ตามลากคอยกแก๊ง 4 โจรอังกฤษปล้นทรัพย์ทนายหนุ่มชาวมะกัน ปฏิบัติการอุกอาจเกาะภูเก็ต ควบรถเอสยูวีตามไล่ชนรถ จยย.เหยื่อล้มกลิ้งกลางถนน ลงไปชักปืนมีดจี้บังคับปลดนาฬิกาหรู "อเดอมาร์ส ปิเกต์" ราคาแพงระยับ 2.3 ล้านบาทก่อนเผ่นหนี พลเมืองดีช่วยเหลือเหยื่อพาส่งโรงพยาบาลแล้วเข้าแจ้งความ ตำรวจแกะรอยจากกล้องหน้ารถและวงจรปิดตามเส้นทางใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงบุกจับได้ยกแก๊งขณะกบดานวิลลาหรู ยึดปืน 2 กระบอกพร้อมได้คืนนาฬิกาของกลาง ผู้เสียหายชื่นชมตำรวจไทยสุดเจ๋งตามจับคนร้ายได้ทันควัน ชี้ฝีมือกลุ่มโจรมืออาชีพสะกดรอยตามจนสบโอกาสลงมืออุกอาจเหมือนในหนัง ยังเชื่อมั่นความปลอดภัยการท่องเที่ยวไทย4 โจรอังกฤษก่อเหตุปล้นอุกอาจขับรถไล่ชนรถ จยย.เหยื่อปล้นนาฬิกาหรูเผ่นหนีสุดท้ายไม่รอดถูกตามรวบยกแก๊งรายนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 09.45น.วันที่ 19 ก.ย. พล.ต.ต.สินเลิศ สุขุม ผบก.ภ.จ.ภูเก็ต เดินทางไปที่ สภ.เชิงทะเล อ.ถลาง ร่วมสอบปากคำผู้ต้องหาชาวอังกฤษ 4 คน ประกอบด้วย นายฮุสเซน เมียร์ อายุ 26 ปี นายเวย์น คาริว อายุ 25 ปี นายยานเน ซาร์คอต์ อายุ 25 ปี และนายมาลิก ไค วอลเตอร์ส อายุ 27 ปี หลังก่อเหตุร่วมกันปล้นทรัพย์นักท่องเที่ยวชาวอเมริกัน ของกลางปืน 2 กระบอกพร้อมเครื่องกระสุน และนาฬิกาหรูยี่ห้อ “อเดอมาร์ส ปิเกต์” รุ่นรอยัล โอ๊ค ของผู้เสียหาย 1 เรือน มูลค่ากว่า 2.3 ล้านบาท ถูกชุดสืบสวนจับกุมตัวได้ที่วิลลาหรูในซอยบางเทา 1 หลังที่ทำการ อบต.เชิงทะเล เมื่อคืนวันที่ 18 ก.ย. หลังสอบปากคำเบื้องต้นได้แยกสอบสวนก่อนควบคุมตัวไปขยายผลต่อทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 18 ก.ย. เกิดเหตุกลุ่มคนร้ายเป็นชายชาวต่างชาติขับรถเอสยูวีฟอร์ดสีฟ้าไล่ชนรถ จยย.ที่มีชายชาวต่างชาติเป็นคนขี่จนเสียหลักล้ม ภายในซอยลายัน 7 ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต จากนั้นคนร้าย 2 คนลงจากรถใช้มีดและปืนปล้นนาฬิกาหรูยี่ห้ออเดอมาร์ส ปิเกต์ ราคากว่า 2.3 ล้านบาทที่ผู้เสียหายสวมใส่อยู่ที่ข้อมือแล้วพากันหลบหนีไป มีกล้องหน้ารถของพลเมืองดีที่ขับตามหลังมาบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้ชัดเจน หลังเกิดเหตุพลเมืองดีให้การช่วยเหลือผู้เสียหายที่ได้รับบาดเจ็บนำส่ง รพ.ถลาง ก่อนพาเข้าแจ้งความที่ สภ.เชิงทะเล ตำรวจสืบสวนพบว่ากลุ่มคนร้ายสะกดรอยตามผู้เสียหายมาจากโบ๊ทอเวนิว ต.เชิงทะเล ก่อนจะสบโอกาสลงมือก่อเหตุต่อมาพบรถเอสยูวีฟอร์ดสีฟ้าคันที่ใช้ก่อเหตุ จอดทิ้งอยู่ในป่าละเมาะพื้นที่ ต.สาคู อ.ถลาง ตำรวจประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าเก็บวัตถุพยานหลักฐานต่างๆก่อนนำมาเก็บไว้ที่ สภ.เชิงทะเล ชุดสืบสวนเริ่มแกะรอยจากกล้องหน้ารถของพลเมืองดี ขยายผลไล่กล้องวงจรปิดตามเส้นทางบริเวณโดยรอบ จนทราบว่ายังมีรถอีก 2 คันที่เชื่อว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุ เป็นรถเอสยูวีฟอร์ดสีบรอนซ์เทา 1 คัน และรถเอสยูวีฟอร์ดสีขาวอีก 1 คันจอดอยู่ที่วิลลาหรูในซอยบางเทา 1 หลังที่ทำการ อบต.เชิงทะเล นำกำลังเข้าตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมด 4 คนพร้อมของกลางมาขยายผลและสอบปากคำที่ สภ.เชิงทะเลนายเอบี (ขอสงวนชื่อและนามสกุลจริง) อายุ 40 ปี ผู้เสียหายเป็นทนายความชาวอเมริกัน ทำงานอยู่ในกรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน เดินทางเข้ามาท่องเที่ยว จ.ภูเก็ต เผยว่า เชื่อว่าเหตุปล้นครั้งนี้มีการวางแผนล่วงหน้าหลายวัน คนร้ายอาศัยชื่อเสียงด้านความปลอดภัยและความมีน้ำใจของคนไทยเป็นช่องทางก่อเหตุเพื่อโจมตีนักท่องเที่ยวและทำลายภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศ ตนเป็นทนายความพอเข้าใจพฤติกรรมของอาชญากร เชื่อว่ากลุ่มคนร้ายมีประสบ การณ์ก่อเหตุลักษณะนี้มาก่อน เฝ้าสะกดรอยตามจนกระทั่งได้จังหวะเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมลงมืออย่างอุกอาจ ขับรถยนต์พุ่งชนรถ จยย.ตนจนล้มก่อนใช้มีดและปืนข่มขู่ชิงเอานาฬิกาไป เป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงราวกับในหนัง มั่นใจว่าประเทศไทยยังเป็นประเทศที่ปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว เนื่องจากได้รับการช่วยเหลือจากตำรวจอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ แตกต่างจากหลายประเทศในยุโรปที่กว่าจะติดตามจับกุมคนร้ายได้อาจใช้เวลาหลายเดือนหรืออาจไม่พบตัวคนร้ายเลยทนายความชาวอเมริกันผู้เสียหายเผยด้วยว่า รัฐบาลไทยควรพิจารณามาตรการตรวจสอบประวัติหรือตรวจคัดกรองบุคคลต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวจากยุโรปหรืออเมริกา เพื่อป้องกันอาชญากรแฝงตัวเข้ามาก่อเหตุ ย้ำความเชื่อมั่นว่าทางการไทยจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดต่อผู้ก่อเหตุ ตนเดินทางมาเยือนไทยมากกว่า 60 ครั้ง เหมือนเป็นบ้านหลังที่ 2 เหตุการณ์นี้ไม่ทำให้ความรู้สึกที่ดีที่มีต่อประเทศไทยเปลี่ยนไป แต่กลับประทับใจในความเป็นมืออาชีพและการตอบสนองอย่างทันท่วงทีของตำรวจไทยมากยิ่งขึ้นด้าน พล.ต.ต.สินเลิศ สุขุม ผบก.ภ.จ.ภูเก็ต กล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้ง 4 คนถูกแจ้งข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ ตอนนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆถึงที่มาที่ไปของเหตุการณ์ ต้องขยายผลว่ายังมีคนอื่นที่เกี่ยวข้องอีกหรือไม่ รวมถึงการตรวจสอบประวัติอาชญากรของกลุ่มผู้ต้องหา แต่ละคนเข้ามายังประเทศไทยไม่พร้อมกัน เริ่มตั้งแต่เดือน พ.ค.และ มิ.ย.68 เข้ามาอย่างถูกต้อง วีซ่ายังไม่หมดอายุเป็นการมาท่องเที่ยว สั่งการให้เร่งขยายผลแล้วอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่