น้ำท่วมยังไม่คลี่คลาย ชาวพิจิตร 4 อำเภอริมน้ำยมจมทุกข์นานกว่า 2 เดือนแล้วนาข้าวกำลังตั้งท้องหลายพันไร่เสียหายยับ ชาวบ้านเดือดร้อนแสนสาหัสป่วยงอมแงมทั้งโรคตาแดงและน้ำกัดเท้า วอนหน่วยงานรัฐเหลียวแล ผวจ.สั่งเร่งสำรวจความเสียหายจ่ายเยียวยาก้อนแรก 9,000 บาท ลุ่มเจ้าพระยาระดับน้ำทรงตัวมีแนวโน้มดีขึ้น ชัยนาทระดมสูบน้ำเร่งระบายออกจากพื้นที่ สิงห์บุรียังอุดพนังรั่วไม่สำเร็จแถมเครื่องสูบน้ำเจ๊งอีก มวลน้ำทะลักจ่อจม 4 หมู่บ้านกว่า 700 หลัง ระทึกพายุงวงช้างซัดถล่มเขตรอยต่อ 2 จังหวัดปากน้ำ-แปดริ้ว บ้านพังหลังคาเปิดไป 9 หลัง ชาวบ้านหนีตายวุ่น โชคดีไม่มีใครได้รับอันตรายสถานการณ์น้ำท่วมหลายพื้นที่ยังไม่คลี่คลาย ชาวบ้านยังต้องทนทุกข์ทรมานแสนสาหัสอยู่กับน้ำที่ท่วมขังมานานหลายสัปดาห์แล้ว เมื่อวันที่ 13 ต.ค. ที่ จ.พิจิตร แม่น้ำยมที่ไหลผ่าน 4 อำเภอ ประกอบด้วย อ.สามง่าม อ.โพธิ์ประทับช้าง อ.บึงนาราง และ อ.โพทะเล ยังคงล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนและไร่นาของชาวบ้านที่อยู่ฝั่งขวาของแม่น้ำมานานกว่า 2 เดือนแล้ว โดยเฉพาะพื้นที่หมู่ 1, 2, 3, 4, 6, 7, 8 และหมู่ 11 ต.รังนก และ 10 หมู่บ้านของ ต.กำแพงดิน อ.สามง่าม นาข้าวหลายพันไร่ที่อยู่ระยะตั้งท้องได้รับความเสียหาย เช่นเดียวกับอีกหลายหมู่บ้าน และบริเวณชุมชนตลาดกลางไผ่ท่าโพ ต.ไผ่ท่าโพ อ.โพธิ์ประทับช้าง น้ำท่วมขังนานนับเดือนเช่นกัน ชาวบ้านเริ่มประสบปัญหาเกี่ยวกับโรคตาแดงและน้ำกัดเท้า ร้องขอหน่วยงานภาครัฐเข้าให้ความ ช่วยเหลือด้วยขณะที่ถนนสายไผ่ท่าโพ-เนินขวาง น้ำท่วม ระยะทางยาวหลายกิโลเมตร รถเล็กไม่สามารถสัญจรได้น.ส.ธนียา นัยพินิจ ผวจ.พิจิตร เผยว่า ได้เรียกประชุมคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ กรณีฉุกเฉินระดับจังหวัดพิจิตร ชี้แจงแนวทางการปฏิบัติงานเพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย เน้นย้ำเร่งสำรวจความเสียหายบ้านเรือนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 15 ต.ค. กรณีที่อยู่อาศัยประจำอยู่ในพื้นที่น้ำท่วม ดินถล่ม น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่งเกิน 7 วัน ให้ความช่วยเหลือครัวเรือนละ 9,000 บาทส่วนสถานการณ์น้ำลุ่มเจ้าพระยา ที่สถานีวัดน้ำ C2 อ.เมืองนครสวรรค์ ปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,639 ลบ.ม./วินาที ลดลงต่อเนื่อง เขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ระบายน้ำอยู่ที่ 2,300 ลบ.ม./วินาที ต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 มีปริมาณน้ำท้ายเขื่อนทรงตัว และคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ชาวบ้านกว่า 600 ครัวเรือนยังคงอาศัยอยู่ในเต็นท์และเพิงพักชั่วคราวริมถนนสายคันคลองมหาราช เนื่องจากน้ำยังท่วมบ้านและเริ่มส่งกลิ่นเน่าเหม็น ต้องรอให้น้ำลดลงก่อนนายมนตรี คุ้มเขตร์ นายกเทศมนตรีตำบลโพนางดำออก อ.สรรพยา เผยว่า ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนกว่า 1,300 ครัวเรือน ผลมาจากคันดินป้องกันน้ำพังทลายลงทำให้มวลน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาไหลเข้าท่วมพื้นที่อย่างรวดเร็ว ตอนนี้สถานการณ์ดีขึ้น สั่งการให้เจ้าหน้าที่เทศบาลเร่งลงพื้นที่ติดตั้งเครื่องสูบน้ำในบางจุดตลอดแนวถนนคันคลองมหาราช เพื่อเร่งระบายน้ำจากพื้นที่ที่ยังคงท่วมขัง ขณะเดียวกันได้เปิดลงทะเบียนขอรับเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจากรัฐบาลครอบครัวละ 9,000 บาท ที่ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย อ.สรรพยา จ.ชัยนาทจ.สิงห์บุรี หลังเกิดรูรั่วเป็นโพรงขนาดใหญ่ใต้พนังกั้นน้ำเจ้าพระยา บริเวณหลังวัดพระนอน หมู่ 1 บ้านบางพระนอน ต.ทับยา อ.อินทร์บุรี ตั้งแต่วันที่ 11 ต.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ระดมกำลังนำเครื่องจักรกลขนถุงบิ๊กแบ็กและตอกเสาเข็มขวางทางน้ำ แต่ยังไม่สำเร็จ กระแสน้ำกัดเซาะขยายวงกว้างมากขึ้น ต้องถมดินด้านหลังแนวเสาเข็มให้สูงเพื่อลดแรงดันน้ำก็ยังไม่สามารถอุดรูรั่วได้ ล่าสุดนายเชนร์ คนชาน ผญบ.หมู่ 1 ต.ทับยา แจ้งไลน์กลุ่มหมู่บ้านให้ชาวบ้านรีบขนย้ายข้าวของขึ้นที่สูงและเตรียมรับมวลน้ำที่จะไหลเข้ามาท่วมหมู่บ้านแล้ว หลังจากเมื่อคืนวันที่ 12 ต.ค. น้ำทะลุเข้ามาเพิ่มรุนแรงขึ้น ได้ประสานขอเครื่องสูบน้ำเพิ่มจากหลายหน่วยงานจนได้เครื่องสูบน้ำตัวใหญ่มา 2 เครื่อง แต่ปรากฏว่าเครื่องแรกเมื่อติดตั้งแล้วใช้ไม่ได้ ส่วนอีกเครื่องก็ดับตอนกลางดึก ทำให้น้ำไหลเข้ามากกว่าที่สูบออก น้ำเริ่มเข้าท่วมบ้านเรือนและถนนสายหลักของหมู่บ้านแล้ว ถ้ายังประคองน้ำให้บาลานซ์กันไม่ได้จะทำให้น้ำเข้าท่วมทั้งหมู่ 1, 2, 3 และหมู่ 4 ต.ทับยา รวม 4 หมู่บ้าน ทั้งหมดกว่า 700 หลังคาเรือนเกิดเหตุพายุงวงช้างซัดถล่มบริเวณพื้นที่รอยต่อ จ.สมุทรปราการ กับ จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อช่วงเย็นวันที่ 12 ต.ค. มีพายุฝนพัดกระหน่ำอย่างรุนแรงแล้วม้วนตัวเป็นงวงช้างขึ้นไปบนก้อนเมฆ แรงลมหอบเอาหลังคาฝาผนังบ้านเรือนประชาชนส่วนใหญ่เป็นกระเบื้อง สังกะสี และไม้ พัดลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าปลิวว่อนกระจัดกระจาย ชาวบ้านแตกตื่นตกใจพากันอุ้มลูกจูงหลานวิ่งหนีตายออกจากบ้านกันโกลาหล หลังเหตุการณ์สงบพบว่ามีบ้านเรือนพังเสียหายรวม 9 หลัง ประกอบด้วย 5 หลังในพื้นที่หมู่ 3 ต.เปร็ง อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ กับอีก 4 หลังในพื้นที่หมู่ 3 ต.เทพราช อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา หน่วยงานราชการลงพื้นที่มอบเครื่องอุปโภคบริโภคบรรเทาทุกข์ พร้อมสำรวจความเสียหายเพื่อให้การช่วยเหลือเยียวยาตามขั้นตอนต่อไปกรมอุตุนิยมวิทยาคาดหมายสภาพอากาศช่วงวันที่ 14-16 ต.ค. ประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง เนื่องจากมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันออกเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก อ่าวไทยตอนบน ภาคกลาง และภาคเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และภาคใต้ ส่วนช่วงวันที่ 17-19 ต.ค. ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพฯและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ตอนล่าง และอ่าวไทยตอนล่างอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่