นายกฯเผยเตรียมรื้ออาคารใหม่ สน.สามเสน มูลค่า 40 ล้าน หลังลงพื้นที่พบเสาเข็มหักเพิ่ม ผบ.ตร.ระบุ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมประเมินตรงกัน อันตรายต่อการใช้งานในอนาคต โดย รฟม.และผู้ก่อสร้างจะต้องรับผิดชอบการก่อสร้างอาคารใหม่รวมทั้งค่าเช่าสถานที่ สน.เพิ่ม ผู้ว่าฯชัชชาติแจงเริ่มรื้อถอนวันนี้ ย้ำซ่อมไม่คุ้มสร้างใหม่ รับเลื่อนเปิดผิวจราจรไม่มีกำหนด เน้นความปลอดภัยไว้ก่อน พร้อมกำหนด 6 มาตรการเร่งด่วนควบคู่ประเมินความมั่นคงอาคารโดยรอบ ขณะที่ตัวแทนบริษัทที่ปรึกษาคุมงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีม่วงใต้ ชี้หากอาคารโรงพักถล่มลงไปในหลุมจะมีความเสียหายร้ายแรง เพราะจะกระทบถึงอุโมงค์รถไฟฟ้าด้วยกรณีถนนสามเสนทรุดตัวเป็นหลุมยักษ์หน้า รพ.วชิรพยาบาล สาเหตุจากการสไลด์ของดินในโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีม่วงใต้ รฟม.แจงการถมทรายอุดหลุมยุบถนนสามเสนยังเป็นไปตามแผน พร้อมติดกล้องเฝ้าระวังการสั่นสะเทือนอาคารโดยรอบโดยเฉพาะอาคารใหม่ สน.สามเสน ที่ดินสไลด์หายไปจนเห็นเสาเข็มที่คอยรับน้ำหนักค้ำยันไว้ ล่าสุดผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมประเมินตรงกันต้องรื้อถอนอาคารใหม่ สน.สามเสน มูลค่า 40 ล้านบาททั้งนี้ เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 4 ต.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงประเด็นอาคาร สน.สามเสนหลังใหม่ว่า จากการประเมินตัวอาคารไม่มีความปลอดภัย ต้องรื้อออกและสร้างขึ้นใหม่ เป็นความรับผิดชอบของเจ้าของงาน จากนี้กรมโยธาธิการและผังเมือง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเข้าไปตรวจสอบโครงสร้าง เพราะมีเสาเข็มขาดเพิ่ม จากการพิจารณาด้วยสายตาตนเมื่อคืนวันที่ 3 ต.ค. ขณะลงพื้นที่เห็นด้วยที่จะต้องรื้อถอนเพราะตำรวจควรจะมีที่ทำงานใหม่ เนื่องจากตัวอาคารเริ่มหลุดจากศูนย์กลางโครงสร้าง คงไม่ปล่อยให้คนเข้าไปทำงานในอาคารหลังนี้แน่นอน ได้คุยเบื้องต้นกับ รฟม. ผู้รับจ้างหน่วยงานทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง อาคารเสียสมดุลประกอบกับอาคารขนาดเล็ก เสาเข็มไม่ได้เตรียมไว้ให้ใหญ่ไม่ได้มีฐานอาคารที่ใหญ่ ทางที่ดีที่สุดคือสร้างใหม่ ดำเนินการให้เร็วที่สุดด้าน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. กล่าวว่า จากการประเมินของผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมมีความเห็นตรงกันว่ารอยร้าวที่เกิดขึ้นและโครงสร้างที่เกิดความเสียหายเป็นอันตรายต่อผู้ที่จะใช้งานในอนาคต ฉะนั้น การสร้างใหม่เป็นแนวทางที่เห็นสมควรมากที่สุด อย่างไรก็ตาม เรื่องของการรับผิดชอบส่วนของ รฟม.และผู้ก่อสร้างจะต้องรับผิดชอบในการก่อสร้างอาคารใหม่รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการเช่าสถานที่ สน.เพิ่มเติม ทั้งนี้ยังไม่พบข้อบ่งชี้ของแฟลตตำรวจหลัง สน.ว่าจะต้องทุบสร้างใหม่ เบื้องต้นประเมินว่าอาคารที่ต้องแก้ไขเร่งด่วนคืออาคาร สน.เท่านั้น พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. กล่าวว่า ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ที่นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ไปตรวจสอบพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และรับฟังรายงานจากตำรวจในพื้นที่ระบุว่ามีเสาเข็มหักเพิ่มจาก 3 ต้น เป็น 4 ต้น ขณะนี้วิศวกรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างหารือกัน มีความเป็นไปได้ที่จะต้องรื้อถอนโดยเร่งด่วน โดยยึดเรื่องความปลอดภัยต่อมาเวลา 10.20 น. ที่ รพ.วชิรพยาบาล นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. เผยว่า หลังจากเมื่อคืนนี้ นายกรัฐมนตรีได้มาเยี่ยม มีข้อสั่งการให้ดูเรื่องสถานีตำรวจให้ดีเพราะมีการทรุดตัวเพิ่มขึ้น เมื่อเช้ามีการประชุม โดยเป็นคณะกรรมการที่ตั้งมาเสริม เป็นกลุ่มที่มีคณะทำงานด้านเทคนิคทั้งทางตำรวจ รฟม. กรมโยธาฯ และ กทม. รวมถึงผู้รับเหมา ที่ผ่านมาถมทรายเข้าไปประมาณ 3,000 ลูกบาศก์เมตร และพยายามทำเข็มเพิ่มเติมตรงเสาเข็มที่ขาด แต่มีบางส่วนที่มีรอยร้าวมีดินสไลด์ โดยเสาต้นที่ 3 ของสถานีตำรวจเสียหายเพิ่ม ทำให้เริ่มประเมินกันใหม่ เมื่อเช้าประเมินจากฝ่ายเทคนิคคิดว่าถ้าไม่รื้อถอนตอนนี้จะมีอุปสรรคในการเอาดินกลับคืน มีความเสี่ยงที่ตึกจะถล่มระหว่างการแก้ไข ตำรวจไม่ขัดข้อง ค่าใช้จ่ายทั้งหมด รฟม.และผู้รับเหมาจะเป็นผู้รับผิดชอบรวมมูลค่ากว่า 40 ล้านบาทนายชัชชาติกล่าวต่อว่า มีการสั่งการ 6 ประเด็น คือ 1.ให้นำรถออกจาก สน.สามเสนรวมประมาณ 30 คัน และเริ่มเจาะกำแพงด้านหลังอาคาร 2.เริ่มรื้อถอนอาคารบางส่วน โดยจะเริ่มส่วนขวาสุดที่เป็นจุดเสี่ยงเพื่อลดน้ำหนัก 3.เสริมความมั่นคงด้านฝั่งสามเสนที่ติดกับแยกวชิระ ไม่ให้ดินสไลด์ตัวเพิ่ม 4.เสริมความแข็งแรงของอุโมงค์ใต้ดินด้านล่าง 5.ติดตามประเมินความมั่นคงของแฟลตตำรวจ6.ติดตามความมั่นคงของอาคาร รพ.วชิระ ทั้ง 6 กระบวนการนี้เริ่มได้เลยตั้งแต่เช้าวันนี้ ส่วนกำหนดการแล้วเสร็จอาจจะคลาดเคลื่อนยังไม่ได้ระบุวันเวลา แต่เน้นว่าจะต้องยึดความปลอดภัยเป็นหลัก รวมทั้งจะต้องขยายเวลาเปิดผิวจราจรจากเดิมวันที่ 9 ต.ค. ออกไปอย่างไม่มีกำหนด สาเหตุในการรื้อครั้งนี้ เป็นเพราะเริ่มแรกที่หลุมยุบทำให้ดินสไลด์ส่งผลให้เสาต้นที่ 5 ของ สน.ชำรุด ซึ่งเป็นเสาหลักรับน้ำหนัก และดินสไลด์ทำให้มีความเสียหายต่อเนื่องเพิ่มเติมมายังเสาที่ 3 ไม่ได้เกิดจากการที่คนงานนำเครื่องจักรไปถมทรายใต้ สน. ทั้งนี้ จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้มีมติสั่งรื้อตั้งแต่ข้างบนบางส่วนก่อนลงมา เพื่อให้ลดน้ำหนักนายชัชชาติกล่าวอีกว่า วิธีรื้อถอนจะแยกเป็นชิ้นๆใส่รถ ขนออกไปยังพื้นที่ที่รองรับไว้ จะไม่เก็บวัสดุไว้ในพื้นที่ แต่ต้องใช้เวลาเพื่อความปลอดภัย ตามหลักวิศวกรรมแล้วในอนาคตมีโอกาสรื้อทั้งอาคาร สน. เพราะอาคารนี้ถือเป็นอาคารใหม่ ความเสียหายที่บิดเบี้ยว ไม่สามารถใช้งานต่อได้ งบประมาณซ่อมอาจจะมากกว่าที่ต้องสร้างใหม่ ส่วนอาคารอื่นๆโดยรอบตอนนี้มีความปลอดภัย อย่างกรณีแฟลตตำรวจเก่าที่อยู่ด้านหลัง รวมทั้งบ้านเรือนประชาชนที่เป็นอาคารพาณิชย์ โดยเฉพาะ รพ.วชิระ ไม่มีการเคลื่อนไหวตั้งแต่วันแรก เนื่องจากมีอุปกรณ์เฝ้าระวังอยู่ตลอด แต่ในส่วนของอาคารพาณิชย์และแฟลตรวมทั้งอุโมงค์ใต้ดินจะต้องมอนิเตอร์อยู่ตลอด สำหรับหน้างานในเวลานี้แม้จะมีฝนตกหนักลงมาก็ไม่ได้เป็นอุปสรรค เนื่องจากเตรียมเครื่องสูบน้ำไว้รองรับเพียงพอต่อการระบายน้ำต่อมาเวลา 12.30 น. นายสุริยชัย รวิวรรณ ผอ.สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ชี้แจงว่า สาเหตุความเสียหายเกิดจากดินสไลด์ต่อเนื่องที่ส่งผลกระทบต่อเสาเข็ม เริ่มจากเสาต้นที่ 5 หรือเสาริมสุดพังทลาย ก่อนลุกลามมาถึงเสาต้นที่ 3 จนชำรุด ช่วงเวลา 12.00 น. เจ้าหน้าที่เริ่มเคลื่อนย้ายรถยนต์กว่า 10 คัน และรถ จยย.อีกกว่า 60 คัน ที่จอดค้างอยู่ใต้ สน.สามเสน และแฟลตด้านหลังออกจากพื้นที่ ช่วงเย็นนี้หรือพรุ่งนี้จะใช้หุ่นยนต์เข้าตัดชิ้นส่วนอาคาร เพื่อลดแรงสั่นสะเทือน เตรียมตัดชิ้นส่วนของอาคารออก เพื่อลดน้ำหนักของตัวอาคาร ก่อนเข้าสู่ในขั้นตอนการรื้อถอนต่อไป ขณะที่หน้างานยังมีน้ำท่วมขังเกือบเต็มพื้นที่ แต่ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าแรงดันน้ำช่วยค้ำยันให้ดินมีความแข็งแรงขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะทางแยกวชิระ ทุกขั้นตอนต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังสูงสุด ความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่และประชาชนเป็นสิ่งสำคัญที่สุดกระทั่งเวลา 14.40 น. นายทินกร โรจนธารา ตัวแทนบริษัทที่ปรึกษาคุมงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีม่วงใต้ สถานีวชิรพยาบาลเผยกับสื่อมวลชนหลังนำลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการรื้อถอนอาคาร (สน.) สามเสน นายทินกรกล่าวว่า หลังช่วงเช้าเจ้าหน้าที่เคลื่อนย้ายรถยนต์ 29 คัน และรถจักรยานยนต์อีก 62 คันออกจากพื้นที่ สน. ขั้นตอนขณะนี้คือใช้เลื่อยชนิดโซ่ตัดฟุตติ้งของเสาเข็มมุมอาคารฝั่งขวา (เมื่อหันหน้าเข้า สน.) ออก เนื่องจากชิ้นส่วนดังกล่าวเป็นตัวถ่วงน้ำหนักอาคารทั้งหมดแทนที่เสาเข็มที่ขาดไปตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุ (24 ก.ย.) นายทินกรกล่าวต่อว่า หลังจากที่เมื่อคืนนี้ (3 ต.ค.) เกิดฝนตกหนักจนดินเกิดการเคลื่อนตัวส่งผลให้อาคาร สน. มีความลาดเอียงเพิ่มขึ้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประชุมร่วมกันและได้ข้อยุติคือ ต้องรื้อถอนอาคารบางส่วนออก โดยขั้นตอนรื้อถอนเป็นการทำทีละส่วนเริ่มจากลดน้ำหนักโดยรวมของอาคาร จากนั้นตัดชิ้นส่วนอาคารจากชั้นบนสุดไล่ลงมาจนถึงชั้นล่าง เมื่อตัดแล้วใช้เครนคีบแต่ละส่วนออก ชิ้นส่วนอาคารที่จะตัด เป็นกำแพง พื้น โครงสร้างประกอบต่างๆ เหลือไว้เฉพาะคานและเสาหลักของอาคาร เหตุผลที่ใช้โซ่เลื่อยเพื่อลดแรงสั่นสะเทือนของโครง สร้างส่วนอื่นๆ ทั้งนี้ ยืนยันว่าความเสียหายเกิดขึ้นเฉพาะอาคาร สน. ในส่วนของอาคารที่พัก (แฟลต) ยังไม่ปรากฏความเสียหาย คาดว่าเพราะด้านหลังอาคาร สน. มีเสาเข็มจำนวนมากที่แข็งแรงจึงป้องกันความเสียหายอาคารที่อยู่ถัดไปนายทินกรกล่าวด้วยว่า ตอนนี้ไม่มีคนงานลงไปทำงานในหลุมที่ยุบเพราะกลัว สน. ถล่ม ฉะนั้นต้องแก้ปัญหาที่ตัว สน. ต้องลดน้ำหนักของอาคารให้ได้มากที่สุด ยืนยันความปลอดภัยต้องมาก่อน ทั้งนี้ หากอาคาร สน. ถล่มลงไปในหลุมจะเกิดความเสียหายร้ายแรงเพราะจะกระทบไปถึงอุโมงค์รถไฟฟ้าแม้จะมีทรายถมลงไปในหลุมแล้ว ในส่วนการฟื้นฟูถนนสามเสนยืนยันว่าไม่จำเป็นต้องรอให้การรื้อถอนอาคาร สน. ทำเสร็จ แต่ในระหว่างที่รื้ออาคารดังกล่าวจะติดตั้งเครื่องมือวัดการลาดเอียงของอาคารด้วยอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่