ผมเพิ่งอ่านรายละเอียด “ข้อตกลงการค้าต่างตอบแทนสหรัฐอเมริกา-ประเทศไทย” (Joint Statement on a Framework for a United States-Thailand Agreement on Reciprocal Trade) ที่ทำเนียบขาวสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อ 26 ต.ค. แม้จะไม่ใช่นักกฎหมายระหว่างประเทศ แต่อ่านแล้วก็พูดได้คำเดียวว่า สหรัฐฯเอาเปรียบไทยมากเกินไป เอาเปรียบไปจนถึงอนาคตอันยาวไกลไม่รู้อีกกี่สิบกี่ร้อยปีข้างหน้า ถ้ารัฐบาลไทย ลงนามในข้อตกลงฉบับนี้ไทยจะตกเป็น “เมืองขึ้นสหรัฐฯ” ในด้านเทคโนโลยีและเอไอไปตลอดชาติเลยทีเดียวผู้นำสหรัฐฯ ประธานาธิบดีทรัมป์ มีนิสัยเอาเปรียบคู่ค้ามาตั้งแต่เป็นนักธุรกิจ และเอานิสัยการเอาเปรียบคู่ค้านี้มาใช้ในเวทีการค้าระหว่างประเทศ ทำให้โลกการค้าปั่นป่วนจนไร้กติกา ขึ้นอยู่กับอารมณ์ที่ผันผวนของทรัมป์เพียงคนเดียว น่าเป็นห่วงคือไทยต่อรองสู้เพื่อนบ้านไม่ได้ประเด็นสำคัญใน ข้อตกลงการค้าต่างตอบแทน ที่ทำเนียบขาว เปิดเผยมี 11 ข้อ ผมจะยกสาระสำคัญที่ไทยเสียเปรียบมากบางข้อมาให้ดู เริ่มตั้งแต่ “ข้อ 1” เลย เรื่องการลดภาษีศุลกากร สหรัฐฯกำหนดว่า “ไทยจะยกเลิกอุปสรรคทางภาษี (tariff barriers) ประมาณ 99% ของสินค้าทั้งหมด ครอบคลุมตั้งแต่สินค้า อุตสาหกรรม อาหาร และสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ” และ “สหรัฐฯจะยังคงอัตราภาษีตอบโต้ (reciprocal tariffs) สำหรับสินค้าที่มีถิ่นกำเนิดจากไทยไว้ที่ 19% ตามคำสั่งฝ่ายบริหาร (ลงวันที่ 2 เม.ย.2568 และที่แก้ไขเพิ่มเติม) พร้อมทั้งจะระบุสินค้าบางรายการในภาคผนวก 3 ของคำสั่งฝ่ายบริหาร (ลงวันที่ 5 ก.ย.2568) เพื่อให้ได้รับอัตราภาษี 0%นี่ไม่ใช่การค้าต่างตอบแทน แต่เป็นการค้าแบบเมืองขึ้น สินค้าสหรัฐฯ 99% ที่ส่งมาขายไทยไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า แต่สินค้าไทยที่ส่งไปขายในสหรัฐฯต้องเสียภาษีนำเข้า 19% เป็นธรรมไหมข้อที่น่าเป็นห่วงที่สุดก็คือ “ข้อ 7” เรื่อง “การค้าและบริการดิจิทัล” ที่ทำเนียบขาว ระบุว่า “ไทยให้คำมั่นว่า จะ (1) ไม่เก็บภาษีบริการดิจิทัล (Digital Services Tax) หรือใช้มาตรการที่เลือกปฏิบัติต่อบริการหรือผลิตภัณฑ์ดิจิทัลของสหรัฐฯ (2) อนุญาตให้มีการถ่ายโอนข้อมูลอย่างเสรีข้ามพรมแดนที่เชื่อถือได้ เพื่อประโยชน์ทางธุรกิจ (3) สนับสนุนการคงการระงับการเก็บภาษีสำหรับการส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (moratorium on customs duties on electronic transmission) ภายใต้ WTO (4) ไม่กำหนดโควตาฉายภาพยนตร์ (screen quotas) ในประเทศ (5) ผ่อนคลายข้อจำกัดการถือครองหุ้นของนักลงทุนสหรัฐฯ ในภาคโทรคมนาคมไทย (6) ยกเลิกข้อกำหนดการประมวลผลธุรกรรมในประเทศสำหรับธุรกรรมการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ภายในประเทศของบัตรเครดิตที่ออกในไทยข้อนี้ข้อเดียว ประเทศไทยต้องยกอธิปไตยทางดิจิทัลและอิเล็กทรอนิกส์ให้กับสหรัฐฯโดยสิ้นเชิง ในขณะที่ ทั่วโลกกำลังออกกฎหมายเก็บภาษีบริการและผลิตภัณฑ์ดิจิทัลข้ามพรมแดน เช่น ออสเตรีย เก็บภาษีโฆษณาออนไลน์ข้ามพรมแดน 5% อังกฤษ เก็บภาษี 2% ทั้งแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย แพลตฟอร์มการค้าออนไลน์ และการค้นหาทางอินเตอร์เน็ต รวมทั้ง ไม่อนุญาตให้ถ่ายโอนข้อมูลทางดิจิทัลข้ามพรมแดน เพราะ ข้อมูลดิจิทัลที่เกิดขึ้นในประเทศไหนต้องเป็นสมบัติของประเทศนั้นพุธ 29 ต.ค.ที่ผมเขียนบทความนี้ คุณนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการบีโอไอ แถลงว่า 9 เดือนแรกปีนี้บีโอไอให้การส่งเสริมการลงทุนในโครงการดิจิทัล โดยเฉพาะ Data Center กิจการพัฒนาซอฟต์แวร์ แพลตฟอร์มเพื่อให้บริการดิจิทัล และ ดิจิทัลคอนเทนต์ รวม 119 โครงการ มูลค่าลงทุน 612,768 ล้านบาท บริษัทเหล่านี้ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ 8–13 ปี ถ้าไทยยอมข้อตกลงการค้าทรัมป์อีก ไทยจะไม่ได้อะไรเลยจากการส่งเสริมบริษัทดิจิทัลต่างชาติมาลงทุนในไทย คนได้มีคนเดียวคือ “เจ้าของนิคม” ที่ขายที่ดินให้บริษัทต่างชาติโดยไม่ต้องรอกฎหมาย 99 ปี เป็นเรื่องที่คนไทยผู้รักชาติต้องจับตาดูให้ดีนะครับ.“ลม เปลี่ยนทิศ”คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม