แจ้งจับ “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง ปลอมลายเซ็นผู้อื่นไปยื่นจดทะเบียนมูลนิธิ หลังโดนเจ้าของลายมือชื่อตัวจริงเอาผิด ผวจ.นนทบุรี ในฐานะนายทะเบียนจังหวัดสั่งสอบพบปลอมจริง ทำให้เกิดความเสียหายเอกสารราชการสั่งนิติกรดำเนินคดี โทษหนักจำคุก 6 เดือนถึง 5 ปี และปรับ 10,000 ถึง 100,000 บาท จ่อลงดาบสองยุบมูลนิธิซ้ำ ตำรวจเตรียมออกหมายเรียกรับทราบข้อหาผู้ว่าฯนนทบุรีแจ้งจับ “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” ปลอมลายเซ็นผู้อื่นไปจดทะเบียนมูลนิธิเป็นหนึ่ง เตรียมยุบมูลนิธิทิ้งเปิดเผยเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 24 ต.ค.นายเสฎฐวุฒิ คีรีพอน นิติกรชำนาญการ ที่ทำการปกครองจังหวัดนนทบุรี รับมอบหมายอำนาจจากนายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผวจ.นนทบุรี เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.สมอาจ หมั่นอุตส่าห์ รอง ผกก. (สอบสวน) สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ให้ดำเนินคดี น.ส.ชลิดา พะละมาตย์หรือ “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง หลังถูก น.ส.วิไลลักษณ์ ไชยชาญ กรรมการมูลนิธิเป็นหนึ่งแจ้งความดำเนินคดีเมื่อวันที่ 19 ต.ค.2567 ในคดีอาญาที่ 760/2567 ว่า ถูก น.ส.ชลิดา หรือต้นอ้อ ปลอมลายมือชื่อไปยื่นขอจดทะเบียนมูลนิธิเป็นหนึ่งที่ว่าการอำเภอบางบัวทองโดยไม่ยินยอมต่อมาพนักงานสอบสวนเรียก น.ส.ชลิดาให้ปากคำยืนยันว่า ได้รับความยินยอมให้ใช้ลายมือชื่อของ น.ส.วิไลลักษณ์ ในการนำชื่อไปจดทะเบียนมูลนิธิเป็นหนึ่งเช่นกัน ทำให้ตำรวจต้องทำหนังสือถึงนายทะเบียนจังหวัดนนทบุรีว่า เจ้าหน้าที่ที่รับจดแจ้งทะเบียนมูลนิธิเป็นหนึ่งได้รับความเสียหายเกี่ยวกับการปลอมและใช้เอกสารหรือไม่ จากนั้นนายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผวจ.นนทบุรี ในฐานะนายทะเบียนจังหวัดนนทบุรี มอบหมายให้นิติกรชำนาญการปกครองจังหวัดตรวจสอบข้อเท็จจริงในการปลอมแปลงลายมือชื่อผู้อื่นมาจดทะเบียนมูลนิธิเป็นหนึ่ง พบว่ามีการนำลายเซ็นของผู้อื่นมาใช้จดทะเบียนโดยไม่ถูกต้องและไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของชื่อการกระทำดังกล่าวมีความผิดในทางอาญาฐานปลอมแปลงเอกสาร และยังมีโทษทางกฎหมายตามประเภทของเอกสารที่ถูกปลอมแปลง เช่น ปลอมเอกสารทั่วไป (มาตรา 264) มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากเป็นเอกสารสิทธิหรือเอกสารราชการ (มาตรา 265) จะมีโทษหนักขึ้นคือ จำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000 ถึง 100,000 บาท นอกจากนี้จากการตรวจสอบพบว่า มีการนำลายมือชื่อผู้อื่นมาใช้จดทะเบียนมูลนิธิจริง ผวจ.นนทบุรี ในฐานะนายทะเบียนจังหวัดนนทบุรีที่เป็นผู้เสียหายจากการแอบอ้างนำลายเซ็นชื่อผู้อื่นมาใช้จดทะเบียนมูลนิธิ จึงมอบหมายให้นิติกรดำเนินคดีกับ น.ส.ชลิดา อีกทั้งเตรียมยื่นร้องต่อศาลแขวงจังหวัดนนทบุรี เพื่อให้เพิกถอนใบทะเบียนของมูลนิธิเป็นหนึ่งด้าน พ.ต.อ.พฤฒ จำรูญศาสน์ ผกก.สภ.บางบัวทอง เปิดเผยว่า ภายหลังตำรวจรับแจ้งความจากฝ่ายนิติกรให้ดำเนินคดีบุคคลที่นำลายเซ็นปลอมของผู้อื่นมาใช้ยื่นจดทะเบียนมูลนิธิแล้ว พนักงานสอบสวนจะออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหาเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาในความผิดฐานปลอมลายมือชื่อ และใช้เอกสารปลอมในการยื่นจดทะเบียนมูลนิธิเป็นหนึ่ง ส่วนการเสนอยกเลิกทะเบียนมูลนิธิดังกล่าวเป็นอำนาจของ ผวจ.นนทบุรี ที่จะมอบหมายให้ฝ่ายนิติกรดำเนินการตามขั้นตอนอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่