เรื่องราวของ “แม่พระธรณี” อันเป็นที่รู้จักมากที่สุด ย่อมผูกพันอยู่กับเหตุการณ์อันศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในโลก คือวาระแห่งการตรัสรู้ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในค่ำคืนที่เจ้าชายสิทธัตถะประทับนั่งใต้ต้นโพธิ์ จวนเจียนจะบรรลุธรรมเป็นพระพุทธเจ้า “พญามาร” ผู้มีอานุภาพอันยิ่งใหญ่ พร้อมด้วยกองทัพและอาวุธนานาชนิดได้ยกพลมาท้าทาย หวังจะทำลายความเพียรของพระองค์ พญามารกล่าวท้าทายว่า “ท่านมีสิทธิ์อะไรถึงได้มานั่งบนบัลลังก์แห่งการตรัสรู้?”ขณะนั้นองค์พระสิทธัตถะทรงไม่มีผู้ใดเป็นพยานในการบำเพ็ญบารมี แต่พระองค์ทรงมีพระเมตตาจิตและความเพียรอันบริสุทธิ์เป็นที่ตั้ง จึงทรงเหยียดพระหัตถ์ออกจากจีวรแตะลงบนพื้นพสุธา พร้อมกับเปล่งวาจาเรียกหา “แม่พระธรณี” ให้ขึ้นมาเป็นพยานแห่งบุญบารมีที่พระองค์ได้สั่งสมมาตลอดหลายแสนชาติปาฏิหาริย์พลันบังเกิด!...แม่พระธรณี ได้ปรากฏกายขึ้นจากพื้นโลกในรูปลักษณ์ของเทพธิดาผู้งดงาม มีเรือนผมยาวสยายจดพื้น พระองค์ทรงรับอัญเชิญด้วยความเคารพ แล้วทรงแสดงปาฏิหาริย์อันยิ่งใหญ่ ด้วยการ “บิดมวยผม”ทันใดนั้นเอง มวลน้ำอุทกธาราที่เกิดจากการ “กรวดน้ำ” อุทิศบุญกุศลที่พระพุทธเจ้าได้ทรงทำมาทุกภพทุกชาติ ได้ไหลหลั่งออกมาจากมวยผมนั้นอย่างท่วมท้น เป็นสายน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่มีอานุภาพมหาศาล พัดพากองทัพของพญามารให้แตกพ่ายหายไปสิ้น ทำให้องค์พระสิทธัตถะทรงบรรลุเป็นพระพุทธเจ้าได้ในที่สุดการที่แม่พระธรณีเป็นผู้พิสูจน์ความดีความชอบของพระพุทธเจ้า มีนัยสำคัญอย่างลึกซึ้ง...ดินไม่เคยพูด แต่ดินรู้ทุกสิ่ง ดินเห็นทุกความดีที่เราได้ทำ ดินจดจำทุกความชั่วที่เราปล่อยผ่าน ซึ่งผู้มีศรัทธามักตั้งจิตบูชาเพื่อ...ปัดเป่าอุปสรรค ชำระสิ่งไม่ดี เพิ่มความหนักแน่นในชีวิต เสริมพลังงานด้านการงาน การทำมาหากินเพราะแม่พระธรณีคือ “ผู้รู้ความจริงแห่งโลก” และ “ผู้ไม่โกหกใครทั้งสิ้น” คนโบราณเชื่อว่าแม่พระธรณีมี 2 ปรากฏการณ์... เทวีรูปหญิงสง่างามบนพื้นโลก ผู้พิทักษ์มนุษย์ และ วิญญาณแห่งผืนดินใต้บาดาล ผู้รักษาสมดุลธรรมชาติ ความเชื่อนี้ทำให้ไม่ควรพูดลบหลู่ หรือทำการอันไม่สมควรบนดิน เพราะถือว่าเป็นการ “ลบหลู่เทวี”มีเรื่องเล่าหนึ่งปรากฏในภาคเหนือว่า“...บ้านใด พูดจาหยาบคายท้าทายผืนดิน มักเกิดเหตุเภทภัย เช่นเรือนแตกระแหง หรือไร่นาแห้งแล้งผิดปกติ จนต้องทำพิธีขอขมาผืนดิน จึงกลับมาสงบดังเดิม”ในวัฒนธรรมไทย “แม่พระธรณี” ถูกผูกโยงอยู่กับแทบทุกพื้นที่ของชีวิต...คนโบราณไหว้แม่พระธรณีก่อนเริ่มการก่อสร้าง เพื่อขออนุญาตแตะต้องผืนดิน...ชาวไร่ชาวนาบางท้องถิ่นเซ่นสรวงก่อนลงมือไถ หวังให้ดินอุดมสมบูรณ์...นักเดินทางสมัยก่อนเชื่อว่า หากตั้งจิตถึงแม่พระธรณีระหว่างพายุหรือภัยธรรมชาติ ท่าน...จะคุ้มเกล้าให้พ้นอันตราย อีกทั้งผู้หญิงตั้งครรภ์บางพื้นที่เชื่อว่า การขอพรแม่พระธรณีจะช่วยปกป้องให้คลอดง่าย ปลอดภัย...ศรัทธาทั้งหมดเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากการเชื่อแบบไร้เหตุผล หากแต่ผูกพันจากประสบการณ์ชีวิตจริง...ดินหล่อเลี้ยงพืชพันธุ์ ดินรับความทุกข์ของมนุษย์ ดินรองรับทุกก้าวเดินของเราโดยไม่เคยปริปากบ่นแม่พระธรณีจึงเป็น “ความเมตตาที่จับต้องได้” ในแบบของชาวสยามนับแต่โบราณนานมา แม่พระธรณีบีบมวยผม...สายน้ำจากมวยผมนั้น ไม่ใช่เพียงธาตุวารี แต่คือการเปรียบเปรยว่า...“เมื่อบุญกุศลสั่งสมเต็มเปี่ยม ความดีจะพรั่งพรูออกมาจนลบล้างอุปสรรคทั้งปวง” หลายบ้านจึงตั้งรูปแม่พระธรณีไว้หน้าบ้าน ร้านค้า หรือหน้าสำนักงาน เพื่อเตือนใจให้ทำมาค้าขึ้น ใช้ชีวิตซื่อสัตย์ ไม่เบียดเบียนผืนดิน...มีสติเมื่อเผชิญ “มาร” ในรูปแบบต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เพราะ “สายน้ำแห่งกุศล” ไม่เคยเหือดหาย ต่อเมื่อมนุษย์ไม่นำฝุ่นแห่งอกุศลมาปิดหัวใจตนเองความเชื่อเรื่องแม่พระธรณีได้หยั่งรากลึกในสังคมไทยมาเนิ่นนาน ไม่ใช่แค่เพียงในพระพุทธศาสนาเท่านั้น แต่รวมถึงพิธีกรรมความเชื่อทั่วไปด้วย หนึ่ง...สัญลักษณ์แห่งความมั่นคง แม่พระธรณีทรงเป็นเทพแห่งความมั่นคง มั่งคั่ง และความอุดมสมบูรณ์ จึงมักมีการสร้างศาลหรือรูปเคารพของพระองค์ไว้ตามมุมวัด หรือใต้ฐานของอาคารสำคัญ เพื่อขอพรให้สถานที่นั้นมีความ “หนักแน่น” ไม่โยกคลอน ให้เกิดความมั่งคั่งในทรัพย์สิน สอง...การขอขมาและพึ่งพิง ก่อนที่จะใช้ที่ดิน และป้องกันไม่ให้เกิดอาถรรพณ์... เภทภัยจากการล่วงเกิน โดยรูปปั้น...ยันต์แม่พระธรณีนั้นถูกจัดเป็นเครื่องรางมงคลที่ช่วยในเรื่องการป้องกันภัยพิบัติ ให้โชคลาภ โดยเฉพาะผู้ที่ประกอบอาชีพค้าขาย ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มักจะบูชาเพื่อให้การงานมีความมั่นคงดุจแผ่นดินตอกย้ำตำนานศรัทธาความเชื่อ...แม่พระธรณีสอนให้เราตระหนักว่า ทุกย่างก้าวที่เราเดิน ทุกการกระทำที่เราทำลงไป...ไม่ว่าจะดีหรือชั่ว ล้วนมี “พยาน” บันทึกไว้ทั้งสิ้น น้ำที่หลั่งออกมาจากมวยผมของพระองค์ คือมวลน้ำแห่งบุญที่สะท้อนให้เห็นว่า “ความดี” ที่เราสั่งสมไว้ไม่ได้หายไปไหน แต่มันถูกเก็บสะสมไว้ในผืนธรณี ฉะนั้นแล้ว การเคารพต่อแม่พระธรณี จึงไม่ใช่เพียงการเคารพต่อรูปปั้น แต่คือการ เคารพต่อความดีงาม และ ความกตัญญู ต่อแผ่นดินอันเป็นที่เกิดของเรานั่นเอง...“ขออำนาจแห่งพื้นธรณี จงคุ้มครองทุกท่านให้พ้นจากภัยพิบัติและมีแต่ความมั่นคงในชีวิตเทอญ”ศรัทธานี้ไม่ได้เน้นความน่ากลัว แต่คือการเตือนใจว่า มนุษย์อยู่เพียงชั่วครู่ แต่ผืนดินอยู่ชั่วกาลนาน...เราควรอยู่บนโลกด้วยความเคารพ“ศรัทธา”...นำมาซึ่งปาฏิหาริย์? เชื่อไม่เชื่อโปรดอย่าได้...“ลบหลู่”.รัก-ยมคลิกอ่านคอลัมน์ “เหนือฟ้าใต้บาดาล” เพิ่มเติม