อลหม่านหาหัวขบวนคนใหม่กะทันหัน พรรคเพื่อไทยนัดประชุมใหญ่วิสามัญ วันที่ 31 ต.ค.นี้ เลือกหัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ลาออกจากเก้าอี้ผู้นำพรรคสถานการณ์ที่ค่ายแดงหัวหมุน ยังหาชื่อคนที่เห็นแล้วร้องว้าว มาเป็นแม่ทัพคนใหม่ไม่เจอไร้ตัวเลือกในสต๊อก ไม่แคล้วคงได้หน้าเดิมๆวนเวียนสลับกันขึ้นมายืนหัวแถว มีแค่ นายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ กับ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่มีแต่รุ่นโบราณ กับรุ่นกลางเก่ากลางใหม่ ไม่ได้สะท้อนการปรับโฉม ยกเครื่องปฏิรูปพรรค ปั้นคนรุ่นใหม่ขึ้นมานำทัพ ทำได้แค่รีแบรนด์พรรคเฉพาะกิจ กันตระกูลชินวัตรเข้ามาผูกขาดอำนาจชั่วคราวภาวะฉุกเฉินที่พรรคเพื่อไทยต้องจัดทัพ ตั้งขบวนใหม่แต่เนิ่นๆเตรียมพร้อมลงสนามเลือกตั้งทุกนาที เพราะโปรแกรมเข้าคูหากาบัตรอาจร่นขึ้นมาเร็วขึ้น หาก “นายกฯหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ชิงประกาศยุบสภาก่อนวันที่ 31 ม.ค.2569 ตามไทม์ไลน์เดิมเพื่อไทยยังตั้งลำไม่ได้ วุ่นไม่รู้จบ หลังอำนาจหลุดมือแต่ที่อลเวง วุ่นวายพอกันคือ สถานการณ์รัฐบาล “นายกฯหนู” ที่โดนทัวร์ลงหนัก ขาดลูกเด็ดขาดกำราบแก๊งสแกมเมอร์กัมพูชา โดนปรามาสแค่ออกลูกขึงขังพอเป็นพิธีต่างจากแอ็กชันหลายประเทศที่ออกลูกดุดัน อาทิ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ที่ประกาศยึดทรัพย์นายเฉิน จื้อ นักธุรกิจเชื้อสายจีน-กัมพูชา ตัวการใหญ่การฟอกเงินในเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงคว่ำบาตรอาณาจักร Prince Group ธุรกิจนายเฉิน จื้อ ออกจากระบบการเงินของสหรัฐฯ และอังกฤษ2 มหาอำนาจโลก เล่นบทโหดขั้นเด็ดขาด ตัดเส้นทางการเงินเจ้าพ่อสแกมเมอร์ แหล่งท่อน้ำเลี้ยงใหญ่ ที่หล่อเลี้ยงอาชญากรรมออนไลน์ในกัมพูชาขณะที่รัฐบาลเกาหลีใต้ก็ส่งระดับรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ระดับสูงบินด่วนกรุงพนมเปญ กดดันรัฐบาลกัมพูชา เพื่อช่วยเหลือพลเมืองตัวเองที่ตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์นานาชาติร่วมอัดยาแรงล้างบางขบวนการโจรไซเบอร์ ผสมโรงไปกับพายุอารมณ์ประชาชนกดดันรัฐบาล “อนุทิน” ให้หายงัวเงีย ต้องตั้งแท่นปราบปรามแก๊งทุนเทาอย่างจริงจังสกัดก๊วนสแกมเมอร์กัมพูชาที่กำลังแตกรัง จ่อย้ายฐานเข้าสู่ประเทศไทยและเพื่อนบ้านใกล้เคียงตามอาการหวาดระแวงเป็นทุนเดิมของคนในสังคมที่คาใจมีนักการเมืองไทยเกี่ยวข้องอาชญากร สแกมเมอร์ คอยฉุดรั้งการกวาดล้างธุรกิจนอกรีตให้เร่งเครื่องไม่ขึ้นการรุกไล่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ถูกขยายผลจากประเด็นอาชญากรรมระหว่างประเทศ บานปลายเป็นเกมการเมืองแรงเขย่าขบวนการสแกมเมอร์ทำภูมิคุ้มกันรัฐบาลสีน้ำเงินเริ่มบกพร่องเอฟเฟกต์ไปตกใส่ นายวรภัค ธันยาวงษ์ ไขก๊อกจากเก้าอี้ รมช.คลัง หลังถูกพาดพิงมีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งสแกมเมอร์ข้ามชาติ จนเจ้าตัวต้องออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหา ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการหลอกลวง แต่ขอแสดงสปิริตลาออก เพื่อไม่ให้กลายเป็นเงื่อนไขกระทบประสิทธิภาพการทำงานของรัฐบาลปลดล็อกความกดดันไปได้ระดับหนึ่ง เซฟเสถียรภาพรัฐบาลไม่ให้สั่นคลอนหนักขึ้นแต่สถานีที่หนาวๆร้อนๆคิวถัดไป พุ่งเป้าไปที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ที่โดนหางเลขภาพถ่ายคู่กับเบน สมิธ อดีตที่ปรึกษาอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา อีกตัวการใหญ่ที่ถูกเชื่อมโยงกับเครือข่ายทุนสีเทาข้ามชาติแม้ “ผู้กองนัส” จะยืนยันความบริสุทธิ์ ปฏิเสธไม่มีความเชื่อมโยงกับเบน สมิธ แต่ยังวนลูปตกเป็นเป้าเขย่าไม่เลิก ถึงขั้นถูก นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เรียกร้องนายกฯให้ปลดออกจากเก้าอี้ใน ครม.ล่าสุดก็ยังมีชื่อถูกผูกโยงไปกับมูลนิธิกัน จอมพลัง ที่กำลังถูกตั้งข้อสงสัยเรื่องเงินบริจาคมูลธินิ สถานะพระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก อีนุงตุงนังไม่เลิกราแนวโน้มที่ต้องลุ้นหนักคือการเปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยหน้า ในเดือน ธ.ค.นี้ จะมีรายชื่อถูกขึ้นบัญชีดำยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่อย่างที่พรรคเพื่อไทยออกลูกข่ม เตรียมตั้งโต๊ะหารือ เปิดปฏิบัติการยื่นซักฟอกรัฐบาล ในการเปิดสภารอบหน้า ขณะที่พรรคประชาชนเตรียมใช้เงื่อนไขประเด็นเครือข่ายแก๊งสแกมเมอร์ประเทศเพื่อนบ้าน ตั้งแท่นไปสู่การซักฟอกรัฐบาลภูมิใจไทย เพื่อไทย-ประชาชน รุมล็อกเป้า รมต.สายล่อฟ้าให้เกมโอเว่อร์ในสภา วัดใจ “นายกฯหนู” บนสถานการณ์สุ่มเสี่ยง จะกล้าลุยไฟวัดดวงหรือเลือกชัตดาวน์รัฐบาล ประกาศยุบสภาเร็วกว่ากำหนด!!!ทีมข่าวการเมือง รายงานคลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม