ในระหว่างรอคอยรัฐบาลชุดใหม่ “อนุทิน 1” ของนายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล เข้ามาบริหารประเทศนี้เอง ก็มีข่าวความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่น่าสนใจมากเกิดขึ้นหนึ่งข่าว ได้แก่ ข่าวการลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันจะด้วยเบื้องหลังเบื้องลึก หรือปมร้อน ปมร้าว อย่างที่หนังสือพิมพ์และสำนักข่าวออนไลน์พาดหัวเอาไว้อย่างไร หรือไม่? คนนอกอย่างเราๆคงไม่สามารถที่จะค้นหาความจริงได้...ซึ่งก็คงไม่ใช่เรื่องสำคัญที่จะต้องไปค้นหาแต่อย่างใดประเด็นสำคัญที่สุดที่ทำให้ผมรู้สึกดีใจและขอบคุณที่เกิดข่าวนี้ขึ้นก็คือ ประเด็นที่ว่าลูกพรรคส่วนหนึ่งมีความต้องการที่จะฟื้นฟูสถานภาพของพรรคที่อยู่ในภาวะตกตํ่าสุดขีดในขณะนี้ ให้ฟื้นกลับคืนมาโดยเร็วเพื่อให้กลับไปสู่การเป็นพรรคการเมืองที่ประชาชนเคยให้ความไว้เนื้อเชื่อใจ และยกให้เป็นสถาบันทางการเมืองสถาบันหนึ่งที่เปิดทางให้บุคคลที่มีความรู้ความสามารถ และมีบารมีที่ประชาชนศรัทธา...สามารถเข้ามาเป็นผู้นำของพรรคได้ตามครรลองดังเช่นที่เคยเป็นมาในอดีตเพื่อเป็นตัวแทนของกลุ่มอนุรักษนิยมในการออกมาต่อกรทางการเมืองกับพรรคการเมืองยุคนี้ที่มีลักษณะเป็นพรรคเฉพาะกิจบ้าง พรรคในแบบบริษัทครอบครัวบ้าง พรรคตัวแทนกลุ่มอำนาจนิยมหรือพรรคที่เปรียบเสมือนบริษัทมหาชนเหมือนกัน แต่ก็มีนโยบายสุดโต่งที่ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่ยากจะยอมรับได้ในอดีตที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนให้เป็นพรรคแบบบริษัทมหาชน คือพรรคที่เปิดกว้างแก่ประชาชนให้เข้ามาเป็นสมาชิก เข้ามาช่วยกันบริหารพรรคนี้...นับตั้งแต่ผมจำความได้ช่วงที่ผมเรียนชั้นมัธยมอยู่ที่นครสวรรค์ ซึ่งมี นายใหญ่ศวิตชาต เลขาธิการพรรค เป็น สส.จากจังหวัดนครสวรรค์นั้น ถือได้ว่าพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านมาตลอด เป็นขวัญใจของพวกเราเด็กนักเรียนที่สนใจการเมืองหมายเลข 1 เลยทีเดียวเมื่อผมเข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ ก็ยังชื่นชมพรรคประชาธิปัตย์และจะตามไปฟังการปราศรัยเปิดฤดูกาลหาเสียงที่ถนนสนามไชยและปิดฤดูกาลหาเสียงที่สนามหลวงอยู่เนืองๆยังจำได้ว่าบรรดาผู้เรียนจบมหาวิทยาลัยทั้งจากเมืองไทยหรือเมืองนอก หรือข้าราชการะดับสูงมีชื่อเสียงที่จะเข้าสู่การเมือง...จะแห่กันมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์แม้ส่วนใหญ่ประชาชนจะอยากให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านแต่พรรคก็มีโอกาสได้เป็นรัฐบาลโดยเฉพาะในยุคหลังๆนี้ก็มีท่าน ชวน หลีกภัย (เป็น 2 สมัย 2535-2538 และ 2540-2544), มีคุณ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (2551-2554)บริหารประเทศถูกใจบ้างไม่ถูกใจบ้างแต่ก็ยังได้รับความไว้วางใจจากประชาชนว่าเป็นพรรคการเมืองที่ซื่อสัตย์สุจริตและเปิดกว้างให้แก่คนดีมีฝีมือ...ไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจหรือพรรคที่เป็นเสมือนบริษัทครอบครัวอย่างที่ว่าแต่แล้วจู่ๆพรรคประชาธิปัตย์ก็ค่อยๆเสื่อมถอยลงไปอย่างเหลือเชื่อ...จากพรรคใหญ่ขวัญใจประชาชนกลายเป็นพรรคที่จะเรียกว่าพรรคเล็กๆพรรคหนึ่งก็ว่าได้ผมจึงดีใจที่มีข่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์จะมีการปรับปรุงครั้งใหญ่จะมีการเชิญคนเก่งคนดีทั้งเก่าและใหม่ให้เข้ามาช่วยพรรคอีกครั้งขอเอาใจช่วยให้ “ฟื้นคืนชีพ” หรือ “คืนร่าง” ได้สำเร็จนะครับ...เพราะประเทศไทยของเราจำเป็นต้องมีพรรคการเมืองที่เป็น “สถาบัน” แบบประชาธิปัตย์ในอดีตที่เข้มแข็ง และเป็นที่พึ่งของประชาชนฝ่ายอนุรักษนิยมเป็นหลักอยู่บ้างไม่ใช่จะมีแต่พรรคครอบครัวที่ไม่เปิดโอกาสให้คนเก่งคนดีที่ไหนเลยนอกจากคนในตระกูลตัวเอง หรือไม่ก็พรรคเฉพาะกิจต่างๆดังเช่นทุกวันนี้.“ซูม”คลิกอ่านคอลัมน์ “เหะหะพาที” เพิ่มเติม