กรรมไล่ล่า...ยังไม่จบง่ายๆพัวพันอีกหลายเรื่อง “แพทองธาร ชินวัตร” จำเป็นต้องลาออกจากหัวหน้า “เพื่อไทย” เนื่องจากคดี “คลิปฉาว” ยังต่อเนื่องประเด็นฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรงจึงไม่สามารถลงนามรับรองผู้สมัคร สส.ของพรรคได้ ถึงขั้น จะต้องถูก “ยุบพรรค” เลยทีเดียวก็เลยบอกสังคมว่าต้องการยกเครื่อง “เพื่อไทย” ความจริง จนแต้มมากกว่า31 ต.ค.2568 จะมีการประชุมเพื่อเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ก็ต้องลุ้นกันแหละว่าจะเป็นใคร“สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” ผอ.เลือกตั้งคนใหม่ บอกว่าตนเองไม่รับตำแหน่งนี้ แต่ให้สเปกหัวหน้าคนใหม่เอาไว้ 3 แบบ1.เป็นคนใน2.เป็นคนรุ่นใหม่3.ไม่ใช่คนในตระกูล “ชินวัตร”ความจริงมีอีกข้อหนึ่งแต่ไม่ยอมพูดก็คือต้องไว้ใจได้ สั่งได้เป็นรูปแบบมาตรฐานที่ทำอย่างนี้มาตลอด ไม่ว่ายุคไหนสมัยไหนตั้งแต่ไทยรักไทย พลังประชาชนจนมาถึงเพื่อไทยจะยกเครื่องอย่างไรพรรคนี้ก็มี “เจ้าของ” คนเดิม!เพียงแต่ใช้วาทกรรมให้ดูดีมีราคาขึ้นมา คือพรรคนี้เป็นของ ทุกคนไม่ใช่ของตระกูล “ชินวัตร” ทุกคนมีสิทธิเสรีที่จะดำรงตำแหน่ง ไหนก็ตาม ขอให้มีความสามารถและได้รับเลือกจากสมาชิกพรรคแต่เพื่อให้มีความทันสมัยทันยุคก็ต้องเลือกคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถได้รับการยอมรับจากสังคมด้วยคงไม่ใช่แบบ “รุ่นใหม่แต่ขี้เท่อ”!ในสถานการณ์การเมืองใกล้เลือกตั้งอย่างนี้ทุกพรรคต่างก็เตรียมพร้อมเต็มที่ บางพรรคประกาศตัวผู้สมัครแล้ว บางพรรคก็ดูดเต็มที่ในตลาดการเมืองก็ต้องแย่งชิงเพื่อหาผู้สมัครที่ดีที่สุดมีโอกาส ชนะเลือกตั้งแต่บางพรรคก็กำลังเกิดปัญหาคือเลือดไหลออกอย่างเพื่อไทยเป็นตัวอย่าง มีทางเดียวคือต้องยอมรับความจริง“อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ ก็ยอมรับความจริงในข้อนี้ เนื่องจากได้มีการตกลงกันมาก่อนที่เขาจะคืนรัง จึงเข้าใจดีไม่มีปัญหาอะไรก็ต้องไปหาผู้สมัครคนใหม่ๆเข้ามาแทนแต่สำหรับ “เพื่อไทย” นั้น ปัญหาหนักกว่าทุกพรรคก็ว่าได้ เพราะเจ้าของพรรคตัวจริง “ทักษิณ ชินวัตร” ที่เป็นศูนย์รวมทุกอย่างก็ต้องติดคุก!ลูกสาวซึ่งหวังจะให้เป็นตัวแทนก็มีปัญหา ทำให้พรรคถึง จุดตกต่ำที่สุดจากนี้ไป นอกจากได้หัวหน้าพรรคคนใหม่แล้ว ก็ต้องดูว่าจะ “หล่อ” แค่ไหน จะเรียกเสียงเชียร์ในตลาดได้หรือไม่อีกส่วนหนึ่งก็คือแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้มีการวางตัวเอาไว้ 3 คน ที่ต้องชิงกันพอสมควร เพราะเป็นตำแหน่งสำคัญว่าไปก็พอจะมองเห็นหลังไวๆแล้วว่าเป็นใครบ้างเพราะตำแหน่งนี้มีความสำคัญต่อพรรคมาก เนื่องจากจะเป็น “จุดขาย” ในการเลือกตั้งที่ต้องแข่งกับพรรคการเมืองอื่นๆอย่าง “อนุทิน ชาญวีรกูล” แห่ง “ภูมิใจไทย” ที่เป็นตัวยืนอยู่“ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” แห่งพรรค “ประชาชน”ถ้าไม่เด่นไม่ดังพอก็ยอมรับความพ่ายแพ้ล่วงหน้าได้พูดง่ายๆทุกพรรคจะต้องมีความพร้อมครบเครื่องที่สุด!"สายล่อฟ้า"คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม