ทหารผนึกกำลังเบรกเปิดด่าน “จันทบุรี-ตราด” ตามคำขอ เสธ.ทหาร ลั่นถ้ากัมพูชาไม่ถอนกำลังกลับไม่ต้องพูดเรื่องเปิดด่าน ด้านแม่ทัพภาคที่ 2 เตือนเปิดด่านคิดให้ดี เอื้อทหารกัมพูชาเข้มแข็ง ทำร้ายทหารไทย ขณะที่โฆษกกระทรวงกลาโหมย้ำไม่มีการเปิดด่านขณะนี้ “เสธ.เบิร์ด” เปิดหน้า 6 ผบ.หน่วยกัมพูชาคุมพื้นที่ สั่งวางทุ่นระเบิดสังหารทำร้ายทหารไทย พร้อมย้ำมุมมอง-ท่าที “กองทัพไทย” ต่อกัมพูชา ยันลอบกัด ประท้วงไม่เคยเป็นผล เสริมแกร่ง “ช่องบก-ภูมะเขือ” สนับสนุนการรบทหารไทยดับฝันกัมพูชาเรื่องการเปิดด่าน หลังจากที่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รักษาการ รมช.กลาโหม เปิดเผยหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา หรือจีบีซี สมัยพิเศษ ครั้งที่ 1 ที่ จ.เกาะกง ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 10 ก.ย.ว่า จะมีการเปิดด่านจันทบุรี-ตราด เนื่องจากมีประเทศที่สามร้องขอมาเมื่อวันที่ 11 ก.ย. พล.ต.วันชนะ สวัสดี ผอ.สำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวว่า การเดินทางติดตามความคืบหน้าการดำเนินการปรับปรุงเส้นทางยุทธวิธีและการสนับสนุนงานโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่กกล.สุรนารี ของ พล.อ.มนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย มีความคืบหน้าไปมาก ได้แก่ พื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี เสริมสร้างขีดความสามารถทางทหารและปรับปรุงที่ทำการทางทหาร ฉก.1 โดยสนับสนุนโดรนและโดรนโจมตีที่เอกชนส่งมอบผ่านกรมยุทธการทหารและศูนย์ต่อต้านการก่อการร้าย รวมถึงแอนตี้โดรนจากกรมการสื่อสารทหารพล.ต.วันชนะกล่าวต่อว่า นอกจากนั้นเพิ่มการติดตั้งกล้อง CCTV ,Cell Site พร้อม Internet 2 เครือข่าย โดยการดำเนินการของกรมการสื่อสารทหาร รวมถึงขยายพื้นที่ให้บริการไฟฟ้าที่เนิน 500 โดยกรมกิจการพลเรือนทหาร สำหรับที่ทำการทางทหารทางยุทธวิธีพื้นที่ภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ สำนักงานพัฒนาภาค 5 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (สนภ.5 นทพ.) พื้นที่ภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ ในที่ทำการทางยุทธวิธี ฉก.2 กำหนดลำดับความเร่งด่วนให้ สนภ.5 นทพ. ดำเนินการในปีงบประมาณ 2568 ดังนี้ การปรับปรุงเส้นทางยุทธวิธีให้สมบูรณ์ การก่อสร้างที่ตั้งยิงอาวุธ รถถังและบุคคล ระบบไฟฟ้า ระบบสาธารณูปโภค รวมทั้งสุขาภิบาลสนาม ประปา ที่พักสำหรับภารกิจการเดินทางไปภูมะเขือของพล.อ.มนัส เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ผู้สื่อข่าวไทยรัฐประจำจ.ศรีสะเกษ รายงานว่า พล.อ.มนัส พร้อมด้วย พล.ต. ณัฐพงศ์ พรหมศร ผอ.สำนักงานพัฒนาภาค 5 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา พ.อ.บุญเสริม บุญบำรุง รองผบ.กองกำลังสุรนารี พ.อ.ธีระพล สาธรวิศิษฐ์ ผบ.หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 53 หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 รวมถึงหน่วยทหารในพื้นที่ โดยมี พล.ต.วันชนะ สวัสดี หรือ “ผู้พันเบิร์ด” ร่วมคณะด้วยจุดแรกคณะเดินทางไปยังฐานปฏิบัติการยอดภูมะเขือที่มีการก่อสร้างเสาธงชาติสเตนเลสสูง 12 เมตร ฝีมือ “ช่างกบ” ชาว อ.กันทรลักษ์ ทำให้เกิดภาพธงชาติไทยผืนใหญ่โบกสะบัดอย่างสง่างาม แล้วไปตรวจเยี่ยมการก่อสร้างเส้นทาง ค.ส.ล.กว้าง 4 เมตร ระยะทาง 800 เมตร รับฟังบรรยายสรุปจาก ผบ.หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 53 ถึงความคืบหน้าการสร้างเส้นทาง งานก่อสร้างห้องน้ำอำนวยความสะดวกแก่กำลังพล ระบบกล้อง CCTV และการสนับสนุนด้านการสื่อสาร รวมถึงการปฏิบัติงานของหน่วยเก็บกู้ทุ่นระเบิดที่ต้องเร่งดำเนินการเพื่อความปลอดภัยในพื้นที่ทั้งนี้ พล.อ.มนัสได้กล่าวถึงทหารไทยที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดจนต้องสูญเสียขา ว่า เศร้าใจอย่างยิ่ง นับตั้งแต่เกิดเหตุปะทะมีทหารเสียขาแล้ว 6 ราย จะต้องไม่ให้มีรายที่ 7 หากยังเกิดขึ้นซ้ำเราทราบดีว่าใครเป็นผู้วาง แม้จะปฏิเสธแต่ข้อมูลชี้ชัดถึงหน่วยที่ดำเนินการ หากยังเกิดกรณีนี้ขึ้นอีกถือเป็นความชอบธรรมที่ไทยจะต้องใช้มาตรการตอบโต้ทางทหาร ขอร้องว่าอย่ากระทำการเช่นนี้ หากต้องการรบก็ควรประกาศตรงไปตรงมา การลงพื้นที่ครั้งนี้เพื่อแสดงความมั่นใจในอธิปไตย โดยระบุว่า “จุดที่ผมยืนอยู่นี้คือภูมะเขือ มองลงไปเบื้องล่างคือประเทศกัมพูชา ผมมายืนอยู่ ณ ภูมะเขือ ของจริง”จากนั้นคณะทั้งหมดเดินทางต่อไปยังอนุสรณ์สถานพิทักษ์ไทย ณ ฐานปฏิบัติการฟ้าลั่น ตรวจเยี่ยมการปรับปรุงเส้นทาง พร้อมมอบกำลังใจแก่กำลังพลในพื้นที่ เน้นย้ำถึงการพัฒนาความเป็นอยู่และการสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ปกป้องชายแดนอย่างเข้มแข็งวันเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก กองบัญชาการกองทัพไทย Royal Thai Armed Forces Headquarters เผยแพร่คลิปวิดีโอความยาว 1.21 นาที มีภาพ พล.อ.มนัส จันดี เสนาธิการทหารกองบัญชาการกองทัพไทย นั่งสนทนากับนายทหารที่ร่วมคณะ รอง ผบ.กกล.สุรนารี และ ผบ.หน่วย บนยอดภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ในโอกาสที่มาตรวจการสร้างถนนและติดตั้งกล้องวงจรปิด พล.อ.มนัสได้กล่าวว่า กัมพูชาเป็นฝ่ายเคลื่อนย้ายยุทโธปกรณ์มาก่อน ขอย้ำว่าไทยไม่เคยรุกราน หากกัมพูชาต้องการแสดงความจริงใจ ต้องถอนกำลังกลับ ควรยืนอยู่บนกฎกติกาที่ตกลงร่วมกันได้ เพื่อมุ่งสู่การสร้างสันติภาพอย่างยั่งยืน “ถ้ากัมพูชาไม่ถอนกำลังกลับ ก็ไม่ควรพูดเรื่องเปิดด่าน ไม่มีประโยชน์ เพราะไม่แสดงความจริงใจต่อกัน” พล.อ.มนัสกล่าวอย่างแข็งกร้าวจริงจังขณะที่ พล.ต.วันชนะโพสต์เฟซบุ๊ก ว่า เสธ.ทหารย้ำกองทัพภาค 2 รับลูกทันที พร้อมโพสต์คำกล่าวของ พล.อ.มนัส จันดี เสนาธิการทหาร ระหว่างลงพื้นที่ตรวจแนวชายแดน โดยเฉพาะจุดที่ทหารไทยเหยียบระเบิดทั้ง 6 จุด ว่า “ในเมื่อกัมพูชาลอบกัด หนังสือประท้วงไม่มีผล ตอบโต้ทันทีได้สัดส่วน เรารู้พิกัดทางทหารของกำลังที่เผชิญหน้าอยู่แล้ว” พร้อมกันนั้นยังได้เปิดภาพและชื่อของทหารกัมพูชาวางระเบิดสังหารบุคคล เนื้อหาระบุถึง ผบ.หน่วยพื้นที่กำลังเผชิญหน้าของกัมพูชา ทั้ง 6 จุดที่ทหารไทยเหยียบระเบิด ดังนี้ครั้งที่ 1 บริเวณเนิน 481 ซึ่งเป็นพื้นที่ช่องบก อ.น้ำยืน (เมื่อวันที่ 16 ก.ค.68) ทหารกัมพูชาที่วางกำลังเผชิญหน้า คือ พัน.สสน.392 สน. มี พ.ต.ชุน โซะพอน เป็น ผบ.พัน.ฯ ทหารกัมพูชา ที่เป็นหน่วยดำเนินการวางทุ่นระเบิด คือ หน่วย ช. นขต.พล.สสน.3 โดยมี พ.ท.ลา โซะเคน เป็น ผบ.พัน.ช. ได้รับคำสั่งให้วางแนวทุ่นระเบิดตามช่องทางที่คาดว่าฝ่ายไทยจะเคลื่อนที่ผ่านเข้าหาฝ่ายกัมพูชาครั้งที่ 2 บริเวณช่องอานม้า อ.น้ำยืน (เมื่อวันที่ 23 ก.ค.68) ทกพ.ที่วางกำลังเผชิญหน้า พัน.ร.447 ทปจ.พระวิหาร โดยมี พ.ท.จวน เจิต เป็น ผบ.พันฯ ประจำพื้นที่ช่องอานม้าครั้งที่ 3 บริเวณปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ (เมื่อวันที่ 28 ก.ค.68) ทหารกัมพูชาที่วางกำลังเผชิญหน้าคือ บก.พัน.ร.444 (สน.) ทปจ.อุดรมีชัย โดยมี ร.อ.กล วอน เป็น ผบ.พัน.ฯ เนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเศษกระสุนปืนเจาะเข้าที่กลางคอ และแขนซ้ายหักจากการปะทะเมื่อวันที่ 28 ก.ค.68 ที่ปราสาทตาควายครั้งที่ 4 รอยต่อโดนเอาว์-กฤษณา จ.ศรีสะเกษ (เมื่อวันที่ 9 ส.ค.68) ทหารกัมพูชาที่วางกำลังเผชิญหน้าคือ พัน.สสน.-381 โดยมี พ.ท.นวน พอลลา เป็น ผบ.พัน.ฯ ครั้งที่ 5 ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ (เมื่อวันที่ 12 ส.ค.68 ) ทหารกัมพูชาที่วางกำลังเผชิญหน้าคือพัน ร.422 โดยมี พ.ท.ซุน วา เป็น ผบ.พัน.ฯ ครั้งที่ 6 ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ (เมื่อวันที่ 27 ส.ค.68 ) ทหารกัมพูชาที่วางกำลังเผชิญหน้าคือ บก.พัน.ร.444 (สน.) ทปจ.อุดรมีชัย โดยมี ร.อ.กล วอน เป็น ผบ.พัน.ฯด้าน พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยพิเศษ ครั้งที่ 1 ที่ จ.เกาะกง ประเทศกัมพูชา เป็นก้าวสำคัญในการใช้กลไกทวิภาคี เพื่อคลี่คลายความตึงเครียดตามแนวชายแดน พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ย้ำว่าการปกป้องอธิปไตยของชาติต้องเป็นอันดับแรก ควบคู่ไปกับการดูแลปากท้องประชาชนและผู้ประกอบการในประเทศ จากผลการประชุม GBC มีประเด็นสำคัญที่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกัน ได้แก่1. การถอนอาวุธหนักและยุทโธปกรณ์ทำลายล้างสูงออกจากพื้นที่ชายแดน 2.การร่วมกันเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดน เริ่มภายใน 1 เดือน 3.การปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ โดยตั้งคณะทำงานร่วมกันภายใน 1 สัปดาห์ 4.การบริหารจัดการพื้นที่ชายแดน โดยให้ JBC กำหนดความชัดเจนของเส้นเขตแดนและ RBC จัดทำแนวทางบริหารจัดการตามกรอบของ JBC สำหรับกรณีบ้านหนองจาน ผู้ว่าฯสระแก้วและ จ.บันเตียเมียนเจย อยู่ระหว่างการประสานงาน เพื่อบริหารจัดการพื้นที่ให้เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย 5.การผ่อนปรนการผ่านแดน ยังไม่มีการเปิดด่านในขณะนี้ มาตรการดังกล่าวเป็นเพียงการหารือเชิงหลักการ โดยหากมีการดำเนินการในอนาคต จะผ่อนปรนเฉพาะรถขนส่งสินค้า ไม่ใช่บุคคลและต้องอยู่ภายใต้ข้อจำกัดเรื่องจำนวนเที่ยวหรือรายกรณี ขึ้นอยู่กับระดับความพร้อมและความตึงเครียดในพื้นที่พล.ร.ต.สุรสันต์กล่าวต่อว่า นโยบายสำคัญที่นายกรัฐมนตรี มอบแก่ พล.อ.ณัฐพล คือต้องปกป้องอธิปไตยชาติ พร้อมดูแลประชาชน เพราะความตึงเครียดที่ยืดเยื้อส่งผลกระทบต่อเกษตรกร ผู้ประกอบการและครัวเรือนโดยตรง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จะทำให้การเจรจาครั้งนี้เดินหน้าได้อย่างแท้จริง คือความจริงใจและการปฏิบัติตามข้อตกลงของฝ่ายกัมพูชา หากไม่มีการปฏิบัติจริง ความร่วมมือที่ตกลงกันไว้ย่อมไม่เกิดผล และจะเป็นอุปสรรคต่อการคลี่คลายสถานการณ์ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา วันเดียวกัน พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวบรรยายพิเศษหัวข้อ “รวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย เพื่อการรักษาอธิปไตยของชาติ” ให้นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏยะลาฟัง ช่วงหนึ่งมีประชาชนสอบถามความคิดเห็นเรื่องข้อตกลงของคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย- กัมพูชา หรือจีบีซี ในการพิจารณาเปิดด่านชายแดน พล.ท.บุญสินกล่าวว่า เป็นคำถามที่คนไทยอยากทราบ ตนมองว่าคนไทยทำไมต้องมาเถียงเรื่องเปิด-ปิดด่าน เพราะเรื่องนี้สำคัญ การเปิด-ปิดด่านส่งผลต่อเศรษฐกิจของกัมพูชา เพราะทรัพยากรสินค้าส่วนใหญ่มาจากประเทศไทย การปิดด่านทำให้คนไทยไม่สามารถไปเล่นการพนันได้ ทำให้คนข้ามไปเป็นสแกมเมอร์ไม่ได้ ต้องยอมรับว่าคนไทยบางส่วนข้ามไปกัมพูชาเพื่อไปทำหน้าที่หลอกลวงทางโซเชียลมีเดียกับคนไทยด้วยกันแม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวอีกว่า ฝั่งนั้นมีทั้งบ่อนกาสิโนและที่หลอกลวงทางโซเชียลมีเดียตลอดแนวชายแดน สินค้าบางส่วน เช่น ปูนซีเมนต์ น้ำมัน จะกลับมาทำร้ายทหารไทย การทำให้เขาไม่เดือดร้อนรบกับประเทศไทยก็อยู่ได้ เพราะเขามีกินตลอด นี่คือเหตุผลว่าทำไมต้องปิดด่าน มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งพูดว่า ผลประโยชน์ของชาติต้องมาก่อนประโยชน์ส่วนตน พี่น้องที่ค้าขายกระทบก็ต้องยอมรับว่ากระทบ แต่พี่น้องที่ค้าขายบางคนให้สัมภาษณ์ว่า บางท่านยอมให้ปิดด่าน ขอให้ประเทศไทยรบชนะเท่านั้น การเปิดด่านทำให้เขาเข้มแข็ง น้ำมันและปูนซีเมนต์ รวมถึงเครื่องอุปโภคบริโภคก็จะเข้าไป มาจากประเทศไทยทั้งนั้น แม้กระทั่งเรื่องการเปิดด่านมีประชาชนถูกมอมเมาจากบ่อนการพนัน หมดเนื้อหมดตัวเป็นหนี้สิน อันนี้ก็มาจากเรื่องการเปิดด่านจึงไม่รู้ว่าเป็นประโยชน์ของใคร“แม่ทัพฯถึงบอกเสมอว่าคิดให้ดีเรื่องด่านเพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้เล่าให้ฟังว่าเป็นอย่างนี้ ขอให้พวกเราติดตามข้อมูลข่าวสารรัฐบาล อาจจะมีเหตุผลของเขาต้องฟังว่าเป็นอย่างไร ต้องให้เรามีสติในการรับรู้ข่าวสารและช่วยกันดูแลประเทศไทยของเรา หนึ่งเสียงรวมกันไปก็หลายเสียง นี่คือความเห็นของผม” พล.ท.บุญสินกล่าวอีกด้านเมื่อวันที่ 11 ก.ย. พ.ต.อ.ดำรง เอี่ยมไพโรจน์ ผกก.สส.ภ.จ.สระแก้ว ว่าที่ พ.ต.อ.สุทธิพงษ์ อินทสิทธิ์ ผกก.สภ.โคกสูง นายนริศ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา นอภ.โคกสูง นำตำรวจ สภ.โคกสูงกับเจ้าหน้าที่อีกหลายหน่วยงานนำหมายค้นศาลจังหวัดสระแก้ว เข้าตรวจสอบพื้นที่ต้องสงสัย จุดแรกที่โกดังไม่มีเลขที่ ม.1 ต.โนนหมากมุ่น ผลตรวจค้นไม่พบของผิดกฎหมาย แต่พบปืน 4 กระบอก ทั้งปืนยาวปืนสั้นพร้อมใบอนุญาต กับตรวจค้นบ้านเลขที่ 30 ม.3 ต.โนนหมากมุ่น ที่อยู่ตรงข้ามโกดัง ของนางทองลัด กันหา หรือเจ๊รัตน์ ภรรยากำนันลี ตัวการปลุกม็อบกัมพูชาที่บ้านหนองจาน การตรวจค้นครั้งนี้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย เพื่อป้องกันและควบคุมการใช้อาวุธปืนอย่างถูกต้องอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่