นายกฯประกาศกร้าวหยุดทุกข้อตกลงกับกัมพูชาไม่มีกำหนด-เลื่อนปล่อยตัว 18 เชลยกัมพูชา หลังทหารไทยเหยียบกับระเบิดที่ห้วยตามาเรีย อ.กันทรลักษ์ ขาขาดเป็นรายที่ 7 ชี้ความเป็นปฏิปักษ์ไม่ได้ลดลง ส่งผล “ปฏิญญา สันติภาพ” ส่อไปไม่รอด สั่ง กต.-กห.ประท้วงต่อคณะผู้สังเกต การณ์อาเซียน-นัดถก สมช.ด่วน ด้าน รมว.กต.ยกหู โทร.หา “ปรัก สุคน” รองนายกฯ และ รมว.กต.กัมพูชา ประท้วงเหตุที่เกิดขึ้น เตรียมออกหนังสือแจ้งคณะ AOT ฝ่ายไทย รวมถึงสหรัฐอเมริกาและมาเลเซียหลังไทยและกัมพูชาเริ่มปฏิบัติการถอนกำลังอาวุธหนักตามข้อตกลงสันติภาพที่ลงนามเมื่อปลายเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ที่ประเทศมาเลเซีย โดยการปฏิบัติการระยะที่ 1 (1-21 พ.ย.2568) เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 1 พ.ย. แต่ปรากฏว่าวันที่ 10 พ.ย.ทหารไทยกลับเหยียบทุ่นระเบิด ได้รับบาดเจ็บขาขาดเพิ่มอีก 1 นายทหารโดนระเบิดขาขาดอีกทั้งนี้ พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 09.30 น. กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี เกิดเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดบริเวณพื้นที่ห้วยตามาเรีย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนเส้นทาง เป็นเหตุให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 2 นาย ดังนี้ 1.จ.ส.อ.เทิดศักดิ์ สมาพงษ์ อาการข้อเท้าขวาขาด 2.พลฯ วชิระ พันธนา อาการแน่นหน้าอกจากแรงอัด ปัจจุบันได้ดำเนินการส่งตัวด้วยอากาศยานเข้ารักษา ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี เรียบร้อยแล้วในเวลา 11.30 น.ทหารเจ็บรวม 4 นายต่อมามีรายงานเพิ่มเติมว่า จากเหตุกำลังพลปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรอบฐานปฏิบัติการห้วยตามาเรีย ได้เหยียบทุ่นระเบิดได้รับบาดเจ็บ จำนวน 4 นาย ดังนี้ จ.ส.อ.เทอดศักดิ์ สมาพงษ์ ตำแหน่งสนาม ผบ.มว.ปล. ได้รับบาดเจ็บ ข้อเท้าขวาขาด พลฯ วชิระ พันธนา ได้รับบาดเจ็บ โดนแรงอัดระเบิด พลฯ อภิรักษ์ ศรีชมไชย ได้รับบาดเจ็บ โดนสะเก็ดระเบิดเข้าที่น่องขาขวา จำนวน 2 รู และพลฯ อนุชา สุจารี ได้รับบาดเจ็บ ฝุ่นหรือสารเคมีจากระเบิดเข้าตา และในเวลาประมาณ 14.00 น. รถพยาบาลโรงพยาบาลกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้นำส่งพลฯ วชิระ พันธนา พลฯ อภิรักษ์ ศรีชมไชย และพลฯ อนุชา สุจารี มารักษาตัวที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ แล้วเช่นกันปีนี้ทหารขาขาดแล้ว 7 นายสำหรับเหตุในครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 7 ของปี 2568 ที่ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดสังหาร ได้รับบาดเจ็บจนขาขาด โดย 6 ครั้งก่อน ประกอบด้วย ครั้งแรกวันที่ 16 ก.ค. พลฯ ธนพัฒน์ หุยวัน ทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 เหยียบทุ่นระเบิด บาดเจ็บเท้าซ้ายขาด ขณะเดินลาดตระเวนกับเพื่อนที่เนิน 481 ช่องบก จ.อุบลราชธานี ครั้งที่ 2 วันที่ 23 ก.ค. จ.ส.อ.พิชิตชัย บุญชูหล้า สังกัดกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 14 เหยียบทุ่นระเบิดทำให้ต้องตัดขาขวา ขณะออกลาดตระเวนกับเพื่อนๆ 6 คน บริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี ครั้งที่ 3 วันที่ 28 ก.ค. ร.ต.เกียรติวงศ์ สถาวร หรือหมวดบุ๊ค สังกัดกองพันรบพิเศษที่ 2 กรมรบพิเศษที่ 2 ขาขวาขาด หลังเหยียบทุ่นระเบิดระหว่างยิงเปิดทางให้กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ ขึ้นไปบุกยึดปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ ช่วง 5 นาทีสุดท้ายก่อนหยุดยิงโดนอีก 2 ครั้งหลังเจรจา GBCครั้งที่ 4 วันที่ 9 ส.ค. ซึ่งครั้งนี้คือเหตุการณ์แรกหลังได้ข้อสรุปจากการพูดคุย GBC เกี่ยวกับเรื่องหยุดยิง จ.ส.อ.ธานี พาหา สังกัดกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 14 ข้อเท้าซ้ายขาด ขณะเดินลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อวางลวดหนามป้องกันพื้นที่ บริเวณรอยต่อโดนเอาว์-กฤษณา จ.ศรีสะเกษ ครั้งที่ 5 วันที่ 12 ส.ค. (ครั้งที่ 2 หลังเจรจา GBC) ส.อ.ธีรพล เพียขันที สังกัดหน่วยทหารพรานร้อย ทพ.2610 เหยียบทุ่นระเบิด บาดเจ็บขาซ้ายขาด จากการออกลาดตระเวนบริเวณปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ และครั้งที่ 6 วันที่ 27 ส.ค. พลทหารอดิศร ป้อมกลาง สังกัดกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 23 เหยียบกับระเบิดบริเวณ ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ บาดเจ็บข้อเท้าขวาขาดทหารเขมรยิงยั่วยุอีก 5 นัดนอกจากนี้ แหล่งข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 13.15 น. ทหารกัมพูชาใช้ปืนกลเล็กยิงยั่วยุทหารไทย จำนวน 5 นัด ที่บริเวณชายแดนด้านปราสาทตาเมือนธม ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ โดยทหารไทยไม่ได้ตอบโต้แต่อย่างใด โดยแหล่งข่าวระบุอีกว่าทหารเขมรยิงปืนโดยไม่ได้ตั้งใจยิงใส่ทหารไทย เป็นการยิงยั่วยุเหมือนหลายครั้งที่ผ่านมา และถือเป็นการกระทำหลังจากการลงนามสันติภาพไปแล้ว ทั้งนี้แหล่งข่าวรายงานว่าในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา พบความเคลื่อนไหวของทหารกัมพูชามีการเสริมกำลังประชิดชายแดนด้านปราสาทตาเมือนธม อย่างผิดปกติพบทุ่นระเบิดอีก 2 ใกล้โดนตวลนอกจากนี้เพจกองทัพบกทันกระแสได้โพสต์ข้อความในเวลาต่อมาว่ายังพบอย่างเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 10 พ.ย.2568 ตรวจพบทุ่นระเบิด PMN-2 จำนวน 2 ทุ่น ใกล้บริเวณปราสาทโดนตวล (บ้านภูมิซรอล ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ) ปัจจุบันดำเนินการเก็บกู้เรียบร้อยแล้วนายกฯฮึ่มสั่งหยุดทุกข้อตกลงต่อมานายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิด บริเวณห้วยตามาเรีย อ.กันทรลักษ์ ว่าตนรับทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว ชัดเจนว่าตนเห็นด้วยและสนับสนุนการดำเนินการของกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพในเรื่องนี้ สิ่งที่ดำเนินการมาโดยตลอด ณ ตอนนี้ จะหยุดจนกว่าจะมีความชัดเจน ตนจะแจ้งไปยังกระทรวงกลาโหม และกระทรวงการต่างประเทศ ว่าต้องทำตามสิ่งที่ประเทศไทยต้องการเท่านั้น สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้เราคิดว่าความเป็นปฏิปักษ์ที่คิดว่าจะลดลงไปต่อความมั่นคงของชาติ มันไม่ได้ลด เราจะดำเนินการอะไรนอกเหนือจากนี้ไม่ได้ให้ กห.–กองทัพจัดการทุกอย่างเมื่อถามว่าหมายรวมไปถึงการส่งตัวทหารกัมพูชาที่ถูกทางการไทยควบคุมตัวอยู่ 18 นายด้วยใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ถูกต้อง ทุกอย่างต้องหยุด ส่วนการที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหรือไม่นั้น จะให้ รมว.กลาโหมและกองทัพออกมาชี้แจงรายละเอียด สิ่งที่ตนยืนยันกับท่าน ให้ท่านว่าไปเลย ตนอยู่กับท่าน ตามท่านทุกอย่าง และวันที่ 11 พ.ย. จะลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษเพราะทหารของเราถึงขั้นขาขาด“สิริพงศ์” ย้ำท่าทีรัฐบาลต่อมานายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า เรื่องนี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลยอมรับไม่ได้ การดำเนินการตามข้อตกลง Joint declaration ที่ดำเนินมาแล้วกว่า 1 สัปดาห์ ให้หยุดไปก่อน รวมถึงการปล่อยเชลยศึกในวันที่ 12 พ.ย.ต้องหยุดไปก่อนเช่นกัน ดังนั้นขอให้ประชาชนมั่นใจว่ารัฐบาลไม่มีการอ่อนข้อ และไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆกับประเทศกัมพูชา และยืนยันว่าสิ่งที่รัฐบาลมุ่งหวัง คือให้ประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดนกลับเข้าสู่สภาวะปกติให้เร็วที่สุด แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ความเป็นปฏิปักษ์ไม่ได้ลดลง ดังนั้นการดำเนินการใดๆ ที่ดำเนินการมาก่อนหน้านี้ใน 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ต้องหยุดชะงักไม่มีกำหนด และต้องมาเคลียร์เรื่องนี้ก่อน หลังจากนี้เมื่อมีการประท้วงกันแล้ว ต้องมาดูว่าจะต้องมีการดำเนินการต่อไปอย่างไร แต่ตอนนี้ต้องหยุดไปก่อน จนกว่าจะมีการเคลียร์เรื่องการเหยียบทุ่นระเบิด ถือเป็นท่าทีของรัฐบาลทอ.ยุติดำเนินการทุกข้อตกลงจากนั้นเพจ Royal Thai Air Force กองทัพอากาศ โพสต์ข้อความว่า ยุติการดำเนินการทุกข้อตกลงระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชา จนกว่าการปฏิบัติการใดๆของกัมพูชาที่แสดงความเป็นปฏิปักษ์จะไม่มี กองทัพอากาศขอยืนยัน จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยเกียรติ ศักดิ์ศรี และผลประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง ทั้งนี้ข้อความดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากเกิดเหตุการณ์ทหารเหยียบกับระเบิดในพื้นที่ตามาเรีย จ.ศรีสะเกษ เมื่อเช้านี้ส่งผลให้ทหารบาดเจ็บข้อเท้าขาด โดยรัฐบาล และกระทรวงกลาโหม ได้แสดงจุดยืนชะลอการปฏิบัติตามปฏิญญาสันติภาพระหว่างไทย-กัมพูชาไว้ก่อนชะลอผ่อนผันแรงงานเขมรในไทยด้าน น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกฯ เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ได้สั่งชะลอลงนามในร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องอนุญาตให้คนต่างด้าว สัญชาติกัมพูชาอยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นกรณีพิเศษ ตามมติ ครม. 19 ส.ค.2568 ที่ผ่อนผันให้แรงงานสัญญาชาติเมียนมา ลาว เวียดนามและกัมพูชา ที่ใบอนุญาตหมดอายุ สามารถอยู่ต่อได้ชั่วครราว 1 ปี เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน เสนอในสมัยรัฐบาลก่อนที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการในตำแหน่งนายกฯ โดยให้เหตุผลว่าจำเป็นต้องตรวจสอบข้อมูลให้รอบด้านและดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดนายกฯกำชับให้ทบทวนรายละเอียดน.ส.ไตรศุลีระบุอีกว่าจากการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพบมีแรงงานกัมพูชาเกือบ 1 แสนคนที่ใบอนุญาตทำงานสิ้นสุดลงตั้งแต่ ก.พ.2568 และไม่สามารถยืนยันตัวตนหรือที่อยู่ได้อย่างชัดเจน หากอนุญาตให้อยู่ต่อโดยไม่ผ่านการตรวจสอบ อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคง รวมถึงปัญหาการลักลอบเข้าเมืองหรืออาชญากรรมข้ามชาติ นายกฯจึงกำชับให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงแรงงาน ร่วมกันทบทวนรายละเอียด เพื่อให้มั่นใจทุกขั้นตอนเป็นไปอย่างถูกต้อง ดังนั้นหลังจากนี้จะมีการทบทวนมติ ครม.ใหม่ เพื่อให้การตรวจสอบเป็นไปอย่างรอบคอบ เพื่อคุ้มครองผลประโยชน์ของประเทศและประชาชน“บิ๊กเล็ก” ทำหนังสือถึงคณะ AOT/มะกันขณะที่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม กล่าวที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี ถึงเรื่องนี้เช่นกันว่ากองทัพภาคที่ 2 ได้ให้ข้อมูลว่าพื้นที่ที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่ที่ลาดตระเวนอยู่เป็นประจำ และวันนี้ผู้ใต้บังคับบัญชาของตนประสบเหตุขาขาด ซึ่งต้องขอแสดงความเสียใจต่อทหารที่ประสบเหตุ แม่ทัพภาคที่ 2 คาดว่าจะเป็นการวางทุ่นระเบิดใหม่ เพราะฉะนั้นเป็นการปฏิบัติของฝ่ายกัมพูชาที่ไม่เคารพต่อผลการลงนามในปฏิญญา เมื่อวันที่ 26 ต.ค. จึงได้ขออนุมัติจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและ รมว.มหาดไทย ให้หยุดการปฏิบัติตามปฏิญญาดังกล่าวไว้ก่อน ส่วนหนังสือประท้วงได้ทำตามลำดับแล้วไปยังกระทรวงการต่างประเทศ และจะมีการตรวจสอบอีกต่อไป แต่ถ้าพบว่าเป็นท่าทีที่รุกล้ำอธิปไตยจะต้องมีการปฏิบัติมากกว่านี้ พร้อมยืนยันด้วยว่าต้องทำหนังสือไปยังคณะผู้สังเกตการณ์ และผู้สังเกตการณ์จากสหรัฐอเมริกา แน่นอน ขณะนี้คณะผู้สังเกตการณ์ หรือ AOT อยู่ในพื้นที่แล้ว เพราะฉะนั้นขอยืนยันว่าขอหยุดการปฏิบัติการลงนามตามปฏิญญาดังกล่าวไว้ก่อน ที่นายกรัฐมนตรีไทยไปลงนามกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นชอบแล้วปัดสั่งหยุดยิง–มอบอำนาจ ผบ.สส.พล.อ.ณัฐพลกล่าวกรณี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ที่ปรึกษาผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงเหตุการณ์ปะทะกับทหารกัมพูชาเมื่อวันที่ 24 ก.ค. มีคำสั่งจากบางคนให้หยุดยิงตั้งแต่ 6 ชั่วโมง แรกว่า คำว่าวันแรกในวันที่ 24 ก.ค. ตนเองไม่มีการสั่งการอะไรทั้งสิ้น และได้แต่เฝ้าติดตามอย่างเดียว วันนั้นจำได้ให้สัมภาษณ์สื่อไปแล้วว่าได้มอบอำนาจให้กับคณะผู้บัญชาการทหาร ซึ่งมีท่านผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นหัวหน้าคณะผู้บัญชาการทหาร เป็นผู้รับผิดชอบโบ้ยให้ถามอดีตแม่ทัพกุ้งพล.อ.ณัฐพลได้ตอบข้อซักถามที่ว่าทราบหรือไม่ว่าอดีตแม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงใครว่าต้องไปถาม พล.ท.บุญสิน ว่าทำไมพูดอย่างนั้น เพราะเท่าที่ตนพูดคุยกับ ผบ.ทบ. ได้รับรายงานว่าไม่ได้บอก หรือมีใครทำ ยืนยันว่าขณะนั้นสั่งให้หน่วยงานความมั่นคงทำงานเต็มที่ เพราะก่อน พล.ท.บุญสินจะเกษียณ ช่วงประมาณวันที่ 24 ก.ค. ตนไปงานที่ วปอ. มีโอกาสได้พบกับ พล.ท.บุญสิน ผบ.ทบ.ขณะนั้น และเสนาธิการทหารบก ตนได้ยินแม่ทัพกุ้งพูดมาตลอดว่าจะเอาคืน เอาคืน “ผมบอกว่าแม่ทัพกุ้งเตรียมการไว้แล้วใช่ไหม ฉะนั้นทำให้เสร็จก่อนเกษียณนะ ผมพูดอย่างงี้นะครับ ทำซะให้เสร็จนะครับ เพราะว่าในเมื่อเตรียมการไว้แล้ว แต่จนเกษียณผมยังไม่เห็นมีเหตุการณ์เกิดขึ้น” พล.อ.ณัฐพลกล่าว“บิ๊กกุ้ง” เสียใจทหารบาดเจ็บอีกขณะที่พลโทบุญสิน พาดกลาง ที่ปรึกษาผู้บัญชาการทหารบก และอดีตแม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดในพื้นที่ห้วยตามาเรียว่า ขอแสดงความเสียใจกับน้องทหารทั้ง 2 นายที่ประสบเหตุ และขอเป็นกำลังใจให้ผู้บังคับบัญชา ผู้บังคับหน่วย มีกำลังใจเพื่อปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของประเทศชาติต่อไป เท่าที่ทราบเป็นทุ่นระเบิดใหม่ และเป็นเส้นทางที่กำลังพลใช้เดินลาดตระเวนเป็นประจำ ส่วนเรื่องการประท้วง หรือดำเนินการใดๆ ก็ขอให้เป็นเรื่องที่ทางกองทัพจะทำตามขั้นตอนกลับลำไม่ขอพูดใครสั่งหยุดยิงอดีตแม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีไปบรรยายพิเศษที่พุทธสถานปฐมอโศก อ.เมืองนครปฐม และพูดถึงเหตุการณ์ปะทะช่วง 6 ชั่วโมงแรกของวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ที่มีผู้สั่งให้หยุดยิงว่า สืบเนื่องจากมีประชาชนที่มาร่วมฟังบรรยายสอบถามถึงประเด็นปราสาทตาควาย ซึ่งเป็นเรื่องที่ถูกถามบ่อยครั้ง ได้ยืนยันว่าไทยไม่ได้ยอมรับให้ปราสาทตาควายเป็นของกัมพูชา เพราะเป็นพื้นที่ของไทย และในห้วงวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ทางรัฐบาลไปลงนามในการประชุมวาระพิเศษ เรื่องการหยุดยิง จึงทำให้การใช้กำลังยุติลงในเวลา 24 นาฬิกา ของวันที่ 28 กรกฎาคม ทำให้ผู้ที่มาร่วมฟังบรรยายเกิดความสนใจว่าปราสาทตาควายจะเป็นของไทยได้เมื่อไหร่ ยอมรับว่าช่วงแรกที่เกิดเหตุปะทะ เป็นเรื่องปกติของการรบที่อาจจะมีความสับสนในหลายอย่าง แต่เมื่อถึงเวลานี้ไม่ควรไปพูดถึงอดีต และขอให้ยุติการพาดพิง เพราะไม่ใช่เรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมไทยในอนาคต เพราะทุกคนทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้วและเหตุการณ์ผ่านมานานแล้ว ขอให้เริ่มต้นกันใหม่ และให้กำลังใจผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่อ้างไม่ต้องการรื้อฟื้นอดีตพลโทบุญสินย้ำว่า ไม่ต้องการรื้อฟื้นเรื่องในอดีตขึ้นมา และขอเป็นกำลังใจให้ทหารที่ทำหน้าที่อยู่ในตอนนี้ ยืนยันว่าในช่วงเวลานั้น ผู้บังคับบัญชาทุกระดับได้ช่วยกันทำเพื่อประเทศชาติบ้านเมืองอย่างดีที่สุดแล้ว ขอให้มองที่ปัจจุบันและอนาคตจะดีกว่า บางเรื่องก็เป็นเรื่องเฟกนิวส์ เพื่อทำให้คนในชาติแตกความสามัคคีกัน จึงขอให้ทุกคนช่วยกันเพื่อส่วนรวม พร้อมยืนยันว่า ยังคงทำหน้าที่ตามที่ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก มอบหมาย โดยเฉพาะการพูดคุยกับเยาวชน ในเรื่องความรักชาติรักแผ่นดิน และจะไม่ไปก้าวล่วงผู้ที่ทำหน้าที่ในกองทัพ ผบ.ทบ. ได้ให้กำลังใจ และให้เน้นสื่อสารเรื่องการสร้างความรักความสามัคคีภายในชาติต่อไป“ภูมิธรรม” ยืนยันไม่ได้สั่งหยุดยิงต่อมานายภูมิธรรม เวชยชัย อดีตรองนายก รัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กชี้แจงถึงกรณี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ระบุมีคำสั่งผู้ใหญ่ให้หยุดยิงในเหตุการณ์สู้รบไทย-กัมพูชา ในวันแรกว่า ในช่วงเหตุการณ์ปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชา ทำให้เกิดคำถามคาดเดาต่างๆ นานา สร้างความเข้าใจคลาดเคลื่อนในสังคม ในฐานะปฏิบัติหน้าที่รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลด้านความมั่นคง และประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เห็นว่าควรนำข้อเท็จจริงจากช่วงเวลานั้นมาอธิบายให้ประชาชนได้รับทราบอย่างชัดเจน โดยมีสาระสำคัญว่า ได้มอบอำนาจให้กองทัพตัดสินใจได้ตามหลัก Rules Of Engagement (ROE) ตามมติการประชุม สมช.เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.2568 หมายความว่ากองทัพไทยมีอำนาจเต็มตัดสินใจเชิงยุทธวิธี เพื่อป้องกันประเทศตามสถานการณ์ในพื้นที่ ไม่ต้องรอคำสั่งจากฝ่ายการเมืองย้ำไม่มีคำสั่งจากฝ่ายการเมืองนายภูมิธรรมระบุอีกว่า ดังนั้นความเชื่อที่ว่ามีคำสั่งหยุดยิงจากฝ่ายการเมือง ไม่ตรงข้อเท็จจริง ห้วงเวลานั้น กองทัพได้รับอำนาจการปฏิบัติอย่างอิสระ ภายใต้กรอบกฎหมายและกติกาสากล และตลอดช่วงสถานการณ์ มีการประสานงานอย่างใกล้ชิดระหว่างสมช. กระทรวงกลาโหม และกองทัพภาคที่เกี่ยวข้อง สมช.ทำหน้าที่กำหนดทิศทาง เป็นศูนย์รวมข้อมูลให้รัฐบาลใช้ตัดสินใจในเชิงนโยบาย ขณะที่หน่วยปฏิบัติได้รับการคุ้มครองทางกฎหมายและเสรีในการปฏิบัติหน้าที่ ผ่านกลไกของกฎอัยการศึกเฉพาะพื้นที่ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทุกระดับทำงานได้เต็มศักยภาพ ไม่ต้องกังวลผลทางกฎหมายภายหลังยืนยันจุดยืนปกป้องอธิปไตยนายภูมิธรรมระบุด้วยว่า ในช่วงที่เป็น รมว.กลาโหม ได้ประสานผู้นำเหล่าทัพต่างๆอย่างให้เกียรติกัน หารือ รับฟังความคิดเห็นอย่างรอบคอบ เชื่อมั่นในความเป็นมืออาชีพผู้นำเหล่าทัพทุกท่าน ทำให้ภารกิจความมั่นคงประเทศผ่านไปด้วยความราบรื่น อำนวยประโยชน์ให้ประเทศสูงสุด ยึดหลักความรับผิดชอบ โปร่งใส คำนึงผลประโยชน์ชาติเป็นสำคัญ ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าทุกการตัดสินใจในช่วงเวลานั้น มีจุดยืนเพียงหนึ่งเดียวคือปกป้องอธิปไตยไทยทหารที่เจ็บยังอยู่หอผู้ป่วยวิกฤติ จากนั้นในเวลา 17.20 น. ผู้สื่อข่าวรายงานอาการล่าสุดของ จ.ส.อ.เทิดศักดิ์ที่เหยียบทุ่นระเบิด ได้รับบาดเจ็บข้อเท้าขวาขาดว่า หลังผ่าตัดนานกว่า 5 ชั่วโมง แพทย์ได้ย้ายตัว จ.ส.อ.เทิดศักดิ์ออกจากห้องผ่าตัดไปยังหอผู้ป่วยวิกฤติ โดยมีนายทหารจาก ร.16 มาคอยอำนวยความสะดวกรับนายสุทิน สมาพงษ์ พ่อ และครอบครัวของ จ.ส.อ.เทิดศักดิ์ มาเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด โดยนายสุทินเปิดใจว่า ทราบข่าวจากผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านว่าลูกชายเหยียบระเบิดได้รับบาดเจ็บ ส่งตัวมาที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์จึงเดินทางมายืนยันทุ่นระเบิดใหม่เพิ่งวางนายสุทินกล่าวอีกว่า ล่าสุดลูกชายกลับบ้านเมื่อ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา เคยเล่าให้ฟังว่าระเบิดที่พบในพื้นที่เป็นระเบิดใหม่ทั้งหมด ส่วนระเบิดเก่ามีการเก็บกู้ไปหมดแล้ว คนในบ้านของเมียที่เป็นเจ้าหน้าที่กู้ระเบิดก็เล่าให้ฟังว่า ระเบิดของเก่าเก็บออกไปเกลี้ยงหมดแล้วแต่กลับมามีขึ้นใหม่ในช่วงสงคราม 4 วันที่ไทยปะทะกับเขมร ลูกชายบอกเป็นของใหม่ เจอตอนกำลังใส่ก็มีและมีการถ่ายคลิปเอาไว้ตอนยิงกันด้วย ลูกชายเคยไปไล่ทหารเขมรที่ลอบเข้ามาให้ออกไปจากพื้นที่ ตอนนี้ลูกเสียขาไปแล้วเสียใจแต่ภูมิใจในตัวลูก ถ้ามัวเสียใจมันก็ไม่ได้อะไรได้แต่ส่งกำลังใจ“อนุทิน” รอถก สมช.เอาไงต่อต่อมาเวลา 18.30 น. ที่กระทรวงการคลัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีการเรียกประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) วันที่ 11 พ.ย. มีประเด็นอะไรเร่งด่วนเกี่ยวกับไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งปฏิญญาไทยกัมพูชา ว่า ตอนนี้เรายุติก่อนจะมีกระบวนการมีขั้นตอน วันนี้เพิ่งเกิดเหตุ วันที่ 11 พ.ย. ที่ตนเรียกประชุมสมช.เป็นโอกาสให้ได้พบกับผู้ที่เกี่ยวข้องครบถ้วน ทั้งฝ่ายกองทัพ ทั้งกระทรวงการต่างประเทศ ส่วนแนวทางในการหารือบอกไม่ได้ ข้อเสนอของ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม ที่ให้ยุติถ้อยแถลงก็ขอหารือก่อนเมื่อผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ตอนนี้ถือว่ากัมพูชาผิดข้อตกลงหรือไม่ และกองทัพพร้อมรบแล้วใช่หรือไม่ นายอนุทินไม่ตอบคำถามดังกล่าว แต่เดินเข้าลิฟต์ออกจากกระทรวงการคลังไปทันที“สีหศักดิ์” ต่อสายตรง “ปรัก สุคน”ส่วนที่กระทรวงการต่างประเทศ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงถึงเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดบริเวณห้วยตามาเรีย อ.กันทรลักษ์ ว่ากระทรวงการต่างประเทศขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อนายทหารที่ได้รับบาดเจ็บ โดยเรื่องการประท้วงเบื้องต้น นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ ซึ่งปฏิบัติราชการอยู่ที่ฮ่องกง ได้โทรศัพท์ติดต่อนายปรัก สุคน รองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศกัมพูชา เพื่อประท้วงว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่เป็นไปตามเป้าประสงค์หรือสปิริตของความตั้งใจของทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชาตามถ้อยแถลงร่วมที่เป็นผลการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีไทยและนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ และกระทรวงการต่างประเทศกำลังจะมีหนังสือประท้วงฝ่ายกัมพูชาอย่างเป็นทางการด้วย และฝ่ายไทยจะดำเนินการตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการดำเนินการตามอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล หรืออนุสัญญาออตตาวาด้วย ตามที่ฝ่ายไทยเคยประท้วงผ่านอนุสัญญาออตตาวามาแล้วหลายครั้งแจ้งมะกัน-มาเลย์ ระงับข้อตกลงร่วมนายนิกรเดชกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ หลังประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในวันที่ 11 พฤศจิกายน เวลา 08.30 น. ที่จะมีการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนในเรื่องนี้และการดำเนินการต่างๆตามถ้อยแถลงร่วมดังกล่าว หลังจากนั้นในช่วงบ่าย นายสีหศักดิ์จะร่วมติดตามนายกรัฐมนตรีไป จ.อุบลราชธานี และศรีสะเกษ เพื่อเยี่ยมนายทหารที่ได้รับบาดเจ็บ และรับฟังข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และจะประเมินและพิจารณามาตรการของฝ่ายไทยต่อไป เหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นการถดถอยต่อการดำเนินการตามถ้อยแถลงข้อตกลงร่วมกันระหว่าง 2 ฝ่าย และขณะนี้ฝ่ายไทยสงวนสิทธิ์ขอยุติการดำเนินการตามถ้อยแถลงร่วมฯไว้ชั่วคราว อีกทั้งฝ่ายไทยต้องทำหนังสือแจ้งเรื่องที่เกิดขึ้นต่อสหรัฐอเมริกา และมาเลเซียให้ทราบด้วยในฐานะที่เป็นผู้สังเกตการณ์กัมพูชาอ้างเป็นระเบิดเก่าวันเดียวกัน ขแมร์ ไทมส์ สื่อกัมพูชา รายงานกรณีที่ทางการไทยประกาศเลื่อนการส่งมอบเชลยศึกกัมพูชา 18 นาย ในวันที่ 12 พ.ย. ออกไปหลังเกิดเหตุทหารไทย 2 นาย ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบทุ่นระเบิดในพื้นที่ระหว่างปราสาทเขาพระวิหารและภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ โดยสื่อกัมพูชาระบุว่า การกระทำของไทยเป็นการละเมิดแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทยกับกัมพูชา ที่มีการลงนามเมื่อวันที่ 26 ต.ค. ระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียนที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมกันนี้ ทางการกัมพูชายืนยันว่า ทุ่นระเบิดในพื้นที่ตามชายแดนเป็นทุ่นระเบิดเก่าที่ตกค้างจากยุคสงครามกลาง เมือง กัมพูชาไม่ได้มีการวางทุ่นระเบิดใหม่แต่อย่างใดอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่