ผมได้รับ “ไลน์น้อย” หรือ “จดหมายน้อย” ที่ส่งมาทางไลน์ถึงผมจากเพื่อนรักเกลอเก่ารายหนึ่ง มีข้อความดังนี้“ซูมเพื่อนรัก...เมืองไทยเรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไรวะ เปิดอ่านโซเชียลแล้วเวียนหัวชะมัดมีแต่เรื่องทะเลาะเบาะแว้งกัน...ถกเถียงกัน...หนักบ้างเบาบ้าง (ส่วนใหญ่หนัก) ไปเสียทุกเรื่องศึกชายแดนเขมร...เราว่าเราชนะนะเพราะได้ดินแดนมาเยอะกว่าที่เสียไป แถมในแง่การยุทธ์ทหารไทยเราเสียชีวิตนิดเดียว ทหารเขมรเสียชีวิตนับพัน ทิ้งศพเกลื่อน...แต่เรากลับเถียงกันทะเลาะกันเหมือนกับว่าเราเป็นฝ่ายแพ้...เขมรรู้เข้าคงแอบเยาะเย้ยมหาอุทกภัยหาดใหญ่ เอาเถอะจะว่าเทศบาลหาดใหญ่รายงานผิด รัฐบาลรับข้อมูลผิด ทำให้ประชาชนไม่ระวังตัวไม่รีบอพยพ... แต่เมื่อของจริงมันบ่งว่านี่คือมหาอุทกภัยที่ใหญ่หลวงมากครั้งหนึ่งของประเทศ และไหนๆความเสียหายก็เกิดขึ้นแล้ว เราก็ควรจะเร่งหาทางช่วยเหลือและวางแผนฟื้นฟูหาดใหญ่ให้กลับมาโดยเร็ว แต่เราก็ยังทะเลาะกัน ชี้นิ้วใส่กันในเรื่องหาตัวคนผิดล่าสุดนายรู้ไหม? ในฐานะ “จ่าแฉ่ง” เราว่านายต้องรู้ มีข่าวกลุ่ม อุลตรัสไทยแลนด์ กองเชียร์ทีมชาติไทย โดยเฉพาะฟุตบอลเขาโกรธการกีฬาแห่งประเทศไทย ประกาศแบน ซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่เราเป็นเจ้าภาพ และจะเริ่มรอมร่อวันที่ 9 ธันวาคมนี้ โดยจะไม่เข้าไปร่วมเชียร์ ทั้ง ฟุตบอล และ ฟุตซอล โดยให้เหตุผลว่าเนื่องจากในการแข่งขันกีฬาทุกประเภท ซึ่งรัฐบาลประกาศให้ดูฟรี แต่ทางการกีฬาแห่งประเทศไทยผู้จัดกลับใช้วิธีให้ “ลงทะเบียน” ล่วงหน้าก่อน--ซึ่งการ “ลงทะเบียน” ที่ต้องกรอกข้อมูลส่วนตัว ถือเป็นการ “ล่วงละเมิด” สิทธิประชาชน เสี่ยงต่อมิจฉาชีพ กลุ่ม อุลตรัสไทยแลนด์ จึงขอประท้วงอะไรกันแม้แต่ซีเกมส์ครั้งนี้ ซึ่งเป็นความหวังของพวกเราชาวไทยที่จะคว้าเหรียญทองได้ชัยชนะในกีฬาส่วนใหญ่ เพื่อช่วงชิงความเป็นเจ้าเหรียญทองกลับมาอีกครั้ง เราก็ยังทะเลาะกัน”ผมยอมรับว่า ผมเองตอนแรกก็ไม่รู้หรอกว่า กลุ่ม อุลตรัสไทยแลนด์ (Ultras Thailand) เขาประกาศแบนไม่เข้าดู ทั้งฟุตบอลและฟุตซอลดังกล่าวจนเมื่อได้รับไลน์จากเพื่อนแล้วไปค้นหาข่าวอ่านอย่างเร่งด่วน จึงทราบรายละเอียด...และทราบว่าทาง กกท.แถลงเหตุผลแล้วระบุว่า แค่ขอชื่อกับเลขบัตรประชาชน เพื่อไว้สำหรับกรณีที่จะเกิดเหตุวุ่นวายอันจะนำไปสู่การรักษาความปลอดภัยในด้านต่างๆ โดยไม่ได้มีการขอข้อมูลละเอียดอะไรมากนัก ไม่น่าจะเป็นการละเมิดสิทธิใดๆสรุปว่ามีการขัดแย้งกันจริงระหว่างกลุ่ม อุลตรัสไทยแลนด์ กับ “ระบบ” การเข้าดูชมการแข่งขันซีเกมส์ครั้งนี้ของทางการผมเคยเขียนไว้แล้วว่ากว่าเราจะได้เป็นเจ้าซีเกมส์ครั้งแรก ต้องรอถึง พ.ศ.2528 หลังจาก กีฬาแหลมทอง เปลี่ยนไปเป็น กีฬาซีเกมส์ ขยายประเทศเพิ่มขึ้น ตั้งแต่ พ.ศ.2520 ซึ่ง อินโดนีเซีย ผูกขาดเป็น “เจ้าเหรียญทอง” ตลอด 4 ครั้งแรกจนกระทั่งเวียนมาประเทศไทยเป็นเจ้าภาพใน พ.ศ.2528 หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ โดยท่าน ผอ.กำพล วัชรพล ในยุคนั้นจึงขันอาสาเป็นศูนย์กลางระดมสปอนเซอร์ หาเงินมาช่วยสมาคมต่างๆ 14-15 สมาคม ภายใต้โครงการ “สู่เจ้าซีเกมส์”เราจึงประสบความสำเร็จเพราะความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน คว้า “เจ้าเหรียญทอง” มาครอง เฉือนอินโดนีเซียลงได้ (ไทยแลนด์ 92 ทอง อินโดฯ 62 ทอง)จากนั้นมาเราสามารถครองเจ้าซีเกมส์ได้อีก 6 ครั้ง นอกบ้าน 3 ครั้ง และในบ้าน 3 ครั้ง ซึ่งแปลว่าทุกครั้งที่เราเป็นเจ้าภาพ เราคว้าตำแหน่งเจ้าเหรียญทองมาครองได้หมดครั้งนี้ผมก็อยากให้เราครองได้อีกครับ...เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่พวกเราชาวไทยที่มีแต่เรื่องเศร้าๆมาตลอดปีนี้เห็นด้วยกับเพื่อนครับว่า...เราไม่ควรทะเลาะกันเรื่องซีเกมส์...และควรร่วมมือกันเชียร์อย่างเดียวเท่านั้น สู้ๆครับไทยแลนด์."ซูม"คลิกอ่านคอลัมน์ “เหะหะพาที” เพิ่มเติม