“อนุทิน” ถกทวิภาคี “ฮุน มาเนต” จี้จริงจังจริงใจปฏิบัติตามปฏิญญา 4 ข้อ เดินหน้าฟื้นสัมพันธ์สองประเทศ ปัดไม่เคยพูดว่าไทยรุกล้ำกัมพูชา เซ็นตั้ง 3 อนุ กก.ลุยล้างบางแก๊งสแกมเมอร์ ยัน MOU แรร์เอิร์ธไม่ใช่สัมปทาน อ้างต้องแสดงท่าทีเป็นมิตรเพื่อต่อรอง “ภาษีทรัมป์” ยืนยันไทม์ไลน์ยุบสภาฯยังเหมือนเดิม “ศุภจี” ปัดสหรัฐฯไฟเขียวภาษี 0% “เอกนิติ” รับ ครม.รับทราบเนื้อหา MOU อ้างเป็นยุทธศาสตร์ต่อรองภาษี “ธนกร” โอ่เป็นโอกาสไทยสร้างประโยชน์ “ปกรณ์” ย้ำไม่ได้เอื้อประโยชน์สหรัฐฯโดยเฉพาะ กมธ.สภาฯจ่อเรียกนายกฯชี้แจง “อภิสิทธิ์” ติงอย่าให้มีผูกขาด “บิ๊กเล็ก” ชี้ไทยนำร่องถอนอาวุธเชิงสัญลักษณ์ สว.สีน้ำเงินโหวตฟันจริยธรรม “นันทนา” เจ้าตัวฉะมติอัปยศ ขอสู้ถึงที่สุดนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและ รมว.มหาดไทย เสร็จสิ้นภารกิจเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ให้สัมภาษณ์หลังเดินทางกลับถึงไทย ยืนยันไทม์ไลน์การยุบสภาฯยังเหมือนเดิม ยืนยันไม่เคยเดินเกมเบรกฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ หากเกิดขึ้นก็พร้อมชี้แจง“อนุทิน” ร่วมเวทีสุดยอดอาเซียน–จีนเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 28 ต.ค. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงกัวลาลัมเปอร์ เร็วกว่ากรุงเทพฯ 1 ชั่วโมง) ที่ศูนย์ประชุม KLCC กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย พร้อมผู้นำและผู้แทนประเทศอาเซียน ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลงขยายโอกาสการค้า ภายใต้การยกระดับความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน มีนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เป็นตัวแทนฝ่ายไทยลงนาม ต่อมานายอนุทินกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดอาเซียน-จีน ครั้งที่ 28 ว่า ไทยยินดีกับข้อเสนอของจีนในการกำหนดให้ปี 2569 เป็น “ปีแห่งอาเซียน-จีน” เนื่องในโอกาสครบรอบ 5 ปีของความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์แบบรอบด้าน แนวทางสำคัญคือ 1.ส่งเสริมการบูรณาการทางเศรษฐกิจ เพราะความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของจีนสามารถสนับสนุนอาเซียนเสริมความแข็งแกร่ง 2.รับมือความท้าทายด้านความมั่นคงข้ามพรมแดน โดยเฉพาะอาชญากรรมข้ามชาติ อาชญากรรมทางออนไลน์ การค้ามนุษย์ และภัยคุกคามด้านสิ่งแวดล้อม 3.ธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค ไทย มีจุดยืนที่ชัดเจนยึดมั่นเดินบนเส้นทางแห่งสันติภาพและการเจรจาถกทวิภาคีจี้ “ฮุน มาเนต” จริงใจจากนั้นนายอนุทินหารือทวิภาคีกับนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงสาระสำคัญว่า นายอนุทินย้ำว่าการลงนามถ้อยแถลงร่วมกัน ถือเป็นพื้นฐานสำหรับสองประเทศที่จะเดินหน้า แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องมีการปฏิบัติตามอย่างจริงจังและจริงใจ การหารือในวันนี้มุ่งเน้นความจำเป็นที่สองประเทศต้องร่วมมือกันเดินหน้านำข้อตกลงไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยย้ำถึง 4 ประเด็นที่ได้ตกลงกัน นายกฯทั้งสองฝ่ายยังหารือถึงแนวทางเพิ่มการสื่อสารทางการทูต มอบหมายให้รัฐมนตรีต่างประเทศของทั้งสองฝ่ายพบหารือกันโดยเร็ว และเห็นพ้องว่าในช่วง 2-3 วันหลังการลงนามฯ มีความสำคัญยิ่ง ทั้งสองฝ่ายที่ต้องแสดงให้เห็นถึงการเดินหน้าอย่างเป็นรูปธรรมหารือผู้นำออสเตรเลีย–นิวซีแลนด์ต่อมาเวลา 11.35 น. นายอนุทินหารือทวิภาคีนายแอนโทนี แอลบาเนซี นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงหลังการหารือว่า โอกาสนี้นายอนุทินได้เชิญนายกฯออสเตรเลียมาเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ทั้งสองฝ่ายร่วมกันผลักดันความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ไทย-ออสเตรเลีย และเร่งรัดการจัดทำแผนปฏิบัติการร่วมว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ฉบับใหม่ (ระยะที่ 2 ปี ค.ศ.2026- 2029) จากนั้นนายอนุทินเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-นิวซีแลนด์ สมัยพิเศษ นายอนุทินเสนอในที่ประชุมให้ความสำคัญกับ 3 ด้านหลัก ได้แก่ ด้านความมั่นคง ด้านความมั่งคั่ง และเพื่อประชาชน โดยเฉพาะการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ อาชญากรรมออนไลน์ย้ำผู้นำเขมรเร่งทำตามปฏิญญานายอนุทินให้สัมภาษณ์ว่า ในการหารือกับนายฮุน มาเนต ได้แจ้งว่าอย่าให้เป็นเพียงสัญลักษณ์ ต้องเร่งดำเนินการถอนอาวุธอย่างเป็นรูปธรรมและจริงจังด้วยความรวดเร็ว ไทยจะได้ดำเนินการในสิ่งที่ไทยต้องทำคือการคืนตัวทหารกัมพูชา 18 นาย ที่อยู่ในการควบคุมของไทยให้กัมพูชา และการเก็บกู้วัตถุระเบิด การถอนทุ่นระเบิด ส่วนเรื่องสแกมเมอร์มีการดำเนินการร่วมกันทั้งตำรวจไทยและตำรวจกัมพูชาตลอด มาทิ้งช่วงตอนที่มีปัญหาระหว่างกัน 2-3 เดือน เมื่อถามถึงกำหนดเส้นตายให้กัมพูชาถอนอาวุธ นายอนุทินตอบว่า กำหนดแล้ว ถ้าทำได้วันนี้ วันที่ 29 ต.ค. เราก็จะถอนอาวุธออกให้มากและเร็วที่สุด ได้ทำความเข้าใจทั้ง 2 ฝ่าย ว่าตรงไหนที่ยังเป็นข้อสงสัยขอให้กลับไปแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการโดยเร็วที่สุดปัดไม่ได้พูดว่าไทยรุกล้ำกัมพูชาผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีให้สัมภาษณ์ว่าไทยรุกล้ำกัมพูชา นายอนุทินตอบสวนทันทีว่า “ผมไม่ได้บอกว่าไทยรุกล้ำกัมพูชา ผมบอกว่าถ้า เพราะเมื่อวานขาด คำพูด คำว่าพื้นที่อ้างสิทธิ์ที่เป็นคำทางการ เมื่อวานนึกไม่ออกคำนี้ เลยบอกว่าในพื้นที่ตรงนั้นมีคนไทยอยู่ และมีคนกัมพูชาอยู่ ถ้าเราตกลงกันได้แล้ว ถ้าเขาอ้างสิทธิ์ของเขาและเรายอมรับได้ เราก็ต้องกลับมาในดินแดนของเรา และเขาก็ต้องกลับไปในดินแดนของเขา เมื่อถามว่านายกฯกัมพูชาได้พูดถึงการเปิดด่านหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า ยังไม่พูดถึงเรื่องที่ซีเรียส เขาก็รู้ว่าไม่ใช่เวลาที่จะพูด เราก็ไม่ได้เสนอจนกว่าจะดำเนินการไปด้วยความเรียบร้อย เรายังต้องมีอีกด่านคือการหาวิธีฟื้นฟูความสัมพันธ์ ตอนนี้ไทยเหลือแค่เลขานุการโทประจำกรุงพนมเปญ อยู่ในสถานทูตไทยเท่านั้น หาก 4 ข้อนั้นได้รับการปฏิบัติ ถึงมาพูดคุยเรื่องความสัมพันธ์ เมื่อความสัมพันธ์กลับมาสู่ภาวะปกติ จึงไปเรื่องการเปิดด่าน ไทยก็ยังเก็บไว้อยู่กับไทยตั้ง 3 อนุ กก.ลุยล้างบางสแกมเมอร์ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ลงนามคำสั่งแต่งตั้ง 3 อนุกรรมการ ได้แก่ 1.คณะอนุกรรมการปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี มี พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม เป็นประธาน 2.คณะอนุกรรมการป้องกันการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี มีนายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธาน มี พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ ทำหน้าที่ที่ปรึกษา 3.คณะอนุกรรมการประชาสัมพันธ์ป้องกันการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี มี พล.ต.อ.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองจเรตำรวจแห่งชาติ เป็นประธาน และจะมีการลงนามแต่งตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบเส้นทางการเงินและการฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางไซเบอร์ มีนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ ประภาศ รองนายกฯและ รมว.คลัง เป็นประธานฯยัน MOU แรร์เอิร์ธไม่ใช่สัมปทาน กระทั่งเวลา 15.50 น. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง (บน.6) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า การลงนามใน MOU แรร์เอิร์ธ เป็นการลงนามว่าถ้าในอนาคตวันหนึ่งเกิดมีแร่อะไรในประเทศไทยขึ้นมา แล้วทำให้เกิดประโยชน์กับประเทศไทย เราอาจมีการศึกษาร่วมกัน และแสวงหาความร่วมมือกับสหรัฐฯ เขามีเทคโนโลยีที่ดีกว่าและมีช่องทางการตลาดที่มากกว่า แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะเซ็นกับเขาฝ่ายเดียว และไม่ใช่การให้สัมปทาน ถ้าดูแล้ววันนั้นประเทศไทยทำได้เอง มีช่องทางการตลาดเอง หรือมีช่องทางนำเทคโนโลยีมาทำได้เอง เราก็ยกเลิก MOU แล้วมาทำเอง เมื่อถามว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญทำไมไม่เปิดเผยก่อนการลงนาม นายอนุทินตอบว่า เขาดำเนินการโดยผ่านการพูดคุยกันและทำความตกลงกัน โดยกระทรวงต่างประเทศ ยิ่งตอนนี้มีหลายเรื่องที่เราเจรจากับเขาอยู่ ถ้าเรามีท่าทีที่เป็นมิตรแล้วประเทศไทยไม่ได้เสียเปรียบ อาจทำให้การเจรจาเรื่องภาษี หรือเรื่องอื่นเป็นผลบวก เมื่อถามว่ามีบางฝ่ายมองว่ารัฐบาลลักไก่ไปลงนาม นายอนุทินตอบว่า “ไม่มีครับลักไก่ ถ้าลักไก่จะผ่านมติ ครม.ได้อย่างไร” และไม่มีการกดดันใดๆ ไม่กังวลกระทบต่อการรักษาสมดุลระหว่างประเทศมหาอำนาจ เจอกับจีนก็อธิบายให้เขาฟังลั่นไทม์ไลน์ยุบสภาฯยังเหมือนเดิมผู้สื่อข่าวถามว่าไทม์ไลน์การยุบสภาฯยังเหมือน เดิมใช่หรือไม่ นายอนุทินพยักหน้ารับ พร้อมตอบว่า เหมือนเดิม เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวนายกฯพยายามเบรกไม่ให้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายอนุทินตอบว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจอยู่ที่ฝ่ายค้าน หากเกิดขึ้นก็พร้อมชี้แจง เมื่อย้ำถามว่านายกฯไม่ได้ไปเบรกอะไรใช่หรือไม่ นายอนุทินรีบตอบว่า ไม่เคย“ศุภจี” ปัดสหรัฐฯไฟเขียวภาษี 0%นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อนุมัติมาตรการภาษีนำเข้า 0% สำหรับสินค้าบางประเภท จาก 3 ชาติ ในอาเซียนหลังจากที่มาตรการเรียกเก็บภาษีตอบโต้ในอัตรา 19% ได้แก่ มาเลเซีย กัมพูชา และไทยว่า อัตราภาษียังคงอยู่ที่ 19% เท่าเดิม และยังไม่มีข้อตกลงเพิ่มเติม เมื่อถามว่าจะสามารถลดอัตราภาษีลงได้มากกว่านี้หรือไม่ หลังจากได้ผูกมิตรกันมากขึ้น นางศุภจีตอบว่า กำลังเจรจากันอยู่ ขณะนี้ยังไม่มีข้อตกลง“เอกนิติ” นำทีมแจงปมร้อนแรร์เอิร์ธ ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง พร้อมนายธนกร วังบุญคงชนะ รมว.อุตสาหกรรม นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ร่วมแถลงหลังการประชุม ครม. ถึงการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือแร่หายากของโลก หรือแร่แรร์เอิร์ธ (MOU Rare Earth) กับสหรัฐอเมริกา นายเอกนิติกล่าวว่า ที่ประชุม ครม.รับทราบการลงนามดังกล่าวแล้ว และอยากสร้างความชัดเจนให้ประชาชนได้รับทราบ คือ 1.MOU ฉบับนี้ไม่ใช่กฎหมาย เป็นเพียงข้อตกลงความเข้าใจร่วมกัน เพื่อร่วมมือในการพิจารณาห่วงโซ่อุปทาน และส่งเสริมการลงทุนแร่หายาก หรือแร่แรร์เอิร์ธ 2.ส่งเสริมการค้าการลงทุน และการดูแลรักษาแร่หายาก ถือเป็นห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่ต้นกระบวนการสำรวจ ไปจนถึงการสกัด รีไซเคิล และการกู้คืน 3.สนับสนุนการลงทุนที่สร้างมูลค่าเพิ่ม และอุตสาหกรรมการสกัด 4.สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ตลาด ทำให้แร่หายากนำออกมาใช้สู่ตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย โปร่งใส และส่งเสริมห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่ต้นน้ำสู่ปลายน้ำอ้างยุทธศาสตร์ต่อรองภาษีทรัมป์นายเอกนิติกล่าวอีกว่า ขอบเขตของการร่วมมือ ทั้งแลกเปลี่ยนความรู้ จัดประชุมเชิงปฏิบัติการร่วมกัน ออกใบอนุญาตและลดขั้นตอน การแลกเปลี่ยนข้อมูลโครงการต่างๆ รวมถึงราคาสินค้าแร่หายาก จะเห็นได้ว่าการตกลงทั้งหมด ทั้งวัตถุประสงค์ ขอบเขตความร่วมมือ เป็นการพัฒนาห่วงโซ่อุปทานแร่หายาก ขอย้ำเป็นความตกลงร่วมมือ หรือ MOU ที่ไม่ใช่กฎหมาย ไม่มีข้อผูกพันทางกฎหมาย ไม่ใช่เรื่องเฉพาะของประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่สามารถทำได้กับประเทศใดๆก็ได้ เมื่อถามว่าการลงนามดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการเจรจาภาษีสหรัฐฯหรือไม่ นายเอกนิติตอบว่า มีโอกาสพูดคุยกับผู้แทนการค้าสหรัฐฯในทุกมิติ ค่อนข้างให้โอกาสไทย เปิดโอกาสให้ไทยสามารถเจรจาต่อรองในเรื่องการค้าต่างตอบแทน ถือเป็นยุทธศาสตร์การเจรจาที่ดำเนินการร่วมกัน โดยกระทรวงพาณิชย์และภาคเอกชน ถือเป็นกรอบการเจรจาโอ่เป็นโอกาสไทยสร้างประโยชน์นายธนกร วังบุญคงชนะ รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยไม่มีเหมืองแร่แรร์เอิร์ธ ยังไม่มีแหล่งที่มีประสิทธิภาพในเชิงพาณิชย์ การลงนามดังกล่าวเป็นตัวช่วยเสริมความมั่นคง และเพิ่มห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุหายาก โดยเฉพาะในด้านการสำรวจ การใช้ประโยชน์แร่ธาตุที่มีคุณค่าต่อการพัฒนาอุตสาหกรรม เช่น พลังงานสะอาด และรถยนต์ไฟฟ้า การลงนามข้อตกลงดังกล่าว เป็นการสร้างสิ่งแวดล้อมที่มีเสถียรภาพ ส่วนการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ทำให้ไทยได้ประโยชน์จากการแลกเปลี่ยนข้อมูล ถ่ายทอดเทคโนโลยีต่างๆ และสร้างโอกาสใหม่ๆในการลงทุน ขอย้ำว่า MOU ฉบับนี้ไม่มีผลทางกฎหมาย แม้มีการลงนามฉบับนี้ ผู้ประกอบการต่างๆก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย และคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสุขภาพของประชาชน“ปกรณ์” ยันผ่าน ครม.เห็นชอบนายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวว่า เนื้อหาของ MOU กำหนดว่า มีสิทธิ์ลงทุนและสำรวจทั้ง 2 ประเทศ แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามหลักกฎหมายภายในของประเทศนั้นๆ MOU เขียนชัดเจนไม่มีผลผูกพันกับกฎหมายระหว่างประเทศ ดังนั้นไม่เป็นหนังสือ สัญญาตามมาตรา 178 แต่เป็นเรื่องความสัมพันธ์ไทยกับสหรัฐอเมริกา ที่ร่วมมือกันพัฒนาแร่หายากให้เกิดประโยชน์สูงสุด แต่ที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ ครม.มีข้อห่วงกังวล นำเข้าพิจารณาในที่ประชุม ครม.นัดพิเศษวันที่ 25 ต.ค. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแสดงความกังวลในเรื่องนี้ การดำเนินการต่างๆต้องเป็นไปตามกฎหมายไทย ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้สหรัฐฯเป็นการเฉพาะ แต่เราดำเนินการเรื่องนี้อย่างเข้มข้น เพื่อให้เข้าเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) เพื่อยกระดับกฎหมายของไทย ทั้งการค้า การลงทุนกับสหภาพยุโรปด้วย ทั้งนี้ MOU สามารถยกเลิกเมื่อไหร่ก็ได้ และอีกข้อกังวลที่ MOU เขียนไว้ว่า การยกเลิก MOU จะไม่มีผลต่อสิ่งที่ดำเนินการไปแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่ได้มีการดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น หากจะดำเนินการต้องให้กระทรวงอุตสาหกรรมเดินหน้าตามกฎหมายของไทยกมธ.สภาฯจ่อเรียกนายกฯชี้แจงด้าน น.ส.สรัสนันท์ อรรณนพพร สส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ประธานกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า เรื่อง MOU แรร์เอิร์ธ เป็นเรื่องใหญ่ อาจส่งผลกระทบกับประชาชนระยะยาว แม้รัฐบาลอ้างเป็นเพียงบันทึกความเข้าใจ ไม่มีผลทางกฎหมาย ยกเลิกเมื่อไรก็ได้ แต่สิ่งที่ประชาชนกังวลคือที่ผ่านมารัฐบาลไม่เคยบอกว่ามีการแอบเจรจาเรื่องนี้กับใคร ไม่เปิดเผยข้อมูลต่อประชาชนและรัฐสภา ทั้งกระบวนการเจรจา ผลกระทบต่อประชาชน สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจและความมั่นคงประเทศ นายพิชัย ชุณหวชิร อดีต รมว.คลัง และอดีตหัวหน้าคณะเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ยืนยันว่าที่ผ่านมาไม่เคยหารือประเด็นนี้ในโต๊ะเจรจา รัฐบาลอนุทินควรตระหนักถึงมิติทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ซับซ้อน ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดเผยรายละเอียดเรื่องนี้ทั้งหมดเร็วที่สุด เลิกปกปิดประชาชน กมธ.ต่างประเทศ จะเชิญนายอนุทิน นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ มาชี้แจง ประชาชนต้องมีสิทธิ์รับรู้ทุกกระบวนการอย่างถ่องแท้ จะไม่ยอมให้รัฐบาลลุแก่อำนาจ ปิดบังเรื่องที่สร้างผลกระทบแบบนี้“อภิสิทธิ์” ขออย่าให้สหรัฐฯผูกขาดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า MOU ฉบับนี้ขึ้นอยู่กับรัฐบาลจะนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด การที่ประเทศสหรัฐฯ ต้องการเข้ามาโดยมีเงื่อนไขให้ไทยเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานถือเป็นโอกาสที่ดี แต่ต้องระมัดระวัง ไทยต้องได้รับความเป็นธรรมในเชิงผลประโยชน์ รวมถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ที่สำคัญเราต้องไม่ทำให้สหรัฐฯมีสิทธิ์ผูกขาด โดยเฉพาะจีน และประเทศอื่นก็มีความปรารถนาจะเข้ามาร่วมงานกับไทยเช่นกัน ประเด็นนี้เป็นความขัดแย้งเชิงภูมิรัฐศาสตร์ที่แหลมคมอยู่แล้ว ประเทศไทยเพิ่งจะรักษาความสมดุลในความสัมพันธ์กับเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกอันดับ 1 และ 2 และต้องแสดงความชัดเจนว่าเราพร้อมที่จะร่วมมือกับประเทศอื่นๆด้วย รัฐบาลต้องเปิดเผยความจริงกับประชาชน แม้จะไม่ใช่ทั้งหมด แต่ประชาชนควรมีสิทธิ์รู้ว่าสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการแลกเปลี่ยนเจรจาต่อรอง มีประเด็นอะไรบ้างดีเดย์ถอนอาวุธเชิงสัญลักษณ์ขณะที่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการถอนอาวุธหนักออกจากแนว ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า เริ่มมีการถอนอาวุธ หลังการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) และหลังการลงนามปฏิญญาเพื่อนำไปสู่สันติภาพ แต่อาวุธฝ่ายไทยและกัมพูชาที่ถอนออกมาไม่เหมือนกัน ขณะนี้กองทัพภาคที่ 2 อยู่ระหว่างพูดคุยในรายละเอียดกับกัมพูชา ขอให้ประชาชนมั่นใจว่ากระทรวงกลาโหมยึดมั่นในอธิปไตย และความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ จะไม่ยอมให้ไทยเสียศักดิ์ศรีอย่างแน่นอน เมื่อถามว่าไทยถอนอาวุธเมื่อวันที่ 26 ต.ค.เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ใช่หรือไม่ พล.อ.ณัฐพลตอบรับว่า ใช่ และอยากให้กัมพูชาถอน BM-21 ออกไปกองทัพไทยปฏิบัติตามข้อตกลงพล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย กล่าวว่า คณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (ASEAN Observer Team : AOT) ประกอบด้วย Major Jaffny จากมาเลเซีย และ Master Sergeant Apolonio จากฟิลิปปินส์ ร่วมสังเกตการณ์และตรวจสอบขั้นตอนการเคลื่อนย้ายรถถัง M60A3 จำนวน 2 คัน กลับสู่ที่ตั้งหน่วย กองพันทหารม้าที่ 17 กรมทหารม้าที่ 1 รักษาพระองค์ จ.สระบุรี ได้รับการอำนวยความสะดวกโดย พ.อ.ณัฐพล บุญกระพือ เสนาธิการกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติตามพันธกรณีข้อตกลงร่วมไทย-กัมพูชา แม้จะเป็นเพียงขั้นตอนแรก แต่ถือเป็นก้าวสำคัญที่แสดงถึงความมุ่งมั่นแน่วแน่ของกองทัพไทย ในการปฏิบัติตามเจตนารมณ์แห่งข้อตกลงร่วม เพื่อสร้างสภาวะแวดล้อมที่ปลอดภัยและมั่นคงตามแนวชายแดน กองทัพไทยได้แสดงเจตจำนงชัดเจนในการถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่แนวชายแดน“ธรรมนัส” ไม่โกรธ “ชาดา” พี่น้องกันวันเดียวกัน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกรณีนายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย พาดพิงเรื่องการปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์เป็นการตั้ง “โจรไปปราบโจร” ว่า ไม่ได้รู้สึกน้อยใจ และไม่ได้เป็นประธานคณะกรรมการปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ เป็นความเข้าใจผิด ฟังเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา อย่าไปคิดมาก กับนายชาดารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาเป็นพี่น้องร่วมสาบาน ไม่มีคำว่าโกรธในพี่น้องร่วมสาบาน เข้าใจเจตนาและสไตล์นายชาดา เป็นคนตรงไปตรงมาเหมือนกัน เราเป็นนักการเมืองสิ่งที่ย้ำเสมอคือพร้อมถูกตรวจสอบ ผ่านเรื่องหนักๆมาแล้ว เราพิสูจน์ตัวเองได้ว่าบริสุทธิ์“โรม” เตือนระวังเป็นรัฐบาลอุ้มโจรด้านนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “โจรไม่ได้ปราบโจร แต่โจรจะมาช่วยโจร” รัฐบาลนี้นอกจากคิดผิดที่ไม่ปลด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า กลับส่งเสริมให้มีบทบาทเข้ามามีส่วนร่วมในนโยบายแก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลนี้ไม่มีความรู้ความเข้าใจอะไรเกี่ยวกับการแก้ปัญหาเรื่องสแกมเมอร์เลย อยากให้รัฐบาลทบทวนอีกครั้ง ต้องปลดจากการเป็นรัฐมนตรี และเร่งปราบปรามเรื่องนี้อย่างจริงจัง นี่คือโอกาสที่นายอนุทินจะเร่งทำงาน “ขนาดนายชาดา ยังดูออกว่าใครเป็นโจร ระวังประชาชนจะหาว่ารัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลโจรนะครับ โจรอุ้มโจร”“ดิเรกฤทธิ์” ชงล้มกระดานแก้ รธน.ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม อดีต สว. ยื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการกระทำของรัฐสภา เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ได้จัดทำประชามติก่อน เป็นการกระทำมิชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และขัดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ ผ่านนายอาจณรงค์ พุ่มงาม ผอ.ส่วนตรวจสอบเรื่องร้องเรียนกลาง รับเรื่องร้องเรียน นายดิเรกฤทธิ์กล่าวว่า จำเป็นต้องรีบยื่นคำร้องเพื่อหยุดความเสียหายจากการกระทำของรัฐสภา หากเนิ่นช้าออกไปอาจไปถึงขั้นตอนการทำประชามติ การเลือก ส.ส.ร.ต้องเสียงบประมาณหลายพันหรือเป็นหมื่นล้านบาท“นันทนา” ฉะมติอัปยศฟันจริยธรรมอีกเรื่องที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภา มีนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม พิจารณารายงานผลการพิจารณาเรื่องร้องเรียนจริยธรรม น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. กรณีดูหมิ่น สว.ที่มีอาชีพขายหมู หลังคณะกรรมการจริยธรรมวุฒิสภา ที่มี พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา เป็นประธาน มีมติเสียงข้างมากเห็นว่า น.ส.นันทนามีพฤติกรรมฝ่าฝืนจริยธรรม หลังใช้เวลาประชุมลับนานกว่า 5 ชั่วโมง ที่ประชุมลงมติเห็นชอบกับมติคณะกรรมการจริยธรรมด้วยคะแนน 130 ต่อ 23 งดออกเสียง 11 ไม่ลงคะแนน 2 และลงมติเห็นว่าการกระทำของ น.ส.นันทนาเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง ด้วยคะแนน 130 ต่อ 26 เสียง งดออกเสียง 11 ไม่ลงคะแนน 2 ส่งให้ ป.ป.ช.ดำเนินการต่อไป ต่อมา น.ส.นันทนาแถลงด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า เป็นมติวุฒิสภาอัปยศ สะท้อนว่า สว.มีเจ้าของสั่งได้ เป็นการสมคบคิดมาแต่ต้น ไม่เคยให้โอกาสไปชี้แจง ลงมติกันลับๆ สุดท้ายมากดปุ่มในสภา แต่จะสู้ต่อจนถึงที่สุด ไม่สยบยอมสีน้ำเงินกินรวบประเทศ ที่ต้องการปิดปากสว.อิสระคนอื่นอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่