ความวัว “สแกมเมอร์” ยังคาราคาซัง ความควาย “แรร์เอิร์ธ” โผล่มาซ้ำ ภาษาอังกฤษวันละคำ ตอกย้ำโจทย์สถานการณ์โคตรยาก ท้าทายรัฐบาลเซราะกราว ภายใต้การนำของ “นายกฯหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหมุน เคลียร์ปัญหาการเมืองโลกที่กดทับการเมืองภายในประเทศอารมณ์ตลกร้ายขำไม่ออก แบบที่ “หลาดา” นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย ออกมาอธิบายด้วยภาษา “ไทยบ้าน”พูดชัดถ้อยชัดคำเป็นยุทธวิธี “โจรปราบโจร”ตอบกลับกระแสวิพากษ์วิจารณ์ รัฐบาลตั้ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯและ รมว.เกษตรฯ นั่งหัวโต๊ะปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์และขบวนการค้ามนุษย์ เหมือนท้าทายกระแสสังคมโลกหักมุมกับภาพนัวเนีย “เบน สมิท” หัวโจก “แบล็กลิสต์” สหรัฐอเมริกาในจังหวะที่ประธานาธิบดี “อีแจ มยอง” ผู้นำเกาหลีใต้ ประจานกลางที่ประชุมสุดยอดอาเซียน-เกาหลีใต้ ชี้เป้าศูนย์หลอกลวง สแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ ได้แพร่กระจายตามพื้นที่ชายแดนกัมพูชา เมียนมา ไทยล็อกทำเลที่ตั้งฐานในบริเวณซึ่ง “หลักนิติธรรมอ่อนแอ”ภายใต้ศึกภูมิรัฐศาสตร์ สถานการณ์มหาอำนาจโลกล้อมอาเซียน แนวรบสงครามถล่มสแกมเมอร์ต้อนไทยหนีไม่ออก แต่รัฐบาลเซราะกราวโชว์เกรียนสู้กระแสส่อแววแพ้ภัยตัวเอง หนีไม่พ้นโดนจับมัดรวมเป็นพวงกับโจรเทาเขมรอย่างไรก็ตาม จากประเด็นร้อน “แรร์เอิร์ธ” ที่แทรกเข้ามาแบบที่คนไทยทั้งประเทศไม่ทันตั้งตัว จากลูกนัวของ “คาวบอย” โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ที่ชิงแถลงมัดคอ “นายกฯอนุทิน” ได้ยินไปทั่วโลกไทยเซ็นรับเอ็มโอยู ร่วมมือสำรวจแร่หายากกับอเมริกากระโดดเข้าสู่ “แนวรบแรร์เอิร์ธ” สงครามโลกยุคใหม่ระหว่างสหรัฐฯกับจีนแผ่นดินใหญ่ที่กำลังช่วงชิงแร่หายาก ปัจจัยสำคัญในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงอาวุธสงครามตามรูปการณ์ก็แค่รัฐบาลไทยเลือกข้าง “คาวบอย ทรัมป์” เท่านั้น แต่ยังไม่ถึงขั้นเพลี่ยงพล้ำจนเสียหายหนัก ยังไม่มีการลงหลักปักฐานถึงระดับการเซ็นสัญญาทางกฎหมายที่แน่ๆค่ายส้ม พรรคประชาชนตามกัดติดไม่ปล่อย มั่วนิ่มไม่ง่ายและหากมองโลกแง่ดี ในมุมของสหรัฐฯก็ยังมีมาตรฐานเทคโนโลยี สปิริตแบบชาติตะวันตก เมื่อเทียบกับเหมืองของกลุ่มทุนจีนเทาที่บุกยึดพื้นที่ชายแดนพม่า เขตอิทธิพลชนกลุ่มน้อยปล่อยสารพิษไหลลงแม่น้ำ โคลนถล่มน้ำท่วมเมืองเชียงราย เชียงใหม่สไตล์จีนทำการค้ากับใครไม่มียอมขาดทุน ณ วันนี้ก็ยังปั่นป่วนวุ่นวายหนัก ผลจากขบวนการจีนเทาที่เกาะเป็นคราบฝังแน่น แฝงอยู่ในระบบเศรษฐกิจ นัวเนียเกมอำนาจการเมืองไทยหลักฐาน “ซากตึก สตง.” ยังเป็นอนุสาวรีย์ประจานปาฏิหาริย์ถึงวันนี้ก็ยังล็อกตัวการใหญ่ไม่ได้ ตรงกันข้ามกับเรื่องลับๆล่อๆแบบที่กระทรวงอุตสาหกรรม ซุ่มเงียบอนุมัติคำสั่ง “ถอนอายัด” เหล็กเส้นของกลุ่มทุนจีน ยี่ห้อที่เป็นวัสดุก่อสร้างตึกถล่มสังเวยคนตายเป็นร้อยศพป้อน “เหล็กข้ออ้อย” เข้าปากช้าง นักการเมืองไทยเอี่ยวชัวร์ต้องยอมรับสไตล์พ่อค้าจีน เชี่ยวเชิงการค้า รู้จักเส้นทางวิ่งจ่ายค่าน้ำร้อนน้ำชาในไทยมาช้านาน แถมข่าววงในยุคนี้ไม่ใช่แค่ระดับนักธุรกิจเท่านั้นมันยังอ้างโยงถึงอำนาจสายตรงจากรัฐบาลแผ่นดินใหญ่ที่แทรกเข้ามากดดันโชว์วิทยายุทธวิชาตัวเบา “ข้ามไลน์การทูต” พูดกันหนาหูในกลุ่มผู้บริหารรัฐวิสาหกิจใหญ่ หนักใจกับแรงกดดันที่ไม่ผ่าน “Protocol” ของจีนแดง ฉวยอำนาจนักการเมือง ล็อบบี้ฝ่ายบริหารกระทรวง ไล่บี้หน่วยราชการและรัฐวิสาหกิจของไทยกดดันให้หยวนๆกับ “ผู้รับเหมาจีน” ทิ้งงาน ต่อรองให้ปล่อยผี บริษัทก่อสร้างสัญชาติจีนแดงที่ไม่รับผิดชอบโครงการประมูลมูลค่านับพันล้าน ให้ได้กลับมาฟันงานใหม่ แถมเรียกร้องค่าเสียหายอีกต่างหากจริงเท็จแค่ไหน “นายกฯหนู” น่าจะสั่งการให้นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รมว.พลังงาน ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่โรงกลั่นไทยออยล์จุดเกิดเหตุ เพราะข่าวว่า ลัทธิเอาอย่างกำลังลามไปถึงสถานทูตอิตาลี สถานทูตเกาหลีใต้ส่งหนังสือถึงรัฐมนตรี ล็อบบี้ให้ผู้รับเหมาสัญชาติเกาหลีใต้และอิตาลีที่ทิ้งงานเอาอย่างสไตล์จีน ทิ้งความเสียหายใหญ่หลวงตกอยู่กับไทย.ทีมข่าวการเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม