กองทัพภาคที่ 1 น้อมรับสนองพระกระแสรับสั่ง สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ที่ทรงห่วงใยความปลอดภัยของทหารและประชาชนพื้นที่ชายแดน เร่งสำรวจจุดสร้างบังเกอร์และหลุมหลบภัยที่ จ.สระแก้ว เบื้องต้นก่อสร้างบังเกอร์ 10 แห่ง หลุมหลบภัย 2 แห่ง เป็นลำดับแรก “อนุทิน” ตอบสื่อก่อนเยือน สปป.ลาว วอนอย่าจี้ถามรายละเอียดปมสแกมเมอร์ โฆษกกองทัพอากาศโต้ “เฟกนิวส์กัมพูชา” โหน “สว.อังคณา” ไปขยายความ ยืนยันการใช้เครื่องบินเอฟ-16 โจมตีกัมพูชา เป็นปฏิบัติการบนพื้นฐานการป้องกันตนเอง ตามมาตรา 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ ด้านกองทัพบกแจงปมสื่อกัมพูชาบิดเบือนคำพูด “อังคณา” เรื่องเอฟ-16 ระบุไทยใช้เอฟ-16 โจมตีเฉพาะเป้าหมายทางทหาร ที่คุกคามทหารไทยและประชาชนผู้บริสุทธิ์ ประธานาธิบดี เกาหลีใต้ต่อสายตรงคุย “อนุทิน” ขณะเยือน สปป.ลาว ร่วมกันปราบสแกมเมอร์ในกัมพูชา ภายหลังจากสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรม พระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี พระราชทานพระวโรกาสให้ผู้บัญชาการทหารบกและคณะเข้าเฝ้าถวายรายงาน “โครงการสนับสนุนกองทุนหทัยทิพย์ กองทัพบก” ที่ทรงมีพระเมตตาและทรงห่วงใยในความปลอดภัยของทหารประชาชนในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 14 ต.ค. และได้มีพระกระแสรับสั่ง ให้กองทัพบกเร่งดำเนินการสนับสนุนการจัดสร้างหลุมบุคคลเป็นที่มั่นกำบัง (บังเกอร์) ของกำลังพลผู้ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยงและหลุมหลบภัยสำหรับประชาชนในพื้นที่ชายแดน เพื่อเสริมความมั่นคง ความปลอดภัยในห้วงแรก ผ่าน “กองทุนหทัยทิพย์” ภายใต้มูลนิธิจุฬาภรณ์ ที่เป็นกองทุนที่เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชนทั่วไปมีส่วนร่วมในการสนับสนุนความมั่นคงของชาติ สะท้อนให้เห็นถึงพลังแห่งความสามัคคีและจิตสำนึกความรักชาติของคนไทยทุกหมู่เหล่าในการนี้ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ผู้บัญชาการทหารบก มอบหมายให้ พล.ท.วรยส เหลืองสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 1/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 ลงพื้นที่ จ.สระแก้ว เมื่อวันที่ 16 ต.ค.ร่วมกับกองกำลังบูรพา ฝ่ายปกครอง ส่วนราชการท้องถิ่นและประชาชนในพื้นที่ชายแดน สำรวจและพิจารณาพื้นที่ที่เหมาะสมปลอดภัยในการจัดสร้างบังเกอร์และหลุมหลบภัยให้เป็นไปตามพระราชประสงค์ ทั้งนี้ กองกำลังบูรพาได้รับการสนับสนุนให้สร้างและปรับปรุงที่มั่นกำบัง ภายในฐานปฏิบัติการของหน่วยทหาร จำนวน 72 แห่ง จัดสร้างหลุมหลบภัยสำหรับประชาชน ขนาดความจุ 40 คน รวม 6 แห่ง ระยะแรกจะเร่งดำเนินการก่อสร้างบังเกอร์ 10 แห่ง หลุมหลบภัย 2 แห่ง เป็นลำดับแรกอีกด้านที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ เมื่อเช้าวันที่ 16 ต.ค.นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) อย่างเป็นทางการ ว่า ไปเพื่อกระชับสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ความร่วมมือที่ทั้งสองประ เทศมีอยู่ ทั้งด้านพลังงาน ความมั่นคง การค้า รวมถึงการแสวงหาความร่วมมือในการป้องกันปราบปรามยาเสพติด และการร่วมมือปราบปรามสแกมเมอร์เมื่อถามว่าประเทศไทยมีแนวทางที่จะไปเสนอเรื่องนี้หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ผู้สื่อข่าวต้องไม่ถามในรายละเอียดต้องถามในเรื่องของกรอบ ถามในเรื่องนโยบาย ถามรายละเอียดแบบนี้ไม่ได้หรอกครับ นายกฯไม่ได้รู้ทุกเรื่อง เมื่อถามถึงกำหนดการจะหารือทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี ที่เวียงจันทน์ นายอนุทินตอบว่า มีการนัดหมาย เป็นการหารือกันถึงการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปก ที่จะมีขึ้นหลังการประชุมอาเซียนซัมมิต ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการพูดคุยเรื่องของสแกมเมอร์หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่าเป็นเรื่องของ Current affair (เหตุการณ์หรือข่าวสารปัจจุบัน ที่มีความสำคัญและส่งผลกระทบต่อสังคม เศรษฐกิจ หรือการเมือง)ผู้สื่อข่าวถามว่าภาพรวมการปราบปรามสแกมเมอร์ ถือว่าดีใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ขณะนี้การพูดคุยในทุกด้าน มีความคืบหน้าไปในทางที่ดี เมื่อถามว่าจะสามารถกวาดล้างได้ใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า พอหยุดแล้วก็ลงรายละเอียดอีก ใจเย็นๆ เมื่อถามอีกว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า อาจมีนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์ทำให้การปราบปรามติดขัด นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่เคยมีติดขัด จริงๆแล้วเรามีการปราบปรามสแกมเมอร์อยู่แล้ว ตำรวจก็ดำเนินการอยู่ตลอด กระทรวงดิจิทัลฯ ก็ทำประจำไม่ได้ทำตามกระแสวันเดียวกัน สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้า จุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรี สวางควัฒนฯ เสด็จออก ณ ห้องประชุม ชั้น 11 อาคารอัครราชกุมารี รพ.จุฬาภรณ์ พระราชทานพระวโรกาสให้ พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดและคณะ เฝ้ารับพระราชทานพระนโยบายเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมกราบทูลรายงานถึงแนวทางการดำเนินงานด้านต่างๆ เพื่อสนับสนุนภารกิจสำคัญตามวัตถุประสงค์ของ “กองทุนหทัยทิพย์” ภายใต้มูลนิธิจุฬาภรณ์พล.อ.อุกฤษฎ์ กราบทูลรายงานถึงแผนการดำเนินงานของกองบัญชาการกองทัพไทย อาทิ แผนที่การสำรวจ และจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา กับจุดที่สามารถก่อสร้างรั้วชายแดนและขั้นตอนการดำเนินการแบบก่อสร้างรั้วชายแดน ถนนตรวจการณ์ บังเกอร์บุคคล แผนที่การสำรวจ การจัดทำหลักเขตแดนไทย-กัมพูชา ที่มีความยาวรวม 798 กม. นอกจากนี้ ยังได้ปักหลักเขตแดนไว้อีก 74 หลัก เริ่มจากหลักเขตแดนที่ 1 ที่ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ และปักหลักต่อไปทางทิศตะวันตกไป จ.สุรินทร์ บุรีรัมย์ สระแก้ว จันทบุรี สิ้นสุดที่หลักเขตแดนที่ 73 อ.คลองใหญ่ จ.ตราด หลักเขตแดนแต่ละหลักจะปักไปตามลักษณะภูมิประเทศตามธรรมชาติด้าน พล.อ.ท.จักรกฤษณ์ ธรรมวิชัย โฆษกกองทัพอากาศ ให้สัมภาษณ์ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน6 ดอนเมือง กทม. กรณีกัมพูชาออกเฟกนิวส์เกี่ยวกับปฏิบัติการทางทหารของไทยโจมตีฝ่ายกัมพูชาก่อนด้วยเครื่องบินเอฟ-16 ว่า ยืนยันการปะทะกันเมื่อวันที่ 24 ก.ค.มีการยิงจรวดหลายลำกล้อง BM-21 เข้ามาในพื้นที่ประเทศไทย ที่ จ.สุรินทร์ ก่อนส่งผลให้คนไทยเสียชีวิต 2 คน บาดเจ็บ 2 คน กองทัพอากาศที่สแตนด์บายเครื่องบินในการปฏิบัติภารกิจไว้ตั้งแต่เช้า จึงรับคำสั่งให้ตอบโต้ ส่งเครื่องบินเอฟ-16 ขึ้นโจมตีเป้าหมายทางทหารกัมพูชา ใช้ระเบิดที่มีความแม่นยำสูงเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อพลเรือนโฆษกกองทัพอากาศกล่าวอีกว่า กองทัพอากาศ ยืนยันว่า เป็นการปฏิบัติร่วมกันของกองทัพไทยซึ่งคงไว้เพื่อเอกราชและอธิปไตยไทย สำคัญที่สุดของวันนั้นเราต้องการปกป้องรักษาชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน แม้จะมีการโจมตีทางเป้าหมายแล้ว กัมพูชายังไม่หยุด ยังมีการยิงจรวดหลายลำกล้อง BM-21 และปืนใหญ่ใส่เป้าหมายที่เป็นพลเรือนของไทยต่อเนื่อง ต้องมีการปฏิบัติการทางอากาศอย่างต่อเนื่อง จนท้ายที่สุดการปฏิบัติการทางอากาศก็สิ้นสุดลงในคืนวันที่ 28 ก.ค. มีการหยุดยิงตามข้อตกลงของทั้งสองฝ่ายพล.อ.ท.จักรกฤษณ์กล่าวต่อว่า การออกข่าวชี้แจงและให้ข้อมูลครั้งนี้ ไม่ใช่การตอบโต้การที่นางอังคณา นีละไพจิตร สว. ออกมาให้ความเห็นการใช้เครื่องบินเอฟ-16 โจมตีกัมพูชา เพื่อตอบโต้การให้ข่าวเฟกนิวส์ของกัมพูชาที่ดิสเครดิตการปฏิบัติการกำลังทางอากาศของกองทัพไทย เพราะเอาข่าวของนางอังคณาไปขยายผล เป็นการยืนยันข้อเท็จจริงให้สื่อมวลชนและต่างประเทศว่า การปฏิบัติการของเราอยู่บนพื้นฐานการป้องกันตนเอง ตามมาตรา 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติไม่อยากให้เกิดความเข้าใจผิด เราเตรียมพร้อมตั้งแต่เกิดเหตุการณ์แล้วด้วยธรรมชาติกำลังทางอากาศที่มีความรวดเร็ว ทำให้สามารถตอบโต้ได้ทันต่อสถานการณ์ บนพื้นฐานของความถูกต้องเหมาะควร ไม่ได้ทำอะไรรุนแรงเกินกว่าเหตุ ตลอดช่วงที่เราโจมตีเราเลือกเป้าหมายทางทหารทั้งหมดด้าน พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงกรณีสื่อกัมพูชาเสนอข่าวว่า นางอังคณา นีละไพจิตร สว. ออกมายอมรับกับสื่อว่า ไทยใช้เครื่องบินขับไล่ F-16 ทิ้งระเบิด MK-84 โจมตีกัมพูชาก่อน เมื่อตรวจสอบพบว่าเป็นการนำคำพูดของนางอังคณา ที่กล่าวว่า “การใช้ F-16 ของไทยโจมตีกัมพูชา ก็ทำให้กัมพูชาได้รับความสูญเสียไม่น้อย” มาบิดเบือนสร้างข่าวให้เกิดความเข้าใจผิดในสังคม การใช้อากาศยาน F-16 สนับสนุนปฏิบัติการครั้งนั้นเพื่อเป็นการทำลายขีดความสามารถในการโจมตีจากฝั่งทหารกัมพูชา ในลักษณะที่สามารถควบคุม จำกัดวงความเสียหายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เน้นการทำลายเฉพาะเป้าหมายทางทหาร ที่ส่งผลคุกคามต่อกำลังทหารฝ่ายเราและประชาชนผู้บริสุทธิ์ ที่ถูกฝ่ายกัมพูชาโจมตีทำร้ายอย่างไร้มนุษยธรรม นับเป็นการละเมิดสิทธิในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนผู้บริสุทธิ์ การปฏิบัติการดังกล่าวมีความเป็นเหตุเป็นผลและอยู่ในกรอบของหลักสากลโฆษกกองทัพบกกล่าวอีกว่า การที่ฝ่ายกัมพูชาเผยแพร่ข่าวสารบิดเบือน หยิบเนื้อหาบางส่วนไปขยายความในมุมที่ตนเองได้ประโยชน์ หวังทำลายภาพลักษณ์ประเทศไทยในสายตานานาชาติ ถือเป็นสิ่งที่เคยเกิดขึ้นมาตลอด จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ สิ่งที่น่ากังวลคือ การที่คนไทยด้วยกันออกมาสื่อสารในลักษณะที่ข้อมูลไม่ครบถ้วนจากความไม่เข้าใจข้อเท็จจริงของสถานการณ์ หรือด้วยเจตนาส่วนบุคคล จนถูกฝ่ายกัมพูชาหยิบนำไปกล่าวอ้างเพื่อใช้ประโยชน์ เชื่อว่าพี่น้องประชาชนสามารถใช้วิจารณญาณในการพิจารณาข้อมูลข่าวสารได้ขณะที่ น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี โพสต์ภาพนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและ รมว. มหาดไทย กำลังสนทนาทางโทรศัพท์ กับนายอี แจ-มยอง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลีใต้ ระหว่างการเยือน สปป. ลาว พร้อมข้อความว่า ประเทศเกาหลีใต้ยินดีและสนใจที่จะลงทุนในประเทศไทย ขณะเดียวกันประเทศไทยยินดีให้ความร่วมมือกับเกาหลีใต้ เพื่อจัดการปัญหาขบวนการสแกมเมอร์ในประเทศกัมพูชาด้วยขณะเดียวกัน นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ภาพบรรยากาศการพูดคุยแลกเปลี่ยนระหว่างนายอนุทิน กับประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี ข้อความเขียนว่า บรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่น มีหลายประเด็นในการหารือโดยเฉพาะเรื่องความสัมพันธ์พหุภาคี นายกฯได้เน้นย้ำพร้อมแจ้งประธานาธิบดีสาธารณรัฐ เกาหลีใต้ตลอดการสนทนา เรื่องความร่วมมือในการปราบปรามสแกมเมอร์นายสิริพงศ์ยังเปิดเผยถึงนโยบายรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์และเครือข่ายสแกมเมอร์ ว่า นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ให้ความสำคัญสูงสุดกับเรื่องนี้ รัฐบาลส่งสัญญาณชัดเจนว่าไม่เพิกเฉยต่อปัญหานี้ นายกฯเลือกที่รับผิดชอบโดยตรงนั่งเป็นประธานบอร์ดปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ บูรณาการกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งติดตาม ตรวจสอบ ดำเนินคดีต่อเครือข่ายอาชญากรรมออนไลน์ทั้งในและนอกประเทศอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่