ที่ประชุม สมัชชาสหภาพรัฐสภา (IPU) สมัยที่ 151 เพิ่งลงมติท่วมท้น 850 ต่อ 200 เสียง รับญัตติที่รัฐสภาไทยและชาติพันธมิตร ขอให้บรรจุเรื่อง “การปราบอาชญากรรม องค์กรและอาชญากรรมไซเบอร์” เป็นวาระเร่งด่วนในการประชุมปีนี้ เพื่อให้รัฐสภาทั่วโลกร่วมกันต่อต้านอาชญากรรมองค์กรข้ามชาติ อาชญากรรมไซเบอร์ และภัยคุกคามแบบผสมผสานต่อประชาธิปไตยและความมั่นคงของมนุษย์ ที่เมืองไทย คุณวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยคลัง ได้แถลงลาออกหลังจากที่ได้แถลงชี้แจงกรณีที่ถูกพาดพิงเกี่ยวกับขบวนการ สแกมเมอร์ โดยยืนยันถึงความสุจริตโปร่งใส ไม่เคยเกี่ยวข้องกับขบวนการทุจริตฉ้อโกง หรือเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติใดๆการแถลงลาออกครั้งนี้ คุณวรภัค เปิดเผยว่า ได้บอกกับนายกรัฐมนตรีแล้วคุณวรภัค แถลงยืนยันว่า ไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับกระบวนการหลอกลวงต้มตุ๋น หรือธุรกิจผิดกฎหมายใดๆทั้งสิ้น ไม่ว่าจะในประเทศกัมพูชาหรือประเทศอื่นใดทั้งสิ้น กรณีที่มีการเชื่อมโยง BIC Group และ BIC Bank Cambodia คุณวรภัค ชี้แจงว่า ส่วนตัวเคยพบกับผู้บริหาร BIC Bank ที่เป็นประธานกรรมการของธนาคารนี้ ชื่อ Mr.Leak Yim แต่ตนไม่เคยเป็นกรรมการ กรรมการบริหาร หรือที่ปรึกษาใดๆของ BIC Bank Cambodia ส่วน Mr.Benjamin Mauerberger ตนรู้จักเนื่องจากลูกเรียนอยู่ชั้นเดียวกันโรงเรียนเดียวกันในประเทศไทย แต่ไม่เคยทราบลึกๆว่าประกอบธุรกิจอะไรกรณี บล.ฟินันเซีย ไซรัส นั้น คุณวรภัค ชี้แจงว่า ได้เข้าซื้อหุ้น 29% ถูกต้องตามกฎหมายตลาดหลักทรัพย์และ ก.ล.ต. เป็นการซื้อกิจการในลักษณะ Management buy out ร่วมกับคุณช่วงชัย บล.ฟินันเซีย มีส่วนแบ่งเป็นอันดับสองในประเทศไทย รวมทั้ง บล.ฟินันซ่า ที่เป็นวาณิชธนกิจ ส่วนแรกใช้เงินกู้จาก Capital Asia Investment สิงคโปร์ ส่วนที่สองจาก BIC Bank Lao (นักธุรกิจลาวถือหุ้น 70% การไฟฟ้าลาวถือหุ้น 30%) จนปลายปี 2567 ตนได้ขายหุ้นทั้งหมดให้คุณช่วงชัย และลาออกจากทุกตำแหน่งในบริษัทคุณวรภัค กล่าวว่า “กระผมไม่เคยและไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทุจริต ฉ้อโกง หรือเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติใดๆ ชีวิตการทำงานกว่า 30 ปีของผม อยู่บนหลักการความสุจริต โปร่งใส และความรับผิดชอบต่อสังคม” จากสถานการณ์ที่ถูกใส่ร้ายป้ายสีด้วยข้อมูลเท็จ ทำให้จำเป็นต้องใช้เวลาและพลังในการดำเนินคดีทางกฎหมายกับผู้ไม่หวังดี ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภารกิจหลักในการขับเคลื่อนภารกิจของกระทรวงการคลัง ดังนั้น จึงตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยคลัง เพื่อไม่ให้เรื่องส่วนบุคคลกลายเป็นเงื่อนไขที่อาจกระทบต่อความคล่องตัวและประสิทธิภาพของรัฐบาลก่อนหน้านี้ นายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล ก็ถูกตั้งคำถามถึงความล่าช้าในการปราบปราม สแกมเมอร์เขมรกลุ่ม เฉิน จื้อ แถมยังไม่ค่อยตอบคำถามนักข่าวอีกด้วยกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ได้ประกาศ ยึด Bitcoin 127,271 บิทคอยน์ จากกระเป๋าเงินดิจิทัล เฉิน จื้อ มูลค่า 15,000 ล้านดอลลาร์ กว่า 490,000 ล้านบาท เมื่อ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา นายสก็อต เบสเซนท์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ยังได้ ประกาศแซงก์ชัน นายเฉิน จื้อ และองค์กรในเครือ Prince Group TCO 146 แห่ง รวมทั้ง Huione Group และ ตัดสองกลุ่มนี้ออกจากระบบการเงินสหรัฐฯ ทำให้ไม่สามารถทำธุรกรรมการเงินหรือโอนเงินในสหรัฐฯได้ และประกาศให้ Prince Group เป็น “องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ” ที่ทั่วโลกต้องช่วยกันกำจัดกระทรวงการคลังอังกฤษ ก็ร่วมมือกับ กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ดำเนินการ ยึดทรัพย์สิน เฉิน จื้อ และ Prince Group ในอังกฤษทั้งหมด และ ประกาศแซงก์ชัน เฉิน จื้อ และ Prince Group ตัดออกจากระบบการเงินอังกฤษ เช่นเดียวกับสหรัฐฯล่าสุดมีข่าวว่า สิงคโปร์ กำลังจะใช้มาตรการ ตัดขาดแก๊งสแกมเมอร์ออกจากระบบการเงินสิงคโปร์ ทำให้ไม่สามารถเข้าถึง บริการธนาคาร ธุรกรรมการเงินผ่านบัตรเครดิต บัตรเดบิต ตู้เอทีเอ็ม และบริการธนาคารทุกรูปแบบ มาตรการตัดออกระบบการเงินนี้ ผมเชื่อว่าเป็นวิธีปราบที่ได้ผลที่สุด สหรัฐฯ และอังกฤษทำมาแล้ว รัฐบาลเสี่ยหนูไม่ต้องคิดมาก ถ้าจะปราบจริง วิธีนี้ได้ผลที่สุด ไม่มีเงินก็จ้างผีโม่แป้งไม่ได้.“ลม เปลี่ยนทิศ”คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม