สุโขทัยยังระทม น้ำทะลักท่วมถนน-วัดสูง กว่า 1 เมตร พระเณรต้องพายเรือออกบิณฑบาต ส่วนลำปางเจอฝนถล่มหนักน้ำท่วมบ้านและรถเก๋งจมครึ่งคัน ขณะที่ตลาดหล่มสัก เมืองมะขามหวานน้ำลด หลังเจ้าหน้าที่นำแบริเออร์และบิ๊กแบ็กซ่อมพนังกั้นน้ำแม่น้ำป่าสัก ด้านรองเลขาฯ สทนช.ตรวจน้ำเขื่อนเจ้าพระยา ให้คำมั่นคนท้ายเขื่อนยังไม่มีแผนระบายน้ำถึง 2,500 ลบ.ม./ วินาที ตามที่วิตกกังวล กรมอุตุฯเตือนไต้ฝุ่น “รากาซา” จ่อเข้าเวียดนาม ทำไทยฝนตกมากขึ้นน้ำท่วมหลายพื้นที่ยังน่าห่วง เมื่อวันที่ 21 ก.ย.ที่ จ.สุโขทัย ยังมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้น้ำในคลองแม่รำพันและทุ่งทะเลหลวงไหลบ่าท่วมบ้านหางคลอง หมู่ 5 ต.บ้านกล้วย อ.เมืองสุโขทัย ถนนทางเข้าหมู่บ้าน โดยเฉพาะทางเข้าวัดพลายชุมพลน้ำสูงกว่า 1 เมตร พระและสามเณรต้องพายเรือเข้าออกวัดไปบิณฑบาต ส่วนคอกวัวอภัยทานที่วัดสร้างไว้ให้วัวที่ชาวบ้านไถ่ชีวิตนำมาถวายวัดถูกน้ำท่วมสูงไม่สามารถนำวัวเข้าไปเลี้ยงในคอกได้ พระต้องย้ายหนีน้ำไปไว้บนโคกและจัดหาหญ้าจากที่อื่นมาให้วัว เนื่องจากทุ่งหญ้าที่เคยนำวัวไปปล่อยเลี้ยงถูกน้ำท่วมหมดจ.ลำปาง เกิดฝนตกหนักช่วงกลางดึกนานหลายชั่วโมง ส่งผลให้น้ำป่าไหลท่วมบ้านทุ่งกู่ด้าย ต.ปงแสนทอง อ.เมืองลำปาง น้ำสูงเกือบ 1 เมตร ข้าวของเครื่องใช้ไฟฟ้าและรถเก๋งที่จอดอยู่ข้างบ้านจมน้ำกว่าครึ่งคัน ถนนทางเข้าหมู่บ้านน้ำสูงเกือบ 30 ซม. ชาวบ้านผู้ประสบภัยเผยว่า ปกติเวลาฝนตกหนักมักถูกน้ำท่วมเป็นประจำ สาเหตุมาจากสิ่งปลูกสร้างภาคเอกชนขวางทางน้ำ เคยร้องเรียนไปหน่วยงานต่างๆ แต่ไม่ได้รับการแก้ไข ทำได้แค่มาสูบน้ำออกเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเท่านั้น ชาวบ้านอยากได้แนวทางการแก้ปัญหาในระยะยาวมากกว่าส่วนที่ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ผลกระทบจากพนังกั้นแม่น้ำป่าสักถูกน้ำเซาะพังทลายเข้าท่วมบ้านเรือน เขตเทศบาลเมืองหล่มสัก และพื้นที่เศรษฐกิจในตลาดหล่มสักทั้งสองแห่งได้รับความเสียหายทำให้พ่อค้าแม่ค้าต้องหอบหิ้วสินค้ามาวางขายกันริมถนนสายสระบุรี-หล่มสักระยะทางยาวกว่า 1 กม. ล่าสุดเจ้าหน้าที่นำแบริเออร์คอนกรีตและบิ๊กแบ็กวางกั้นจุด ที่พนังแตก ทำให้น้ำค่อยๆลดลงเรื่อยๆ คาดว่าหากฝนไม่ตกลงมาเพิ่มสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติขณะที่พ่อค้าแม่ค้าตลาดหล่มสักกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า หลังน้ำลดยังเข้าไปขายของไม่ได้ คงต้อง รอล้างทำความสะอาดตลาดอย่างน้อยอีก 2-3 วัน ยอมรับว่าแม่น้ำป่าสักจะล้นพนังกั้นน้ำท่วมทุกปี แต่ไม่มากเหมือนในปีนี้ พ่อค้าแม่ค้าและชาวบ้านต่างสงสัยว่าทำไมเทศบาลไม่ยอมสร้างพนังกั้นน้ำให้สูงและแข็งแรงขึ้น บางกระแสวิจารณ์ว่าการสร้างพนังสูงจะทำให้บดบังวิวแม่น้ำป่าสักและตลาดน้ำไทหล่มที่จัดช่วงฤดูหนาว แต่การได้วิวสวยไม่คุ้มค่ากับความเสียหายที่เกิดจากน้ำท่วม ดังนั้น หากไม่อยากให้เกิดน้ำท่วมซ้ำซากต้องสร้างพนังกั้นน้ำให้สูงและแข็งแรงกว่านี้ที่สำนักชลประทานที่ 12 อ.สรรพยา จ.ชัยนาท นายไพฑูลย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) นำคณะลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยา และดูผลกระทบจากการระบายน้ำลงท้ายเขื่อนเจ้าพระยา เพื่อบริหารจัดการน้ำช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของชาวบ้านริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา 11 จังหวัด มีนายวัชระ ไกรสัย ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 12 รายงานสถานการณ์น้ำ ปัจจุบันน้ำไหลผ่านสถานี C.2 อ.เมืองนครสวรรค์ที่ 2,246 ลบ.ม./วินาที ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยาตรึงการระบายน้ำที่ 2,200 ลบ.ม./วินาที เป็นวันที่ 5 ระดับน้ำท้ายเขื่อนอยู่ที่ 15.23 ม.รทก. ต่ำกว่าตลิ่ง 1.11 เมตร ส่วนระดับน้ำเหนือเขื่อนอยู่ที่ 15.74 ม.รทก.นายไพฑูลย์เปิดเผยว่า เขื่อนเจ้าพระยาเป็นกุญแจสำคัญในการผันน้ำลุ่มเจ้าพระยา ตอนนี้ตรึงการระบายที่ 2,200 ลบ.ม./วินาที เพื่อลดความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนอย่างมากที่สุด เขื่อนเจ้าพระยาเป็นเขื่อนทดน้ำไม่ใช่เขื่อนกักเก็บ ต้องควบคุมปริมาณน้ำให้อยู่ที่ 15.50 ม.รทก. ป้องกันไม่ให้น้ำท่วมหนักเหมือนปีมหาอุทกภัย หลายคนสงสัยว่าการระบายน้ำของเขื่อนเจ้าพระยาจะระบายถึง 2,500 ลบ.ม./วินาทีหรือไม่ ถ้าดูจากปริมาณน้ำ 7 วันล่วงหน้า การระบายน้ำไม่น่าจะถึงตามที่ได้ประกาศไปรองเลขาฯ สทนช.กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ต้องดูว่าในช่วงสิ้นเดือนนี้ หลังจากที่มีทั้งพายุหมายเลข 17 พายุมิแทก และพายุหมายเลข 18 พายุรากาซา แม้จะไม่มีผลกระทบกับไทยโดยตรง แต่เนื่องจากความแรงของพายุทั้ง 2 หมายเลข อาจมีโอกาสที่จะทำให้ร่องมรสุมแรงขึ้น ฝนอาจจะตกมากขึ้น น้ำจะมาเติมเพิ่ม แต่เป็นการคาดการณ์เพื่อป้องกันเท่านั้น ถามว่ามีแนวโน้มหรือไม่ คิดว่าน่าจะยังไม่มีการระบายถึง 2,500 ลบ.ม./วินาทีและมีโอกาสน้อย เขื่อนต่างๆก็ยังระบายตามแผนของกรมชลประทาน แต่ถ้ามีการระบายน้ำเพิ่มจะแจ้งเตือนประชาชนก่อนอย่างแน่นอนจ.พระนครศรีอยุธยา ผลพวงจากการปล่อยน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาในอัตรา 2,200 ลบ.ม./วินาที ทำให้น้ำท่วมขยายวงกว้างเป็น 8 อำเภอ ได้แก่ บางบาล เสนา ผักไห่ บางไทร บางปะอิน พระนครศรีอยุธยา มหาราช และบางปะหัน ครอบคลุมพื้นที่ 103 ตำบล 626 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบจำนวน 31,227 ครัวเรือน น้ำท่วมมัสยิด 1 แห่ง วัด 19 แห่ง ถนน 21 สาย สถานที่ราชการ 6 แห่ง โรงเรียน 14 แห่ง หนักสุดคือโรงเรียนวัดตะกู ต.วัดตะกู อ.บางบาล ต้องปิดการเรียนการสอนชั่วคราว 1 แห่งขณะที่กรมชลประทานออกประกาศแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำในแม่น้ำป่าสักว่า เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี ปรับเพิ่มระบายน้ำเป็น 450-500 ลบ.ม./วินาทีเพื่อรับปริมาณน้ำ ทำให้เขื่อนพระราม 6 อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ต้องระบายน้ำลงท้ายเขื่อนในอัตรา 450-550 ลบ.ม./วินาที ระหว่างวันที่ 20-23 ก.ย. การระบายน้ำดังกล่าวจะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันราว 1.30 เมตร อยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวังวิกฤติ มวลน้ำจากแม่น้ำป่าสักที่ไหลบรรจบกับแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณสามแยกแม่น้ำหน้าวัดพนัญเชิงวรวิหาร จ.พระนครศรีอยุธยา เกิดกระแสน้ำวนเชี่ยวแรง เรือยนต์ลากจูงเรือบรรทุกสินค้าจำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้น ลดเรือบรรทุกสินค้าและเพิ่มเรือยนต์ลากจูงเป็น 5 ลำ เพื่อความปลอดภัยนายพีรธร นาคสุข ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาอยุธยา กล่าวว่า หากเขื่อนเจ้าพระยาปรับเพิ่มการระบายน้ำเกิน 2,500 ลบ.ม./วินาที จะสั่งหยุดการจราจรทางน้ำและงดการขนส่งเพื่อความปลอดภัย พร้อมกำชับให้เรือลากจูงในแม่น้ำเจ้าพระยาใช้ความระมัดระวัง โดยปรับรูปแบบการเดินเรือใหม่ ขาขึ้นให้เหลือ 3 พ่วง ส่วนขาล่องเป็นเรือเบาเพื่อหลีกกัน ส่วนการควบคุมการจราจรทางน้ำ เจ้าหน้าที่ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตามท่าเทียบเรือต่างๆ พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ประจำดูแลความปลอดภัย โดยเฉพาะช่วงเช้าและเลิกเรียนที่มีเด็กนักเรียนใช้บริการเรือข้ามฟาก เนื่องจากกระแสน้ำเชี่ยวแรงมาก ต้องเฝ้าระวังและดูแลอย่างเข้มงวดด้านกรมอุตุนิยมวิทยารายงานว่า ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตาก บึงกาฬ นครพนม และอุบลราชธานี ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองสำหรับพายุไต้ฝุ่น “รากาซา” (RAGASA) บริเวณด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ มีแนวโน้มจะเคลื่อนลงสู่ทะเลจีนใต้ในวันพรุ่งนี้ (22 ก.ย.) คาดว่าช่วงวันที่ 25-26 ก.ย. จะเคลื่อนตัวลงสู่อ่าวตังเกี๋ยและขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน หลังจากนั้นจะอ่อนกำลังตามลำดับ อิทธิพลของพายุนี้จะทำให้มรสุมที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้นในช่วงดังกล่าวบ่ายวันเดียวกัน นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้าน พรรคประชาชน นำ สส. ดูสถานการณ์น้ำและแนวทางการบริหารจัดการลุ่มน้ำเจ้าพระยาที่เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท นายณัฐพงษ์เผยว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือการระบายน้ำที่สูงกว่าในช่วงเวลาเดียวกันของหลายปีที่ผ่านมา อีกทั้งกรมอุตุนิยมวิทยายังคาดการณ์ว่าจะมีมรสุมส่งผลในช่วงเดือน ก.ย.-ต.ค. อาจทำให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มภาคกลาง อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลที่ได้รับวันนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถบริหารจัดการได้ วันนี้ สส.หลายจังหวัดทั้งนครสวรรค์ พระนครศรีอยุธยา และอ่างทองที่ได้รับผลกระทบมาร่วมประชุมรับฟังข้อมูลโดยตรงเพื่อจะสะท้อนไปยังประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะเกษตรกรที่ต้องวางแผนเก็บเกี่ยวไม่ให้ตรงกับช่วงระบายน้ำ รวมถึงการติดตามเรื่องการเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่