จับเจ้าพ่อเงินกู้ดอกโหดนครสวรรค์ จากลูกน้องเห็นช่อง “รวยเร็ว” ผันตัวมาปล่อยเอง...สารภาพทำมานานกว่า 1 ปี ข่าวนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา...มีการโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กโชว์รูปนามบัตรเงินทุน ซึ่งเป็นการโฆษณาให้บริการ เงินทุนด่วน...มีการชักชวนให้บุคคลทั่วไปเข้ามากู้เงิน ในวงเงินคนละตั้งแต่ 1,000-100,000 บาท คิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 20 ต่อ 24 วัน ซึ่งเป็นอัตราเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดเช่น ถ้าผู้กู้เงินในยอด 10,000 บาท ผู้กู้จะต้องชำระหนี้วันละ 500 บาท เป็นเวลา 24 วัน รวมเป็นเงิน 12,000 บาท พบมียอดเงินหมุนเวียนเดือนละกว่า 1 ล้านบาทโดยลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มพ่อค้า แม่ค้าและชาวรากหญ้าที่ต้องการใช้เงินด่วน หากสนใจกู้เงินจะมีทีมงานเข้าไปติดต่อ เพื่อถ่ายบัตรประชาชน ปักหมุดที่บ้านผู้กู้ และถ่ายภาพบ้าน ประกอบการพิจารณาโดยจะเน้นให้ที่อยู่ตามบัตรประชาชนตรงกับที่อยู่ตามบ้านที่ลูกค้าพักอาศัย เพื่อป้องกันการหลบหนีจากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การยอมรับว่า ได้ลักลอบปล่อยเงินกู้มานานกว่า 1 ปี โดยเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดจริง โดยก่อนหน้านี้เคยเป็นลูกทีมเก็บเงินกู้มาก่อน พบว่าให้ผลค่าตอบแทนดี และสร้างรายได้อย่างรวดเร็ว ประกอบกับรู้วิธีดำเนินการ จึงผันตัวมาทำเองตำรวจดำเนินคดีในความผิดฐาน “ออกเงินกู้เรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด, ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยหาซึ่งเงินทุนให้ผู้อื่นกู้ยืมโดยไม่ได้รับอนุญาต” วังวน “เงินกู้...ดอกเบี้ยโหด” เกิดขึ้นวนเวียนเวียนวนเป็นวัฏจักรเห็นทั้งที่เป็นข่าวและไม่เป็นข่าว หลายๆคนสงสัยเหตุไฉนรู้ทั้งรู้ (กู้แล้วดอกโหด)...แต่ไฉนยังเดินเข้าสู่กับดัก?เอาว่า...ปัญหา “เงินกู้นอกระบบ” หรือการถูกเรียกเก็บ “ดอกเบี้ยโหด” ถือเป็นโศกนาฏกรรมทางการเงินที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในสังคมไทย แม้จะมีคำเตือนจากภาครัฐและสื่อต่างๆตลอดเวลา แต่ผู้คนจำนวนมากก็ยังคงเลือกเดินเข้าสู่วังวนหนี้ที่ไม่รู้จบนี้ ผู้สันทัดกรณีการปล่อยกู้ สะท้อนมุมมองเอาไว้น่าสนใจ...คำตอบไม่ได้เรียบง่ายแค่ “ความไม่รู้” หากแต่ซ่อนอยู่ในความกดดันทางเศรษฐกิจ จิตวิทยาและโครงสร้างทางสังคมที่ซับซ้อน หนึ่ง...แรงบีบคั้นจาก “ความจำเป็นเร่งด่วน” สาเหตุหลักที่ผลักดันให้คนเข้าสู่หนี้นอกระบบคือความเร่งด่วนของปัญหา เมื่อชีวิตเผชิญกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่ต้องใช้เงินก้อนทันทีเช่น เจ็บป่วยฉุกเฉิน...ค่ารักษาพยาบาลที่ต้องจ่ายทันที, ค่าเทอมบุตรหลาน...ภาระการศึกษาที่รอไม่ได้, ถูกคุกคามทางอาชีพ...จำเป็นต้องใช้เงินกู้มาลงทุนหรือหมุนเวียนธุรกิจเล็กๆที่กำลังจะล้มต้องยอมรับว่า...ในสถานการณ์คับขันเช่นนี้เวลาคือสิ่งสำคัญที่สุด การไปกู้เงินในระบบธนาคารใช้เวลานาน มีขั้นตอนยุ่งยาก ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน หรือมีเอกสารแสดงรายได้ที่คนกลุ่มนี้มักไม่มี “เจ้าหนี้นอกระบบ” จึงกลายเป็นทางเลือกเดียวที่ตอบโจทย์... “ง่าย เร็ว และไม่ต้องมีเงื่อนไข”แม้จะรู้ว่าดอกเบี้ยจะโหดร้ายเพียงใด แต่วินาทีนั้นคือการแลกอนาคตทางการเงินกับการอยู่รอดในปัจจุบันสอง...กำแพงการเข้าถึงการเงินในระบบ คนส่วนใหญ่ที่ติดหนี้นอกระบบคือกลุ่ม “Unbanked” หรือ “Underbanked” คือผู้ที่ไม่มีหลักฐานรายได้ที่ชัดเจน เช่น พ่อค้าแม่ค้า หาบเร่แผงลอย หรืออาชีพอิสระที่ธนาคารไม่ยอมรับ...มีประวัติทางการเงินที่ไม่ดี (ติดเครดิตบูโร) เคยผิดนัดชำระหนี้ในอดีต...ทำให้ถูกปฏิเสธจากทุกสถาบันการเงินที่ถูกกฎหมาย สำหรับคนกลุ่มนี้สินเชื่อในระบบเปรียบเสมือน “ปราสาท” ที่มีกำแพงสูงเกินกว่าจะปีนข้ามได้ เมื่อถูกปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหันไปพึ่งพาผู้ให้กู้ที่พร้อมจะให้เงินได้ทันที โดยยอมรับความเสี่ยงเรื่องดอกเบี้ยที่ผิดกฎหมาย สาม... “ความหวัง” และ “การคำนวณที่ผิดพลาด” ในทางจิตวิทยาการเงิน ลูกหนี้จำนวนมากมักมีการคำนวณที่ผิดพลาด หรือมีอคติเชิงบวกเข้ามาเกี่ยวข้อง...เริ่มจากเชื่อมั่นเกินจริง พวกเขาคิดว่า... “เดี๋ยวได้เงินเดือนก็โปะคืนได้” หรือ “การค้าจะดีขึ้นในเดือนหน้า”ประเมินความสามารถชำระหนี้ตนเองสูงเกินจริง โฟกัสแค่ยอดรายวัน...เจ้าหนี้นอกระบบมักคิดดอกเบี้ยและเงินต้นรวมเป็นรายวัน...รายสัปดาห์ เช่น จ่ายวันละ 100 บาท ซึ่งดูเป็นจำนวนเงินที่น้อยและ “ดูเหมือนจ่ายไหว” ทำให้ลูกหนี้มองข้าม “อัตราดอกเบี้ยรายปี” ที่สูงถึงหลายร้อยเปอร์เซ็นต์ที่สำคัญคือ...ความสิ้นหวัง เมื่อไม่มีทางออกอื่น ความสิ้นหวังจะเข้ามาแทนที่การคิดอย่างมีเหตุผล ทำให้ยอมรับข้อเสนอใดๆ ก็ตามที่นำเงินมาให้ถึงมือนั่นเอง ท้ายที่สุดแล้วปฏิเสธไม่ได้เลยว่า...ปัญหา “เงินกู้ดอกเบี้ยโหด” เป็นอาการของความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและความรู้ทางการเงินที่ยังไม่ทั่วถึง...รายได้ไม่พอกับรายจ่าย การมีรายได้ต่ำเมื่อเทียบกับค่าครองชีพ ทำให้ไม่มีเงินเหลือเก็บเพื่อเป็นเงินสำรอง ฉุกเฉิน และ ขาดทักษะการเจรจา...การวางแผน“ลูกหนี้ขาดทักษะในการจัดการหนี้ การเจรจากับเจ้าหนี้ หรือการเข้าถึงหน่วยงานช่วยเหลือของรัฐอย่างถูกต้อง ตราบใดที่ช่องว่างระหว่าง...คนเข้าถึงทุนกับคนถูกกีดกันยังคงอยู่ และการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่ถูกกฎหมายยังคงเป็นเรื่องยากสำหรับผู้มีรายได้น้อย วังวนของดอกเบี้ยโหดก็จะยังคงหมุนต่อไป”การแก้ไขปัญหา “เงินกู้นอกระบบ” จำเป็นต้องผสานมาตรการ ทางกฎหมาย การสร้างกลไกทางการเงินที่ยืดหยุ่น เพื่อนำพาผู้คนจาก “ความมืด” ของหนี้นอกระบบมาสู่ “แสงสว่าง” ของระบบการเงินที่ยุติธรรมและเข้าถึงได้จริง ตัดวงจรฉกฉวยโอกาสจากความจำเป็นของผู้คนได้แบบเซฟทีคัท.คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม