นายกฯ นั่งหัวโต๊ะถกสภาความมั่นคงฯ ก่อนมีมติระงับการดำเนินการตามปฏิญญาสันติภาพระหว่างไทย-กัมพูชา ทุกข้อ ไม่มีกำหนดพร้อมสั่งทุกกระทรวงทำความเข้าใจประชาชน 7 จังหวัดชายแดนกัมพูชาเตรียมพร้อมทุกมิติ ทั้งหลุมหลบภัย-แผนฉุกเฉิน หากเกิดการปะทะ ด้าน รมว.กห.แจงขั้นตอนแก้ปัญหา กรณีเขมรล้ำแดนมาลอบวางระเบิด ให้จัดจากเบาไปหาหนัก ยืนยันชัดเป็นทุ่นระเบิด ของใหม่ สอดคล้องกับ TMAC ชี้ทหารเขมรลอบรื้อถอนลวดหนามเข้ามาวางระเบิด โดยเจออีก 3 ทุ่น บริเวณที่เกิดเหตุประณามเขมรลอบกัด จงใจทำร้าย รุกรานไทย ทำตัวเป็นอุปสรรคสำคัญในการนำสันติภาพ มาสู่ภูมิภาคหลังเกิดเหตุทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดขณะออกลาดตระเวนในพื้นที่ห้วยตามาเรีย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เป็นเหตุทหารได้รับบาดเจ็บ 4 นาย โดยหนึ่งในนั้นอาการสาหัสข้อเท้าขวาขาด เหตุเกิดเมื่อช่วงสายวันที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา ทำให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ต้องเรียกประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในวันที่ 11 พ.ย. เพื่อประเมินสถานการณ์นายกฯถก สมช.3 ชม.เมื่อเวลา 08.30 น. ที่ห้องวิจิตรวาทการ ชั้น 3 สำนักงาน สมช. ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุม สมช. ครั้งที่ 14/2568 หลังเกิดเหตุทหารไทย 4 นาย ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดบริเวณห้วยตามาเรีย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ โดยมี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม นายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการ สมช. และหน่วยงานความมั่นคง เข้าร่วมประชุมใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงสั่ง “ระงับ” ปฏิญญาฯ ไม่มีกำหนดต่อมาเวลา 11.00 น. ที่ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จากนั้น นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงถึงข้อสั่งการนายอนุทินในที่ประชุม ครม.ว่า นายอนุทินแสดงความเสียใจต่อเหตุสูญเสียที่เกิดขึ้น แม้ไม่เสียชีวิต แต่เป็นความสูญเสียที่ไม่ควรเกิดขึ้นบนผืนแผ่นดิน นายอนุทินแจ้งผลการประชุม สมช.ต่อที่ประชุม ครม. ให้หน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ ระงับการดำเนินการตามสนธิสัญญาสันติภาพ ที่ลงนามที่ประเทศมาเลเซียอย่างไม่มีกำหนด จนกว่าความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาจะลดลงเตรียมตัวให้พร้อมหากมีเหตุฉุกเฉินนายสิริพงศ์กล่าวอีกว่า นายกฯได้สั่งการกระทรวงกลาโหมให้มีมาตรการดำเนินการทางทหารอย่างเต็มที่เพื่อพิทักษ์รักษาผืนแผ่นดินไทย และสั่งการกระทรวงการต่างประเทศ ประท้วง ทักท้วง ดำเนินการทางการทูต สื่อสารทำความเข้าใจกับประเทศต่างๆ โดยเฉพาะประเทศผู้สังเกตการณ์ และยังได้สั่งการปลัดกระทรวงมหาดไทยให้ความรู้ความเข้าใจประชาชน 7 จังหวัดชายแดนกัมพูชาให้เตรียมพร้อมกรณีที่มีเหตุในการปะทะ เพื่อให้การดูแลประชาชนอย่างเต็มที่ และสั่งกระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำแผนซักซ้อมในหลุมหลบภัยเป็นประจำ เพื่อรองรับกรณีมีเหตุฉุกเฉิน โดยให้ถือปฏิบัติอย่างเข้มข้นเลี่ยงตอบใช้มาตรการรุนแรงจากนั้นเวลา 13.45 น. นายอนุทิน ปฏิเสธให้สัมภาษณ์หลังการประชุม ครม. ถึงผลการประชุม สมช.ต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ให้คนทำงานแถลงดีกว่า ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงกรอบระยะเวลาที่ระงับปฏิญญาสันติภาพไทย-กัมพูชา นายอนุทินกล่าวว่า จนกว่ากองทัพไทยจะเห็นว่าความเป็นปฏิปักษ์ของเขาไม่มีแล้ว เมื่อถามว่าหลายฝ่ายคาดหวังให้เราเป็นปฏิปักษ์ต่อกัมพูชา หรือใช้มาตรการที่รุนแรงและเด็ดขาดกว่านี้ นายกฯไม่ตอบคำถามดังกล่าว รวมถึงไม่ยอมตอบคำถามว่าจะมีการตอบโต้กัมพูชาอย่างไรด้วยบอกมาตรการนี้เข้มข้นแล้ว นายอนุทินยังกล่าวถึงกรณีกัมพูชาออกข่าวว่าไม่ได้เป็นผู้วางทุ่นระเบิดด้วยว่า ประเทศไทยไม่มีระเบิดแบบนั้น และได้มอบหมาย รมว.กลาโหมและ รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางตอบโต้ ซึ่งท่านได้ทำหน้าที่ไปเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดเป็นไปตามมาตรการที่ได้วางแนวทางไว้ โดยมาตรการที่ออกมาเข้มข้นมากแล้ว ส่วนจะทำอย่างไรให้มีความเข้มข้นมากกว่านี้ นายกฯกล่าวว่า ตอนนี้เราไม่ได้ทำทั้ง 4 ข้อที่ได้ตกลงกันไว้ เราทำในสิ่งที่คิดว่าสมควรจะทำ ขณะเดียวกันนายอนุทินก็ไม่ตอบคำถามถึงการที่ได้จับมือกับนายฮุน มาเนต นายก รัฐมนตรีกัมพูชา และเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าทันที“ณัฐพล” ไม่คาดหวังกัมพูชาจริงใจด้าน พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม กล่าวว่า ที่ประชุม สมช.พิจารณา 3 เรื่องหลัก คือการที่กำลังพลได้รับบาดเจ็บจากทุ่นระเบิด เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ การที่มีทุ่นระเบิดในพื้นที่อธิปไตยของไทย ถือว่ามีผลกระทบต่ออธิปไตย และรัฐบาลจะปกป้องอธิปไตย ชีวิตของคนไทยและทหารไทยอย่างเต็มขีดความสามารถ โดยที่ประชุมมีมติระงับการปฏิบัติตามปฏิญญาไทย-กัมพูชาไว้ก่อนทั้งหมดทุกข้อ และยุติการส่งเชลยศึกให้กับกัมพูชา ทั้งนี้ กองทัพไม่ได้คาดหวังความจริงใจจากกัมพูชา และตอนนี้ก็ยกระดับแล้ว ในเมื่อเรายุติการปฏิบัติตามปฏิญญา เป็นการปฏิบัติการทางทหารในเขตอธิปไตยของไทย ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้เล็งจัดการจากเบาไปหาหนักพล.อ.ณัฐพล ยังกล่าวถึงการเก็บกู้ระเบิดด้วยว่า การเก็บกู้ทุ่นระเบิดมี 2 ระดับ คือระดับหน่วยปฏิบัติการในพื้นที่ มีขีดความสามารถในการเก็บกู้ได้เอง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ตรงนั้น เป็นพื้นที่ที่ปฏิบัติการอยู่เป็นประจำ แต่หน่วยทหารที่ปฏิบัติการในพื้นที่สามารถเก็บกู้ทุ่นระเบิดได้ แต่การเก็บกู้ที่เป็นทางการได้มาตรฐานอย่างเต็มรูปแบบ คือการเก็บกู้โดยหน่วยเก็บกู้ทุ่นระเบิดแห่งชาติ กองทัพไทยเป็นผู้รับผิดชอบ มี 5 พื้นที่ที่หน่วยปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดจะเข้าไปเก็บกู้ ปัจจุบันเข้าปฏิบัติงานแล้ว 4 พื้นที่ เหลือ 1 พื้นที่ที่กัมพูชายังไม่ตอบรับ หลังจากนี้พื้นที่ที่ 5 จะเข้าเก็บกู้เลย และไม่ขอบอกรายละเอียดการแก้ปัญหากรณีมีการแอบมารื้อรั้วลวดหนามแล้วเข้ามาวางทุ่นระเบิดฝั่งไทย แต่มีกฎใช้กำลังอยู่ว่า เข้ามาทำอะไร ซึ่งมีขั้นตอนการเตือน การยิง จากอาวุธเบาไปหาหนัก ขอให้มั่นใจว่าหลังจากนี้การปฏิบัติการทางทหารได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุม สมช.ให้ปฏิบัติการได้ตามสถานการณ์ และหลังจากนี้จะไม่มีการเจรจากับกัมพูชา ไม่มี GBC แต่การพูดคุยระหว่างประเทศมีกระบวนการสากลอยู่โต้เขมรยันทุ่นระเบิดใหม่ส่วนกรณีที่ พล.ท.มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ออกแถลงปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมดของทางการไทยที่ระบุว่ากัมพูชาวางทุ่นระเบิดใหม่ เนื่องจากกัมพูชาเคารพอนุสัญญาออตตาวา โดยทุ่นระเบิดทั้งหมดเป็นทุ่นระเบิดตกค้างตั้งแต่ยุคสงครามกลางเมืองในกัมพูชาเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว และขอให้ทางการไทยหลีกเลี่ยงการลาดตระเวนในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยทุ่นระเบิดตกค้างจำนวนมากเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตนั้น พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า จะไปฟังกัมพูชาทำไม ต้องฟังตน ยืนยันทุ่นระเบิดดังกล่าวเป็นของใหม่กต.จี้เขมรแสดงความรับผิดชอบนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นการละเมิดปฏิญญาไทย-กัมพูชา ท่าทีของเราคือการระงับการปฏิบัติตามปฏิญญา แต่ส่วนไหนที่เราดำเนินการฝ่ายเดียว เช่น การเก็บกู้ทุ่นระเบิด จะดำเนินการต่อ โดยกระทรวงการต่างประเทศ จะประท้วงเป็นลายลักษณ์อักษรต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตามกรอบอนุสัญญาออตตาวา ตนได้คุยกับนายปรัก สุคน รองนายกฯและ รมว.ต่างประเทศกัมพูชาแล้ว และบอกไปว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ควรเกิดขึ้นเพราะเป็นการละเมิดสิ่งที่ตกลงกันไว้ รวมถึงชี้แจงกับสหรัฐอเมริกา และมาเลเซีย ที่เป็นพยานว่าเหตุใดเราต้องระงับการดำเนินการตามปฏิญญา และชี้แจงข้อเท็จจริงไปที่ประชาคมโลก โดยประสานไปทางกองทัพไทย และกองทัพบก เพื่อนำข้อเท็จจริงต่างๆไปชี้แจง เพื่อให้เกิดความหนักแน่นและชอบธรรม หากต้องการให้ปฏิญญากลับไปสู่สิ่งที่ควรจะเป็น จำเป็นที่ฝ่ายกัมพูชาต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เช่น การแสดงความเสียใจ การตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างๆ และมีมาตรการเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยระงับทุกอย่างรวมถึงปักหมุดเขต ส่วนการยื่นประท้วงนั้น นายสีหศักดิ์กล่าวว่ายืนยันที่จะประท้วงเพราะเป็นการละเมิดข้อตกลงที่เรามีอยู่ และให้ประชาคมโลกเกิดความเข้าใจเหตุที่เราต้องระงับปฏิญญาทุกข้อที่ลงนามไว้ เช่น การถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ เว้นแต่เก็บกู้ทุ่น ระเบิดที่เราดำเนินการเองได้ ไม่ใช่การประท้วงอย่างเดียว ถือเป็นการประณามในคราวเดียวกันด้วย และต้องดูท่าทีการตอบสนองของกัมพูชา ส่วนที่กัมพูชาชี้แจงว่าเป็นทุ่นระเบิดเก่า คิดว่ายังไม่เพียงพอและยังไม่น่าพอใจ จากนี้คงต้องรอดูว่ากัมพูชาจะมีท่าทีอย่างไรต่อการตัดสินใจของเรา ส่วนการเจรจาเรายังไม่พูดถึงเพราะไม่มีพื้นที่ในการพูดคุย วันนี้เรามีท่าทีชัดเจนที่สั่งระงับและดำเนินการให้เขาแสดงความรับผิดชอบ ส่วนการปักหมุดชั่วคราวหลังจากนี้ก็ไม่มีเพราะเราระงับทุกการดำเนินการชี้ระงับปฏิญญาไร้ผลกระทบทั้งนี้ นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลจะระงับปฏิญญา Joint Declaration กับกัมพูชาจะส่งผลกระทบอะไรหรือไม่ว่า ไม่มีอะไร ความจริงเรื่องนี้ไม่ใช่ตราสารทางกฎหมายอยู่แล้ว แต่เป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแค่นั้น เป็นการให้เกียรติกัน ถ้าคุณทำเราก็ให้เกียรติทำตามกัน แต่หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่จริงใจที่จะทำตาม ต้องพูดคุยกันใหม่แค่นั้น ไม่มีอะไร เพราะไม่ใช่หนังสือสัญญา Joint Declaration ถือเป็นคำประกาศร่วมกัน ไม่มีอะไร ไม่เหมือนกับบันทึกข้อตกลง MOU ดีกรีจะเบากว่าเยอะสธ.สั่ง 7 จังหวัดเตรียมแผนรับมือต่อมาภายหลังนายกฯมีคำสั่งถึงหน่วยงานต่างๆให้เตรียมพร้อมกรณีฉุกเฉิน นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รมว.สาธารณสุข เปิดเผยว่า ได้กำชับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์/ โรงพยาบาลทั่วไป ในพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ได้แก่ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ สระแก้ว จันทบุรี และตราด ให้เตรียมความพร้อมตามมาตรการสำหรับโรงพยาบาลและหน่วยบริการชายแดนทุกระดับที่กำหนดไว้ เพื่อรับสถานการณ์ที่อาจมีการเปลี่ยนแปลง จัดทำแผนการแพทย์ร่วมกับแผนอพยพ เตรียมกำลังคน สำรองเวชภัณฑ์ เตรียมพื้นที่และระบบสำหรับจุดปฐมพยาบาล จัดระบบสื่อสารสำหรับการแจ้งเตือนภาวะฉุกเฉิน สำรวจข้อมูลกลุ่มเปราะบางในพื้นที่ รวมไปจนถึงจัดตั้งศูนย์บัญชาการสาธารณสุข ปิดโรงพยาบาลในเขตฮอตโซน ให้บริการการแพทย์ฉุกเฉินเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บ โดยได้เตรียมโรงพยาบาลรับส่งต่อไว้ 54 แห่ง สามารถรองรับผู้ป่วยวิกฤติได้ 268 เตียง ผู้ป่วยทั่วไป 3,048 เตียง และหากมีการตั้งศูนย์อพยพ หน่วยงานสาธารณสุขพร้อมจัดทีมดูแลทั้งสุขภาพกายและใจ การสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม การป้องกันควบคุมโรคและกิจกรรมต่างๆTMAC ชี้เขมรลอบวางระเบิดวันเดียวกัน ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (TMAC) ออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณีทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลบริเวณพื้นที่ ห้วยตามาเรีย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 ยืนยันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างที่กำลังพลปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนบนเส้นทางที่ใช้เป็นประจำ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นจุดที่ทหารกัมพูชาเคยรุกล้ำเข้ามาวางกำลัง ก่อนที่จะถอนกำลังออกไปภายหลังเหตุปะทะที่ผ่านมา โดยฝ่ายไทยได้เข้าควบคุมพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม 2568 พร้อมทั้งเสริมความมั่นคงพื้นที่ด้วยการกวาดล้างทุ่นระเบิด วางเครื่องกีดขวาง ลวดหนาม และลาดตระเวนเฝ้าตรวจอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อวันที่ 9 พ.ย.ตรวจพบว่าแนวลวดหนามที่วางบริเวณเส้นทางลาด ตระเวนถูกลักลอบเข้ามารื้อถอน จากนั้นวันที่ 10 พ.ย.หน่วยในพื้นที่ได้จัดชุดลาดตระเวนร่วมกับชุดทหารช่างเข้าพิสูจน์และซ่อมแซมแนวลวดหนามที่ถูกรื้อถอน จนเป็นเหตุให้กำลังพลเหยียบทุ่นระเบิดตรวจเจอระเบิดอีก 3 ทุ่นหลังจากเกิดเหตุ ชุดตรวจค้นหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 3 เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด (EOD) จากสถานีตำรวจ ภูธรบึงมะลู และตำรวจพิสูจน์หลักฐาน จังหวัดศรีสะเกษ เข้าพิสูจน์บริเวณจุดเกิดเหตุ จากหลักฐานที่ปรากฏ พบร่องรอยหลุมระเบิดและเศษชิ้นส่วนระเบิดที่ทำงานแล้ว สามารถชี้ชัดได้ว่าเป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิด PMN-2 และตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิด PMN-2 ที่ยังไม่ทำงานอยู่บริเวณใกล้เคียงกับหลุมระเบิดอีก 3 ทุ่น เป็นการลอบวางใหม่โดยฝ่ายกัมพูชา มีเป้าหมายมุ่งทำร้ายกำลังพลที่ลาดตระเวนเส้นทางอยู่เป็นประจำ และหวังก่อให้เกิดความสูญเสียต่อฝ่ายไทยประณามเขมรไม่จริงใจในแถลงการณ์ยังระบุถึงการกระทำของฝ่ายกัมพูชาในครั้งนี้ ชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชายังคงจงใจไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงสันติภาพ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย แสดงให้เห็นถึงการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา อย่างต่อเนื่อง เป็นการลอบโจมตีกำลังพลฝ่ายไทยด้วยเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ สะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมที่มุ่งคุกคามฝ่ายไทย และรุกล้ำอาณาเขตของไทยอย่างชัดเจนเสมอมา ด้วยการใช้อาวุธทุ่นระเบิด และมีเจตนามุ่งหมายที่จะไม่ยุติความขัดแย้งระหว่างฝ่ายไทยและกัมพูชาอย่างที่แสดงออกในเวทีโลก ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ขอประณามการกระทำของฝ่ายกัมพูชาที่แสดงออกถึงความไม่จริงใจ ในการร่วมกันแก้ไขปัญหาข้อขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา และเป็นอุปสรรคสำคัญอันจะนำไปสู่การสร้างสันติภาพในภูมิภาค รวมทั้งเป็นการทำลายความเชื่อมั่นต่อทุกประเด็นที่กัมพูชาเคยให้คำมั่นในปฏิญญาต่อประชาคมโลก ทั้งระดับทวิภาคีและระดับนานาชาติผ่าตัดเหยื่อทุ่นระเบิดรอบสองสำหรับอาการของ จ.ส.อ.เทิดศักดิ์ที่เหยียบทุ่น ระเบิดขณะลาดตระเวนในพื้นที่ตามาเรีย จนข้อเท้าขาด และถูกส่งมารักษาตัวอย่างเร่งด่วนที่ รพ.ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 10 พ.ย.ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 11 พ.ย.ว่า เมื่อเวลา 09.00 น.แพทย์นำตัว จ.ส.อ.เทิดศักดิ์เข้าห้องผ่าตัดรอบ 2 หลังพบอาการติดเชื้อที่บาดแผลจากการระเบิด และออกจากห้องผ่าตัดในเวลา 11.00 น.โดยมีนายสุทิน สมาพงษ์ บิดาของ จ.ส.อ.เทิดศักดิ์ และเพื่อนทหารมานั่งรอหน้าห้องผ่าตัด จากนั้น ที่หอผู้ป่วยวิกฤติ พล.ต.อัครพนธ์ มูลประดับ ที่ปรึกษาผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก พร้อมคณะ เข้าเยี่ยมและให้กำลังใจกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุเหยียบทุ่นระเบิด โดย พล.ต.อัครพนธ์กล่าวว่า ตนเป็นตัวแทนของพลเอกกานต์นาท นิกรยานนท์ ผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก นำเอากระเช้าผลไม้และเงินบำรุงขวัญมาให้กำลังพล และขอขอบคุณกำลังพลทุกคนที่ดูแลประเทศชาติ จากนั้นเดินทางไปยังหอผู้ป่วยสนาม เยี่ยมพลทหาร วชิระ พันธนา พลทหาร อนุชา สุจารี และพลทหาร อภิรักษ์ ศรีชมไชยในหลวงพระราชทานของเยี่ยมผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลาประมาณ 15.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯให้นายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เชิญดอกไม้และตะกร้าสิ่งของพระราชทาน ไปมอบให้พลทหาร วชิระ พันธนา พลทหาร อนุชา สุจารี พลทหาร อภิรักษ์ ศรีชมไชย ที่ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาเจออีก 7 ทุ่นระเบิดที่หนองจานวันเดียวกัน กองทัพภาคที่ 1 กองกำลังบูรพา ฉก.12 โดยหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 1 ร่วมกับกองพันทหารช่างที่ 2 รายงานผลการปฏิบัติงานทำความปลอดภัยและเคลียร์พื้นที่อันตรายต้องสงสัยในพื้นที่บ้านหนองจาน (พื้นที่ C) อ.โคกสูง จ.สระแก้ว โดยเริ่มปฏิบัติงานตั้งแต่วันที่ 11 พ.ย.ดำเนินการได้ 437 ตารางเมตร (จากพื้นที่ทั้งหมด 336,457 ตารางเมตร) รวมพื้นที่ปฏิบัติงานสะสม 457 ตารางเมตร คิดเป็นร้อยละ 0.13 ของพื้นที่ทั้งหมด ผลการตรวจพบตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการจนถึงปัจจุบัน พบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล รวม 7 ลูก ได้แก่ ทุ่นชนิด PMN จำนวน 5 ลูก-สภาพพร้อมใช้งาน (ติดตั้งอยู่กับที่) ทุ่นชนิด PMD-6M จำนวน 1 ลูก-สภาพชนวนชำรุด ทุ่นชนิดสะเก็ด POMZ-2 จำนวน 1 ลูก-สภาพไม่พร้อมใช้งาน (ลวดสะดุดขาด) ไม่พบทุ่นระเบิดดักรถถังในพื้นที่ปฏิบัติการนายกฯสวมชุด อส.ลุยชายแดนต่อมาในช่วงเย็นวันเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย สวมเครื่องแบบกองอาสารักษาดินแดน (อส.) พร้อมด้วย พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รมช.กลาโหม พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางไปเพื่อตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของกองพันทหารราบที่ 162 (ร.16 พัน.2) ที่ฐานปฏิบัติการห้วยตามาเรีย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษขึ้นภูมะเขือดูทุ่นระเบิดที่เก็บกู้ได้นายอนุทินและคณะ เดินทางต่อไปยังฐานปฏิบัติการอินทุมาน (ภูมะเขือ) อ.กันทรลักษ์ ตรวจ เยี่ยมการปฏิบัติงานของกองกำลังแนวหน้า รับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ทหารเหยียบทุ่นระเบิดจนได้รับบาดเจ็บ 4 นาย ในจำนวนนี้มี 1 นายที่ต้องเสียขา และทหารเก็บกู้ทุ่นระเบิดได้อีก 3 ทุ่น โดยนายอนุทินตรวจสอบทุ่นระเบิดได้เก็บกู้แล้ว ทั้งแบบเก่าและแบบใหม่ พร้อมรับฟังรายงานว่าเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกฝังอยู่ตามแนวลาดตระเวนของทหารฝ่ายไทย จากการพิสูจน์ทราบจุดเกิดเหตุร่องรอยดินบริเวณรอบข้างเพิ่งถูกรบกวนใหม่ๆ รวมถึงมีรากไม้เพิ่งถูกตัด จึงคาดว่าเป็นทุ่นระเบิดที่เพิ่งนำมาฝัง ซึ่งบริเวณจุดเกิดเหตุ ทหารไทยนำรั้วลวดหนามไปวางไว้ แต่ทหารกัมพูชาได้นำออก คาดว่ากัมพูชาได้นำทุ่นระเบิดมาฝังไว้ไม่เกิน 1 วันก่อนเกิดเหตุกล่าวชื่นชมวีรกรรมทหารกล้า นายกฯกล่าวให้กำลังใจกำลังพลทหารว่า ขอแสดงความเป็นห่วงและขอแสดงความชื่นชมที่น้องๆทำหน้าที่รักษาบ้านเมือง รักษาประชาชน ถือว่าเป็นวีรกรรมที่กล้าหาญมาก และพวกเราจะไม่ทิ้งกัน เราจะไม่มีวันที่จะยอมเสียเปรียบหรือยอมเสียดินแดน และไม่ยอมให้พวกน้องเป็นอะไร พวกเราจะดูแลพวกน้องอย่างเต็มที่ วันนี้ชัดเจนแล้วว่าฝ่ายตรงข้ามละเมิดสิ่งที่ตกลงกันไว้ ชัดเจนแล้วเราจะทำในสิ่งที่เห็นว่าสมควรจะทำ ไม่อยู่ภายใต้เงื่อนไขใดๆ อีกต่อไป เราต้องมีการเตรียมพร้อมและรับฟังคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาต้องโชคดีและปลอดภัย เพราะเราทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติ ตนจะมาหาบ่อยๆ จากนั้นได้มอบถุงยังชีพให้กับทหารแนวหน้าและคณะนายกฯเดินขึ้นเนินภูมะเขือ ตรวจสอบเส้นทางธรรมชาติ และร่วมยืนตรงเคารพธงชาติที่เสาธงร่วมกับนายทหารเยี่ยมจ่าเหยื่อทุ่นระเบิดต่อมานายอนุทิน และคณะเดินทางต่อไปยัง รพ.ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี เข้าเยี่ยม จ.ส.อ.เทิดศักดิ์ สมาพงษ์ ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการเหยียบทุ่นระเบิด จนข้อเท้าขวาขาด และเข้ารับการผ่าตัดรอบที่สองเมื่อช่วงเช้า ยังนอนรักษาตัวอยู่ที่หอผู้ป่วยวิกฤติ โดยนายอนุทินได้พูดคุยให้กำลังใจ จ.ส.อ.เทิดศักดิ์ ที่ขณะนี้อาการพ้นวิกฤติแล้วนายกฯปาดน้ำตาเห็นทหารเจ็บผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะที่นายอนุทินเยี่ยมให้กำลังใจ จ.ส.อ.เทิดศักดิ์ นายกฯ เดินเข้าไปจับไหล่ พร้อมให้กำลังใจ จ.ส.อ.เทอดศักดิ์ สอบถามอาการบาดเจ็บด้วยสีหน้าเศร้า และมีน้ำตาคลอเบ้าว่า “เจ็บหรือไม่ ไม่ต้องห่วง จะดูแลทุกอย่างอย่างดีที่สุด จัดให้อย่างดีที่สุด” ก่อนที่นายกฯ จะเดินหันหลังแล้วยกมือเช็ดน้ำตาตัวเอง พร้อมกันนี้ ยังสอบถามแนวทางการรักษาจากแพทย์ว่า “เทคโนโลยีสมัยนี้ขาเทียมสามารถทำให้วิ่งได้เหมือนจริง” ก่อนมอบเงินช่วยเหลือเยียวยา และเข้าเยี่ยมพลทหารอีก 3 คนที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยด้วยเช่นกันรับปากจะดูแลให้ดีที่สุดนายอนุทินให้สัมภาษณ์ในเวลาต่อมาว่าทหารกังวลว่าจะไม่ได้รับขาเทียมและจะต้องเสียค่าใช้จ่าย ตนให้คำยืนยันว่า เสียสละเพื่อบ้านเมืองขนาดนี้ รัฐบาลพร้อมดูแลอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ น้องๆ ทั้ง 4 คนปลอดภัยดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้องที่สูญเสียขาข้างขวาด้านล่าง เราต้องรักษาตรงนี้ให้เขา เพราะเป็นเรื่องสำคัญและให้ความมั่นใจว่าเขาจะได้รับราชการต่อไปตามที่เขาต้องการ ซึ่งเราจะส่งตัวน้องที่สูญเสียขาขวาไปรักษาต่อที่กรุงเทพฯ เพื่อให้เขาได้รับการทำกายภาพบำบัดให้เข้ากับขาใหม่ เขาจะได้รับการดูแลที่ดีที่สุด รวมถึงน้องๆ ทั้ง 6 คนก่อนหน้านี้ด้วยจะได้รับการดูแล และมอบขาเทียมคืนให้เขา ส่วนช่วงที่มีน้ำตาคลอ อย่าถาม คนเราก็มีความรู้สึก ขอให้ถามเรื่องงานดีกว่า ส่วนการตอบโต้กับกัมพูชา เป็นหน้าที่ของเรา ตนไม่ให้เขาสูญเสียอะไรโดยที่เราไม่ได้ทำการปกป้องศักดิ์ศรีของเขาในหลวงทรงรับเป็นคนไข้ฯเมื่อถามถึงกระแสข่าวว่าในวันที่ 13 พ.ย.สถานการณ์อาจจะตึงเครียดอีกครั้ง นายกฯกล่าวว่า รอฟังข่าวจริงดีกว่า ต้องฝากผู้สื่อข่าว ในหลวงทรงรับคนไข้ไว้เป็นคนไข้ในพระบรมราชูปถัมภ์ ฉะนั้นเรามั่นใจว่าพวกเขาจะได้รับการดูแล ซึ่งเป็นพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และท่านได้พระราชทานให้ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีอัญเชิญของเยี่ยมให้กับคนไข้ทั้ง 4 คนเพื่อให้กำลังใจด้วยอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่