ฟิลิปปินส์กับจีนมีปัญหาเรื่องอธิปไตยในทะเลจีนใต้ ทั้งที่เคยลงนามเป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯที่เรียกว่า Mutual Defense Treaty 1951 อยู่แล้ว แต่ฟิลิปปินส์ก็ยังต้องการแรงหนุนจากยุโรป จึงพยายามทุกวิถีทาง (ทำแบบเดียวกับเซเลนสกี) เชิญนางคาจา คัลลาส มาเยือนฟิลิปปินส์นางคาจา คัลลาส เกิดในสหภาพโซเวียต เมื่ออายุ 14 ปี สหภาพโซเวียตก็ล่ม ประเทศใหม่ของเธอคือเอสโตเนีย หลังจากจบกฎหมาย เธอก็เข้าร่วมกับพรรคปฏิรูปเอสโตเนีย แล้วก็ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคตั้งแต่ ค.ศ.2018 ต่อมาได้เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของเอสโตเนีย (2021-2024)เมื่อพ้นตำแหน่งนายกฯ เธอก็มาดำรงตำแหน่งเป็นผู้แทนระดับสูงด้านการต่างประเทศและนโยบายความมั่นคงของสหภาพยุโรป (สถานะเทียบเท่ารัฐมนตรีต่างประเทศของอียู) รวมทั้งเป็นรองประธานคณะกรรมาธิการยุโรปเมื่อถูกฟิลิปปินส์ดึงมาเกี่ยวดองหนองยุ่งกับปัญหาอธิปไตยในทะเลจีนใต้ นางคัลลาสก็แถลงการณ์ร่วมกับรัฐมนตรีต่างประเทศฟิลิปปินส์ว่า “We reject any unilateral changes to the status quo, including use of coercion” ซึ่งแปลว่า “เราปฏิเสธการเปลี่ยนแปลงสถานะเดิมโดยฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด รวมถึงการใช้การบังคับขู่เข็ญ”ที่นางคัลลาสพูด ‘การเปลี่ยนแปลงสถานะเดิม’ หมายถึง ‘สถานการณ์ในทะเลจีนใต้ที่ต้องคงไว้ตามกฎหมายระหว่างประเทศและคำตัดสินของศาลระหว่างประเทศ’ ผู้อ่านท่านครับ ฟิลิปปินส์มีเรื่องกับจีนขึ้นศาลระหว่างประเทศ และเมื่อ ค.ศ.2016 อนุญาโต ตุลาการถาวรตัดสินว่าการอ้างสิทธิ์ของจีนตามเส้นประ 9 เส้นไม่มีพื้นฐานทางกฎหมายจีนฟังคำตัดสินแล้วก็ปฏิเสธว่า ‘อั๊วะไม่เชื่อ’ จากนั้นจีนก็เดินหน้าสร้างเกาะเทียม ฐานทัพ และส่งเรือยามฝั่ง กับเรือประมงเข้ามาในพื้นที่ดังกล่าว ทางฟิลิปปินส์มองว่าความมั่นคงแห่งชาติของตัวเองถูกคุกคาม จึงต้องการขยายความขัดแย้งนี้ไปสู่สากล (แบบเดียวกับที่เขมรทำ)นางคัลลาสพูดว่า ‘โดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งฝ่ายเดียว’ นี่หมายถึงนางคัลลาสปรามจีนว่า ลื้ออย่าได้ทำเองฝ่ายเดียว ไม่ว่าจะใช้กำลังสร้างเกาะเทียม ยึดพื้นที่ หรือเปลี่ยนข้อเท็จจริงบนพื้นดินและในทะเล โดยไม่ได้เจรจากับฟิลิปปินส์เสียก่อนนางคัลลาสใช้คำว่า ‘coercion’ ก็คือนางกำลังพูดตำหนิจีน ว่าใช้อำนาจทางทหาร เศรษฐกิจ และการเมือง กดดันประเทศเล็กกว่าให้ยอมทำตาม เช่น ส่งเรือยามฝั่งจีนมาขับไล่ หรือฉีดน้ำใส่เรือฟิลิปปินส์ทันทีที่นางคัลลาสแถลงจบ พวกฟิลิปปินส์ก็เฮ มีความมั่นใจว่า ถ้าจีนมีปัญหากับตัว ก็จะได้รับความช่วยเหลือจากยุโรปมาซัดกับจีน ผมอ่านโซเชียลมีเดียฟิลิปปินส์แล้วก็อยากจะบอกว่า ฟิลิปปินส์ฝันเฟื่องและหลงคารมแบบเดียวกับที่เซเลนสกีหลงคารมอียู นางคัลลาสยืนยันเป็นมั่นเหมาะว่าจะอียูหนุนฟิลิปปินส์อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู แต่ลองมองย้อนดูว่า อียูเคยช่วยใครจริงบ้าง เป็นไปไม่ได้ที่อียูจะมาลุยกับคุณฟิลิปปินส์พยายามเชิญผู้นำต่างประเทศมาเยือนประเทศตัวเอง มาถึงแล้วก็โดนเอาไมค์จ่อปากให้พูดสนับสนุนฟิลิปปินส์ (และขู่จีน) โดยหวังว่าจีนคงจะกลัวและจะหันมายึดถือคำสั่งศาลระหว่างประเทศ คนฟิลิปปินส์เฮ เมื่อผู้แทนจากสหรัฐฯ อียู ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น ฯลฯ พูดเข้าข้างตนเองอยากจะเรียนครับว่า สหภาพยุโรปมีสมาชิกถึง 27 ประเทศ จะกระดิกพลิกตัวอะไรยังไง จะต้องมีมติ สมาชิกอียูบางประเทศไม่อยากจะเอามือมาซุกหีบ ขนาดไปช่วยอูเครนซึ่งอยู่ใกล้ๆ ยังเหนื่อย แล้วนี่ฟิลิปปินส์ ไกลโพ้นขนาดนั้น อียูจะไม่ได้มาเต็มตัวแน่ครับในโซเชียลมีเดียของฟิลิปปินส์ชอบเขียนคำว่า ‘ขบวนกองทัพยุโรป’ แล้วก็ฝันกลางวันว่า กองทัพยุโรปจะมาช่วยฟิลิปปินส์จริงๆ ถ้าฟิลิปปินส์ยังคิดอย่างนี้ ผมก็อยากจะเรียนว่า คุณแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มสงคราม สิ่งที่อียูทำได้ ผมว่าน่าจะเป็นแค่เรื่องการงัดไม้จิ้มฟันออกมาขู่จีน บอกว่า อ้า นี่ไม่ใช่ไม้จิ้มฟันธรรมดานะโว้ย มันสามารถจะพองตัวเป็นขีปนาวุธยิงจีนให้พังพาบทุกเมืองได้จินตนาการเป็นเรื่องดีครับแต่การเพ้อฝันควรอยู่บนความเป็นจริงด้วย.นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok1997@gmail.com คลิกอ่านคอลัมน์ “เปิดฟ้าส่องโลก” เพิ่มเติม