กรณีพิพาททางพรมแดน แม้จะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างสองเพื่อนบ้าน แต่สุดท้ายย่อมหนีไม่พ้นที่จะส่งผลกระทบในระดับภูมิภาค เนื่องจากโลกยุคปัจจุบันมีความเชื่อมโยงกันอย่างแนบแน่นโดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ “ซัพพลายเชน” ที่แตกต่างกับยุคก่อน สินค้าและบริการที่ออกมาเป็นรูปเป็นร่าง ไม่จำเป็นจะต้องมีที่มาหรือถิ่นกำเนิดจากประเทศเดียว สามารถนำมาได้จากหลายทาง ส่วนนี้นำมาจากประเทศ A อีกส่วนจากประเทศ B ปิดท้ายเก็บงานด้วยชิ้นส่วนจากประเทศ Cด้วยเหตุนี้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่นานาชาติจะมีความยินดีต่อรัฐบาลไทยที่มีความพยายามคลี่คลายปัญหากับชาติบ้านใกล้เรือนเคียง ในเวทีประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 47 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซียในกรณีนี้ทีมข่าวต่างประเทศหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ได้มีโอกาสรับรู้ความคิดเห็นจาก “แอนเจลา แมคโดนัลด์” เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย ถึงสถานการณ์ที่เป็นไป ณ เพลานี้ พร้อมมุมมองการแก้ไขข้อพิพาทด้วยสันติวิธีภายใต้อนาคตร่วมกัน“ออสเตรเลียเข้าใจดีถึงต้นทุนที่แท้จริงของความขัดแย้งและคุณค่าของสันติภาพ ความรุนแรงและการขาดเสถียรภาพส่งผลให้ชีวิตความเป็นอยู่หยุดชะงัก พลัดพรากชุมชน และทำลายการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นภัยต่อความมั่นคงทางอาหารและพลังงาน และเป็นความเสี่ยงต่อการพัฒนาและความเจริญรุ่งเรืองในระยะยาว”ถ้อยแถลงร่วมล่าสุดระหว่างไทยและกัมพูชาแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของประเทศต่างๆในภูมิภาคของเราในการแก้ไขข้อพิพาทที่ยากลำบากผ่านสันติวิธี สิ่งนี้เป็นผลประโยชน์ร่วมของเราทุกฝ่าย ออสเตรเลียขอชื่นชม บทบาทผู้นำของไทยและกัมพูชา รวมถึงนายก รัฐมนตรีมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียนและประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ที่มีส่วนในก้าวที่สำคัญของการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งชายแดนและส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคสำหรับบทบาทของอาเซียนนั้น เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนผ่านการส่งเสริมความไว้วางใจ การสนับ สนุนสันติภาพและความมั่นคง และเป็นเวทีสำหรับการเจรจา แถลงการณ์ร่วมของผู้นำอาเซียน-ออสเตรเลีย ว่าด้วยการป้องกันความขัดแย้งและการบริหารสถานการณ์วิกฤติภายใต้โครงสร้างภูมิภาคที่อาเซียนมีบทบาทนำ เมื่อวันที่ 28 ต.ค. ตอกย้ำถึงความสำคัญว่าสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคของเรานั้น เป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทุกฝ่าย แถลงการณ์นี้ยังส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าในภาวะที่ท้าทายนี้ เรายังรวมกันเป็นหนึ่งเพื่อเลือกการเจรจาแทนการเผชิญหน้า และเลือกความร่วมมือแทนความแตกแยกความขัดแย้งไม่ใช่สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ยากที่จะควบคุม เป้าหมายร่วมคือป้องกันไม่ให้ความขัดแย้งเกิดขึ้น สำหรับออสเตรเลียการป้องกันความขัดแย้งหมายถึงการส่งเสริมให้ภูมิภาคเคารพในอธิปไตยซึ่งกันและกัน แก้ไขข้อพิพาทด้วยสันติวิธีตามหลักกฎหมายสากล และทุกประเทศไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็กสามารถพัฒนาต่อไปได้ ทั้งหมดนี้อาศัยความเชื่อใจ ความโปร่งใสและเครื่องมือที่เป็นรูปธรรมเพื่อลดความตึงเครียด ทุกประเทศมีบทบาทในการสร้างหลักประกันเพื่อสันติภาพอาเซียนและโครงสร้างของภูมิภาครวมถึงการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกถือเป็นใจกลางของความพยายามนี้ เสียงของอาเซียนมีเอกลักษณ์และทรงพลัง ช่วยสร้างบรรทัดฐาน กำหนดความคาดหวัง และส่งอิทธิพลต่อพฤติกรรมทั่วทั้งภูมิภาค โดยมีแนวทางที่ยึดหลักปฏิบัติเพื่อจัดการความตึงเครียดและส่งเสริมความเข้าใจร่วมกัน ออสเตรเลียให้ความสำคัญกับการเป็นผู้นำร่วมกับอาเซียนอย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงผ่านการจัดอบรมป้องกันความขัดแย้ง ซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐบาลไทยและผู้เชี่ยวชาญได้มีส่วนร่วมอย่างมีคุณค่าเพื่ออนาคตของเราความพยายามเหล่านี้ไม่เป็นเพียงเชิงสัญลักษณ์ และยังเป็นการลงทุนโดยตรงในโครงสร้างที่มีอาเซียนเป็นผู้นำเพื่อป้องกันความขัดแย้งและจัดการวิกฤติก่อนที่จะลุกลามออสเตรเลียยืนหยัดเคียงข้างเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ใช่เพียงแต่ในหลักการเท่านั้น แต่ยังสนับสนุนกฎเกณฑ์และบรรทัดฐานอันเป็นรากฐานของเสถียรภาพในภูมิภาคอย่างเป็นรูปธรรม สิ่งนี้รวมถึงการสนับสนุนกรอบกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งรวมถึงอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล (UNCLOS) กรอบกฎหมายอย่าง UNCLOS มีความสำคัญเพราะช่วยรักษาเสถียรภาพและความมั่นคงในทะเลจีนใต้ซึ่งสำคัญต่อการค้ามูลค่า 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่สะพัดผ่านน่านน้ำนี้ในแต่ละปีทูตแอนเจลายังกล่าวว่า ในบริบทความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา ออสเตรเลียชื่นชมไทยที่พยายามแก้ไขปัญหาความขัดแย้งกับกัมพูชาในกรณีการใช้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ชายแดน โดยดำเนินการตามอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (อนุสัญญาออตตาวา) การยึดมั่นในพันธกรณีตามกฎหมายระหว่างประเทศเป็นหนทางสำคัญในการรักษาสันติภาพนอกเหนือไปจากชายแดนของเรา เราสนับสนุนปฏิบัติการรักษาสันติภาพที่จำเป็นอย่างยิ่งผ่านการดำรงตำแหน่งในคณะกรรมาธิการเสริมสร้างสันติภาพของสหประชาชาติในสมัยปัจจุบัน ช่วยสร้างเสริมระบบพหุภาคีให้เข้มแข็งขึ้น และสนับสนุนความพยายามป้องกันความขัดแย้งทั้งในภูมิภาคและรอบโลกแถลงการณ์ร่วมของผู้นำอาเซียน-ออส เตรเลีย เป็นการส่งสัญญาณเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงาน เพื่อสร้างภาวะผู้นำร่วม ความร่วมมือ และความไว้วางใจเพื่อป้องกันความขัดแย้ง แถลงการณ์นี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนหลักการร่วมให้เป็นมาตรการที่เป็นรูปธรรม ซึ่งช่วยลดความเสี่ยง เสริมความโปร่งใส และเพิ่มขีดความสามารถในการรับมือกับสถานการณ์ต่างๆเมื่อการทูตล้มเหลว สิ่งที่สูญเสียไม่ใช่แค่หลักการ แต่รวมไปถึงชีวิต ความเป็นอยู่และความก้าวหน้าที่สั่งสมมาหลายชั่วอายุ ความขัดแย้งมีต้นทุนร้ายแรง ออสเตรเลียจึงมุ่งมั่นในบทบาทของเรา และเพื่อธำรงไว้ซึ่งสันติภาพอย่างยั่งยืน.ทีมข่าวต่างประเทศคลิกอ่านคอลัมน์ “7 วันรอบโลก” เพิ่มเติม