เยลลี่ อีกหนึ่งตัวเสริมที่นิยมใช้เป็นท็อปปิ้งเมนูเครื่องดื่ม ด้วยความที่หนึบๆเหมือนบุก เคี้ยวแล้วเพลินแถมมีกลิ่นรสหลากหลาย มีรูปร่างทั้งกลมใหญ่ กลมเล็ก สี่เหลี่ยม รูปดาว รูปหัวใจหรือผลไม้ต่างๆ จึงเสริมให้เครื่องดื่ม เช่น ชา กาแฟ โกโก้ น้ำผลไม้ปั่น มีความสนุกไม่น่าเบื่อ และอร่อยมากขึ้น เยลลี่ที่ร้านเครื่องดื่มใช้ในปัจจุบันส่วนใหญ่จะซื้อแบบสำเร็จรูป เพราะสะดวก ไม่ต้องยุ่งยากทำเองและเก็บไว้ได้นาน ที่เป็นเช่นนั้นเพราะผู้ผลิตส่วนใหญ่มีการใส่สารกันเสียลงไป เพื่อทำให้สามารถเก็บรักษาเยลลี่ไว้ใช้หรือขายได้นานๆ เช่น กรดเบนโซอิก และกรดซอร์บิกตามกฎหมายของไทยอนุญาตให้ใช้กรดเบนโซอิกและกรดซอร์บิกในอาหารได้ แต่ต้องใช้ในปริมาณที่ไม่เกินปริมาณสูงสุดที่อนุญาตให้ใช้ได้ คือ กรดเบนโซอิกใช้ในเยลลี่ได้สูงสุดไม่เกิน 1,000 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ส่วนกรดซอร์บิกใช้ได้ไม่เกิน 1,000 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม เช่นกัน หากเราได้รับสารกันเสียทั้ง 2 ชนิดนี้ เข้าสู่ร่างกายในปริมาณที่เหมาะสมจากการทานอาหาร ร่างกายสามารถกำจัดออกทางปัสสาวะได้ จะไม่เกิดอันตรายใดๆ แต่หากได้รับในปริมาณมากจะทำให้เกิดการสะสมอยู่ในร่างกาย อาจเกิดอันตราย เช่น ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสียมีปัญหาเกี่ยวกับตับและไตได้ สถาบันอาหารเก็บตัวอย่างเยลลี่สำหรับใช้เป็นท็อปปิ้งเมนูเครื่องดื่มต่างๆจำนวน 5 ตัวอย่างจาก 4 ยี่ห้อ และจาก 1 ร้านค้าในเขตกรุงเทพฯ เพื่อนำมาวิเคราะห์ปริมาณสารกันเสีย 2 ชนิด คือ กรดเบนโซอิกและ กรดซอร์บิก ผลปรากฏว่าพบกรดเบนโซอิกในท็อปปิ้งเยลลี่ 4 ตัวอย่าง ปริมาณที่พบอยู่ในช่วง 140.41-2,205.99 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ซึ่งเกินมาตรฐาน 1 ตัวอย่างส่วนกรดซอร์บิกพบทั้ง 5 ตัวอย่าง ปริมาณที่พบอยู่ในช่วง 79.63-500.26 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมเห็นผลวิเคราะห์อย่างนี้แล้ว ขาประจำเครื่องดื่มที่ต้องมีท็อปปิ้งเยลลี่ ขอเตือนว่าทานกันได้ แต่ไม่ควรบ่อยนัก เพื่อให้ร่างกายมีเวลากำจัดออก ไม่เกิดการสะสมจนเป็นอันตรายต่อร่างกายในระยะยาว. ไทยรัฐ+สถาบันอาหารโครงการอาหารปลอดภัยคลิกอ่านคอลัมน์ "มันมากับอาหาร" เพิ่มเติม