มาคุยกันต่อถึงความพร้อมของพัทยาเมืองท่องเที่ยวระดับโลกที่กำลังยกระดับสู่ เมืองอุตสาหกรรมภาพยนตร์ และตั้งเป้าขับเคลื่อนสู่เครือข่าย เมืองสร้างสรรค์ด้านภาพยนตร์ของยูเนสโกภายในปี 2570 พัทยามีความพร้อมทั้งต้นทุนทางธรรมชาติ วัฒนธรรม และมนุษย์ มีโลเกชันพร้อมสรรพ ทะเล ชายหาด ภูเขา กิจกรรมแอด เวนเจอร์ สถานบันเทิง มีประเพณีวันไหล ประเพณีกองข้าวสืบสานมาช้านาน อาหารสมบูรณ์ ประมงพื้นบ้าน 3 กลุ่ม (นาเกลือ จอมเทียน เกาะล้าน) มีนักสร้างสรรค์งานศิลปะและโชว์การแสดงจำนวนมากปี 2567 มีผู้ผลิตภาพยนตร์ สารคดี ซีรีส์ ไปถ่ายทำที่พัทยาไม่ต่ำกว่า 25 เรื่อง ส่วนปีนี้แค่ 6 เดือนแรกก็มีกองถ่ายที่ขออนุญาตอย่างเป็นทางการไปถ่ายทำแล้วอย่างน้อย 25 เรื่อง นี่คือโอกาสแห่งความสำเร็จที่รออยู่การเตรียมความพร้อมของพัทยาไม่ได้เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน แต่ใช้เวลามากกว่า 5 ปี คุณปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา มีความรู้ความเข้าใจผลักดันเรื่องนี้อย่างจริงจัง ได้วางระบบเมืองพัทยาให้รองรับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ทั้งในส่วนของ การทำโปรดักชัน เช่น ซิตี้แล็ป ฟิล์มพาร์ค การพัฒนาโลเกชัน ทำให้สถานที่ต่างๆมีความหมายมากขึ้น เช่น ทะเลบวกเรื่องเล่า หรือทะเลบวกกิจกรรมที่น่าสนใจ การถ่ายทอดความรู้ เพื่อให้เด็กและเยาวชนดูหนังอย่างมีความหมาย รวมถึง การสร้างเศรษฐกิจ ซึ่งพัทยามีทักษะความชำนาญเพิ่มขึ้นในการจัดงานเฟสติวัลการจะเป็นฮับแห่งการถ่ายภาพยนตร์ได้ ต้องมี โครงสร้างพื้นฐานและ อุปกรณ์สิ่งอำนวยความสะดวก ครบครัน พัทยากำลังจะตั้งศูนย์เชื่อมโยงทุกแขนงอาชีพของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ เช่น ช่างไฟ ช่างกล้อง ช่างแต่งหน้า ช่างเสื้อผ้า ฯลฯ ผู้สร้างหนังทั้งในและต่างประเทศถ้าจะยกกองมาถ่ายทำ มาตัวเปล่าได้เลยนอกจากนี้จะมีการแก้ไขข้อบัญญัติเมืองพัทยาให้เอื้อต่อการถ่ายทำภาพยนตร์ สนับสนุนด้านภาษี และทำฐานข้อมูลขนาดใหญ่ไว้บริการ เป็นทั้งข้อมูลเชิงลึกและหลากหลาย พร้อมทั้งยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย เพิ่มกล้องวงจรปิดแบบเรียลไทม์ เสริมด้วยเอไอในแง่ของการพัฒนาทรัพยากรบุคคล มีการบรรจุ หลักสูตรเรียนรู้เรื่องเมืองภาพยนตร์ ในโรงเรียน 11 แห่งของเมืองพัทยา และเคยเอาทีมงานไทบ้าน สตูดิโอ มาสอนการทำหนังสั้น ให้นักเรียนได้ฝึกงานในกองถ่ายของจริง โรงเรียนบางแห่งมีชมรมภาพยนตร์ นักเรียนมีทักษะความสามารถเป็นพิธีกร ช่างเทคนิค หรือทีมตัดต่อได้เลย ขณะเดียวกัน องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) ซึ่งให้ความสำคัญกับท้องถิ่น อัตลักษณ์ วัฒนธรรม ได้เข้าไปเสริมเติมกิจกรรมในสถานศึกษา จัด Pattaya Film Camp ไม่ใช่แค่การไปทัศนศึกษาตั้งแคมป์นอนทั่วไป แต่เชิญผู้รู้ไปพูดคุยกับเด็กนักเรียน บอกเล่าประสบการณ์ ถ่ายทอดความรู้ในแง่มุมต่างๆของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่ผ่านมา อพท.ได้จัดกิจกรรม Film Club เดือนละ 2 ครั้งและ ประกวดหนังสั้น ให้เด็กทำหนังสั้นโปรโมตพื้นที่ตัวเองแล้วเอามาฉาย เป็นการสร้างวัฒนธรรมการดูหนังอย่างสร้างสรรค์ ผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะเด็กยุคนี้เสพสื่อได้ง่ายจากหลายช่องทาง การบ่มเพาะให้รู้จักดูหนังอย่างมีคุณค่า จะทำให้เด็กเกิดแรงบันดาลใจ อยากคิดอยากทำหนังของตัวเอง อนาคตเราอาจได้เห็นค่ายหนังแบบไทบ้านฯในเวอร์ชันภาคตะวันออกก็ได้คุณศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร ผอ.อพท. ให้ข้อคิดว่า การขับเคลื่อนให้พัทยาไปสู่เมืองสร้างสรรค์ด้านภาพยนตร์ จะเน้น ประโยชน์ชุมชน บนแผนโครงสร้างพื้นฐาน สู่มาตรฐานสากล อพท.จะร่วมมือกับภาคีเครือข่ายขับเคลื่อนอย่างเต็มที่ สิ่งสำคัญต้อง ใส่หัวใจของความครีเอทีฟ รักษาวัฒนธรรม อย่าทิ้งตัวตนของพัทยา และ เซอร์วิสมายด์ต้องไปควบคู่กับ “น้ำใจ”ผมเชื่อว่าถ้าทุกภาคส่วนตกผลึกทางความคิดร่วมกัน และประสานความร่วมมืออย่างเต็มกำลังก็มีโอกาสสูงที่จะคว้าดาวจากยูเนสโกได้ในปี 2570 ถึงวันนั้นประเทศไทยจะมีจุดขายเพิ่มขึ้น.ลมกรดคลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม