กรณีปัญหาสแกมเมอร์ในกัมพูชากลายเป็นกระแสกดดันให้รัฐบาลภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐ มนตรี ต้องสั่งยกระดับการปราบปรามสแกมเมอร์ ที่มีเครือข่ายโยงใยธุรกิจฟอกเงินในประเทศไทยเป็นวาระแห่งชาติ ท่ามกลางกระแสข่าวว่ามีรัฐมนตรีบางคนในรัฐบาลเข้าไปพัวพันกับเครือข่ายธุรกิจฟอกเงินข้ามชาติล่าสุด ทิวากร สุระชน รองเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย ซึ่งได้เกาะติดศึกษาปัญหาสแกมเมอร์ ระบุว่าการหลอกลวงทางออนไลน์ทวีความรุนแรงขึ้น มีคนไทยตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก สะท้อนถึงความล้มเหลวของรัฐบาลในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่เป็นรูปธรรม โดยจากข้อมูลของหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องพบว่าในปี 2567–2568 มีประชาชนกว่า 380,000 ราย แจ้งความว่าถูกหลอกลวงทางออนไลน์ มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 52,000ล้านบาท เฉลี่ยมีผู้เสียหายเพิ่มขึ้นวันละกว่า 1,000 คน แต่สามารถติดตามเงินคืนได้ไม่ถึง 20% ของยอดความเสียหายทั้งหมด โดยพบว่าเป็นการหลอกลวงทางโทรศัพท์ และส่งข้อความ SMS มากที่สุดซึ่งมีการส่งข้อความหลอกลวงรวมแล้วกว่า 168 ล้านครั้ง ในช่วง 2ปี ชี้ให้เห็นว่าปัญหานี้ลุกลามเพิ่มมากขึ้น และระบบป้องกันยังไม่เพียงพอ แม้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะมีมาตรการประชาสัมพันธ์ และศูนย์รับเรื่องร้องเรียน แต่ในทางปฏิบัติกลับไม่เห็นความคืบหน้าที่ชัดเจนผู้เสียหายยังคงเผชิญความยุ่งยากในการติดตามเงินคืน และการนำตัวผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ขณะที่มิจฉาชีพใช้เทคโนโลยีใหม่ๆหลบเลี่ยงการตรวจสอบ รัฐบาลจึงควรให้ “ศูนย์ต่อต้านอาชญากรรมดิจิทัลแห่งชาติ” มีอำนาจสืบสวนโดยตรง และเชื่อมต่อกับธนาคารพาณิชย์เพื่อสามารถระงับธุรกรรมต้องสงสัยได้ทันทีพร้อมเสนอให้ปรับปรุงกฎหมายอาชญากรรมไซเบอร์ให้ทันสมัย เพิ่มบท ลงโทษผู้เกี่ยวข้องกับบัญชีม้า และอบรมสร้างภูมิคุ้มกันทางดิจิทัลให้ประชาชนทุกกลุ่ม โดยพรรคจะผลักดันนโยบาย “ประเทศปลอดสแกม” เสนอต่อสภาฯในเร็วๆนี้ รัฐบาลจะรอให้คนไทยถูกหลอกสูญเงินไปอีกเท่าไหร่ ถึงจะลุกขึ้นมาปกป้องประชาชนอย่างจริงจังต้องยอมรับว่า การที่สแกมเมอร์ในกัมพูชาล่อลวงคนไทยไปทำงาน ใช้เบอร์ โทรศัพท์ บัญชีธนาคาร และระบบการเงินของไทยในการหลอกลวงทางออนไลน์ และเป็นช่องทางฟอกเงิน ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยที่ถูกมองว่าเป็นศูนย์กลางฟอกเงินสกปรกของแก๊งสแกมเมอร์ ฉะนั้นถึงเวลาที่รัฐบาลต้องเร่งจัดการให้เด็ดขาด.คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม
