ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ถือเป็นมะเร็งร้ายกัดกินประเทศ แม้รัฐบาลทุกยุคทุกสมัยต่างก็ประกาศนโยบายปราบปรามคอร์รัปชัน รวมถึงรัฐบาลชุดปัจจุบันภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย แต่ก็ยังมีปัญหาทุจริตคอร์รัปชันผุดเป็นดอกเห็ด โดยเฉพาะในการใช้งบประมาณโครงการต่างๆ ทั้งในการบริหารระดับท้องถิ่น และระดับชาติองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ได้เผยแพร่บทความของนายมานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กร เรื่อง “เสียดายโอกาสประเทศไทย” ชี้สาเหตุที่ประชาชนไม่เชื่อว่ารัฐบาลตั้งใจทำดีเพื่อบ้านเมือง แม้จะมีการอธิบายว่าการผลักดันโครงการต่างๆ เช่น กาสิโน แจกเงินดิจิทัล โยกงบฯกระตุ้นเศรษฐกิจ มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจแต่สังคมยังตั้งคำถามว่ามีผลประโยชน์แอบแฝง หรือหวังผลทางการเมืองหรือไม่ วิกฤติความไม่ไว้วางใจนี้เกิดจากการที่รัฐบาลไม่ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าสนใจจะปราบคอร์รัปชันอย่างจริงจัง โดยประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ ระบุถึงเหตุผลที่ทำให้ประชาชนมองว่ารัฐบาลไม่ตั้งใจปราบโกง ไร้ทิศทางและนโยบายที่จับต้องได้อาทิ รัฐบาลไม่เคยแถลงนโยบายต่อต้านคอร์รัปชันที่ชัดเจนและจับต้องได้ แม้ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 69 นายกรัฐมนตรีแถลงต่อสภาฯ ว่าจะผลักดัน CPI ไทยให้ไม่ต่ำกว่า 56 คะแนน ติดอันดับไม่เกิน 45 ของโลก จากปัจจุบัน 34 คะแนน อันดับ 107 ของโลก แต่ที่ผ่านมาตัวเลขไม่เคยขยับเข้าใกล้เป้าหมายจริงขณะที่กลไกต่อต้านคอร์รัปชันภาครัฐอ่อนแอ ปัญหาคอร์รัปชันยังลุกลามโดยไร้คำตอบว่าเกิดจากช่องโหว่ของระบบ หรือจากพฤติกรรมของผู้มีอำนาจ แถม รัฐบาลยังละเลยการปฏิรูประบบราชการและกฎหมาย ปัญหาทุจริตหลายกรณี ป.ป.ช.ได้ส่งความเห็นถึง ครม.แต่ไม่มีคำชี้แจงว่ารัฐบาลได้นำข้อเสนอมาปฏิบัติมากน้อยเพียงใดอีกทั้งรัฐบาลไม่เข้าใจกลไกต่อต้านคอร์รัปชัน อย่างเช่น ครม.มีมติให้ ป.ป.ท.รับผิดชอบขับเคลื่อนมาตรการแก้ปัญหาคอร์รัปชัน เพื่อยกระดับคะแนน CPI ตามที่ ป.ป.ช.เสนอมา ทั้งที่ ป.ป.ช.มีหน้าที่ตาม รัฐธรรมนูญและมีอำนาจมากกว่า เมื่อรัฐบาลไม่ชัดเจนเรื่องต่อต้านคอร์รัปชัน จึงทำให้ข้าราชการเกียร์ว่างในการต่อต้านคอร์รัปชันโดยบทสรุปชี้ว่าถ้ารัฐบาลอยากฟื้นความเชื่อมั่นจะต้องแสดงบทบาทผู้นำการต่อต้านคอร์รัปชัน ยกการต่อต้านคอร์ รัปชันเป็นวาระแห่งชาติ โดยอาศัยพลังร่วมจาก 4 กลุ่มหลักของสังคม ได้แก่นักการเมืองที่ต้องมีธรรมาภิบาล นักธุรกิจที่ไม่จ่ายใต้โต๊ะ ข้าราชการที่มีคุณธรรม และประชาชน ที่ต้องไม่ยอมรับการโกง ซึ่งรัฐบาลสมควร นำไปปฏิบัติ.คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม