สิบกว่าปีแล้ว ที่สื่อรุ่นใหญ่รุ่นกลาง ราวๆ 10 คน จะรวมตัวไปร่วมทริปสามัคคี เพื่อดูงานกับบริษัทองค์กรต่างๆ และท่องเที่ยวไปด้วย มาปีหลังๆ จึงมีบางคนสละสิทธิ์ เพราะสังขารไม่เป็นใจ บางคนก็ล้มหายตายจาก หลายคนก็อายุ 70+ หมดยุคเที่ยวทรหด จึงปรับโปรแกรม เป็นโหมดที่เหมาะกับ สอส (สื่ออาวุโส) ไปเมืองไหน ก็พักหลายคืน ไม่ย้ายที่ทุกคืนแบบทัวร์ชะโงก เพราะคณะนี้เห็นมามาก ไม่สนใจล่าที่เที่ยวอย่างยิบ ขอเพียงที่พัก ต้องอยู่ใกล้ที่กิน ที่เที่ยว--จึงเลือกใช้บริการ เทรเวลเทค ซึ่งให้บริการท่องเที่ยวพรีเมียม มาเป็นปีที่ 30 ดูแลเหมือนทุกทริป จนทุกคนคุ้นเคยกับเจ้าหน้าที่เหมือนพี่น้องลูกหลาน จึงเป็นคณะที่มีบรรยากาศอบอุ่นกันเอง และสนุกสนานปีหลังๆจัดทริปยากขึ้น เพราะเมืองยอดนิยมที่ไหน ก็ไปกันมาทั้งนั้น ทริปนี้จึงเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา 5 ครั้ง จากจะไปไพรเวท ยอชต์ ท่องเมดิเตอร์เรเนียน ก็เปลี่ยนเพราะคลื่นลมแรง จะไปแคนาดา เพื่อให้ง่ายกับหลายคนที่อยู่อเมริกา ช่วงนั้นบินมาเจอก็เปลี่ยน จะไปเยอรมัน ก็พบว่าโรงแรมเมืองที่จะไป ไม่สะดวก ไม่ตรงคอนเซปต์ อยู่ดี ที่พักสบาย ไปไหนสะดวก พอจะไปประเทศที่ยังไม่เคยไป ก็เปลี่ยนอีกเพราะห้ามดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งคณะนี้รับไม่ได้เด็ดขาด--สุดท้ายจึงสรุปที่ ฮังการี บูดาเปสต์ เวียนนา โดยคนที่เคยไปมาแล้ว บอกไปอีกก็ได้ เพราะเห็นความสำคัญในการ gettogether มากกว่าเที่ยว แต่การเดินทางครั้งนี้ ทำให้หลายคนรู้ตัวว่า ต้องใส่ใจสุขภาพให้มากขึ้นแล้ว เพราะหลงลืมนั่นนี่ เริ่มจากพอเครื่องลงแฟรงก์เฟิร์ต ดร.เสรี จินตนเสรี ทักสื่อรุ่นน้อง ที่เอากระเป๋าริมูว่าลงจากที่เก็บเหนือที่นั่งว่า ไม่ได้ล็อกกระเป๋าหรือ เพราะเห็นซิบเปิดอ้า เขาก็บอกว่า ไม่ได้ล็อก จะได้หยิบของง่ายๆ คุณเสรี จึงบอกว่า แล้วไป นึกว่ามีคนมาเปิดตอนเราหลับ และเตือนว่า ถ้าไม่ปิด อาจมีใครเอาของผิดกฎหมายมาแอบใส่ในกระเป๋าเรา วันรุ่งขึ้น พอจะออกจากโรงแรมไปขึ้นเครื่องต่อไปฮังการี สื่อที่ถูกทัก จึงล็อกกระเป๋า--จากนั้นก็กลายเป็นปัญหา เพราะจำรหัสเปิดกระเป๋าไม่ได้ เนื่องจากไม่เคยล็อกมานานมาก หลังพนักงานโรงแรมช่วยกันเปิด แต่ไม่สำเร็จ พี่ใหญ่ของคณะ คือ คุณเนี้ยว–ธนิตย์ เศรษฐีกุล วัย 70++ จึงอาสาแก้ไข เพราะเคยได้วิชาเปิดกระเป๋ามา ซึ่งตอนอยู่กับ บัญชา ล่ำซำ ก็มีเรื่องให้แก้ไขต่างๆ จึงมีเทคนิคความรู้จิปาถะ แต่หมุนไปหมุนมาสิบกว่านาที ก็ยังเปิดไม่ได้ (แถมฝรั่ง ผจก.โรงแรมที่เดินมาดู ก็บอกว่า มิราเคิล หมายถึงต้องเป็นปาฏิหาริย์) จนถึงเวลาต้องไปสนามบิน คุณเก่ง เทรเวลเทค ก็บอกว่า ในสนามบินแฟรงก์เฟิร์ต มีร้านขายกระเป๋าริมูว่า น่าจะแก้ไขได้ พอผ่านขั้นตอน X-ray สัมภาระติดตัว คุณเนี้ยว ซึ่งคิดว่า จุดนี้น่าจะมีกุญแจมาสเตอร์ที่ไขกระเป๋าได้ทุกแบรนด์ เพราะถ้ามีของต้องสงสัย เจ้าหน้าที่ก็จะได้เปิดดู จึงถามว่า มีใครเปิดกระเป๋าได้ เขาจึงบอกให้เดินไปทาง gate ซี ถามผู้ชายที่ใส่แจ็กเกตสีแดง คุณเนี้ยว กับเจ้าของกระเป๋า ก็ชวนกันเดินหา gate C เจอหนุ่มแจ็กเกตแดง แต่เขาบอกไม่ใช่เขา และบอกว่า gate C ไม่มีบริการเปิดกระเป๋า น่าจะเป็น gate Z ที่ออกเสียงเหมือน C และชี้ไปไกลมาก สองคนจึงลากกระเป๋าเดินไปเรื่อยๆ แต่กลับหลุดออกไปข้างนอก ต้องเข้าแถวยาวกันใหม่ มาตรวจอีกรอบ คราวนี้ คุณเนี้ยว บอกว่า ไม่ต้องหาแล้ว จึงชวนไปนั่งที่เลานจ์ และหมุนเลขไปเรื่อยๆ แต่ก็ไม่ได้ แต่ คุณเนี้ยว ไม่ยอมแพ้ พอขึ้นเครื่อง ระหว่างบินไปฮังการีชั่วโมงกว่า ก็นั่งหมุนไปเรื่อยๆ โดยบอกวิธีว่า ต้องไล่เลข 3 แถวรวม 999 ครั้ง แต่บางทีไม่ถึง ก็เจอรหัส เปิดได้--แล้วก็จริงๆ เพราะหมุนถึงเลข 369 ก็เปิดได้ คณะจึงยกย่อง คุณเนี้ยว ซึ่งเป็นกลุ่มเพื่อน กับ กฤตย์ รัตนรักษ์ บิ๊กป้อม หม่อมอุ๋ย–ปรีดิยาธร ฯลฯ ว่าเป็นหัวหน้าแก๊งมิจฉาชีพ ส่วนเจ้าของกระเป๋า บอกขำๆว่า งวดนี้ต้องเล่นเลข 369 และถ้าใต้ดินให้กลับด้วยหลังพักอยู่บูดาเปสต์ 2 คืน คณะก็เดินทางต่อไปเวียนนา แต่เพราะเวลาที่นั่น ช้ากว่าไทยราว 6 ชั่วโมง ทำให้เจ้าของเลขเด็ด และคนอื่นๆลืมโทร.กลับเมืองไทยซื้อเลขรหัสกระเป๋า พอนึกได้ 9 โมงเช้า เมืองไทยก็ราวบ่ายสาม ก็เลยเวลาเจ้ามือที่รับแทงถึงเที่ยงไปแล้ว นักลงทุนสายมู จึงเสียดายมาก เพราะถ้าซื้อ 69 และกลับ 96 ก็ถูกจังๆ เพราะเลขท้าย 2 ตัวรางวัลที่ 1 งวด 16 ต.ค.68 คือ 96--มีแต่ คุณแจ่ม–แสงทิพย์ ยิ้มละมัย ไทยรัฐ ที่ซุ่มซื้อลอตเตอรี่เลขรหัสกระเป๋า กับแอปเป๋าตัง แต่ไม่ได้ซื้อกับเจ้ามือใต้ดิน จึงไม่ได้เงินเหมือนกัน.โสมชบาคลิกอ่านคอลัมน์ "ของว่างวันอาทิตย์" เพิ่มเติม