชการผู้มีปัญญาควบคู่คุณธรรม”ประเทศไทยวันนี้ต้องการ “ผู้นำทุกระดับที่มีปัญญาควบคู่คุณธรรม” ไม่ใช่ข้าราชการที่เชื่อฟังขุนนางใหญ่เยี่ยงทาส จึงจะพลิกฟื้นประเทศชาติขึ้นมาจากหลุมดำได้ผมคิดว่า ถึงเวลาแล้วที่ไทยต้องเปลี่ยน วิธีการ “แต่งตั้งผู้ว่าฯ” โดยความเห็นของ รัฐมนตรีมหาดไทยคนเดียว มาเป็น “การสอบเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด” เพื่อคัดเลือก คนดีคนเก่งที่มีคุณธรรม มีความรู้ความสามารถในการบริหารปกครองจริงๆ มาเป็น พ่อเมืองคนไทย 77 จังหวัด 66 ล้านคน ไม่งั้นประเทศไทยจะไปไม่รอดแน่นอน.“ลม เปลี่ยนทิศ”คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม