หลังจากปักหลักถ่ายทำในไทยมามากกว่าหนึ่งปี ในที่สุดแฟนๆ “Alien” ก็มีโอกาสได้ชม Alien : Earth ซีรีส์ออริจินอลฟอร์มยักษ์จากเอฟเอ็กซ์ (FX) สร้างโดย โนอาห์ ฮอว์ลีย์ โชว์รันเนอร์ที่มีผลงานสุดปังจากเรื่อง Fargo และ Legion Alien : Earth ใช้สถานที่ถ่ายทำ 7 จังหวัด ในไทยคือ พังงา, กระบี่, สุราษฎร์ธานี, ประจวบคีรีขันธ์, นครปฐม, กรุงเทพฯ และสมุทรปราการ แต่กว่าจะมาลงล็อกที่ไทยนั้น ทีมผู้สร้างได้ตระเวนดูสถานที่ถ่ายทำในไทยและหลายแห่งในต่างประเทศ เช่น ฮังการี หรือเมืองแวนคูเวอร์ ในแคนาดา ทว่าสุดท้ายก็วกกลับมาไทย โจเซฟ อี. ไอเบอร์ตี (เอ็กเซ็กคูทีฟ โปรดิวเซอร์) พร้อมกับเหล่าโปรดิวเซอร์คือ ดาริน แม็คคลาวด์, คริส โลเวนสตีน, มิกิซี เพนโซโน (ซุปเปอร์ไวซิง โปรดิวเซอร์) และ อภินัทธ์ ศิริเจริญจิตต์ (ไลน์ โปรดิวเซอร์ และยูนิต โปรดักชั่น เมเนเจอร์) ให้ความเห็นว่าไทยมีโครงสร้างพื้นฐานที่น่าทึ่ง ทั้งอุปกรณ์ ทีมงานหลายร้อยจนถึงหลักพันชีวิต ลำพังแค่ในกรุงเทพฯ-สมุทรปราการก็ใช้สตูดิโอใหญ่ถ่ายทำแบบเต็มที่ใน 3 แห่งคือ มูนสตาร์ สตูดิโอ, เดอะ สตูดิโอ พาร์ค ไทยแลนด์ และ ทีวีที กรีน พาร์ค คริส โลเวนสตีน ผู้ก่อตั้ง Living Films บริษัทผลิตภาพยนตร์และซีรีส์ทางทีวี เขาพำนักในไทยมานาน และเป็นหนึ่งในผู้อำนวยการสร้าง Alien : Earth เผยว่า “มันเป็นโครงการที่ยาวนาน อาจเป็นซีรีส์ทางทีวีจากสหรัฐอเมริกาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยถ่ายทำในไทย ไทยก็เหมือนยานแม่ของซีรีส์ มันเป็นความก้าวหน้าครั้งใหญ่เหมือนกับการนำเอาทุกสิ่งที่เราเรียนรู้มาตลอดหลายปีในไทยมาใช้ และเราได้รวบรวมทีมงานคนไทยที่ดีที่สุดมาร่วมงาน พร้อมกับทีมงานจากประเทศอื่นๆด้วย มันจึงเป็นการร่วมงานกันครั้งใหญ่ทีเดียวครับ”ส่วน โนอาห์ ฮอว์ลีย์ ย้อนความให้ฟังว่า “เรามองมาที่ประเทศไทยทันที พวกเขาบอกว่ามันใช่ในการสร้างสรรค์เรื่องราว ฉากส่วนใหญ่ของซีซันแรกเกิดขึ้นบนเกาะที่ตั้งของสถานที่วิจัย ในแง่ของสภาพอากาศ มันสมบูรณ์แบบสำหรับมัน ด้านการผลิตและทีมงานที่ไทย ผมพูดได้ว่านี่แหละคือทางของผม ที่นี่เป็นเมืองพุทธ ทุกคนเคารพกัน ใจกว้าง และทำงานหนัก วิธีที่ ผมชอบทำงาน ไม่มีใครตะโกน อย่างเรารู้ว่า เราต้องทำ 6 สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ก่อนมื้อเที่ยง เราจะทำมันให้สำเร็จ และอย่างที่รู้กันคือทีมไทยจะเคลื่อนไหวรวดเร็ว ผมว่ามันเป็นสถานการณ์ที่สมบูรณ์แบบจริงๆ” ในช่วงเดือน เม.ย.2567 ทีมงานของ FX’s Alien : Earth ได้เปิดให้สื่อต่างประเทศรวมทั้ง “ไทยรัฐ” ได้เข้าชมการทำงานซีรีส์เรื่องนี้ เดินทางไปยังมูนสตาร์ สตูดิโอ เพื่อชมงานโปรดักชัน ดีไซน์ในยานอวกาศ USCSS Maginot ของบริษัทเวย์แลนด์-ยูทานิ (Weyland-Yutani) ได้เห็นการทำงานของทีมไทยในหลายๆฝ่าย ทั้งฝ่ายออกแบบและจัดหาอุปกรณ์ประกอบฉาก ฝ่ายดูแลภาพรวมด้านศิลปะและการออกแบบฉากทั้งหมด ฝ่ายผู้จัดหาอุปกรณ์และตกแต่งรายละเอียดของฉากให้สมจริงและสวยงาม ฝ่ายควบคุมงานก่อสร้าง ฝ่ายออกแบบเครื่องแต่งกายตัวละคร ขณะฝั่งของต่างประเทศก็มีฝ่ายควบคุมดูแลเรื่องสตันต์หรือนักแสดงฉากเสี่ยงอันตรายแทนนักแสดงหลัก และฝ่ายแต่งหน้า-ทำผม ขณะที่ในวันถัดมาทีมผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปเดอะ สตูดิโอ พาร์ค ไทยแลนด์ สมุทรปราการเพื่อเยี่ยมชมส่วนของการทำงานด้านอุปกรณ์ ส่วนของยานอวกาศ ที่นี่จะเป็นหน่วยที่มีการผลิตพวกกายอุปกรณ์ ที่ใช้การพิมพ์ 3 มิติสร้างอวัยวะเทียม, ฝ่ายสร้างสัตว์ประหลาดรูปแบบต่างๆ ทั้ง ไข่เอเลี่ยน หรือสัตว์ประหลาดตัวเล็กตัวน้อย ฝ่ายผลิตอาวุธ และสิ่งที่ทุกคนรอชมก็คือฝ่ายผลิตชุด Xenomorph (ซีโนมอร์ฟ) หรือตัว “เอเลี่ยน” สายพันธุ์โหดจากต่างดาวที่คอหนังทั่วโลกรู้จักกันมากว่า 4 ทศวรรษ ซึ่งซีโนมอร์ฟปรากฏตัวใน Alien ภาพยนตร์สุดลือลั่นในปี 2522 ของ ริดลีย์ สก็อตต์ ผู้กำกับชาวอังกฤษ ทุกวันนี้ ได้ถูกยกย่องเป็นภาพยนตร์ไซไฟสยองขวัญระดับตำนานโนอาห์ ฮอว์ลีย์ เผยว่า “เวลาผมทำหนังดัดแปลงอะไรพวกนี้ ซึ่งผมได้รับมอบหมายให้ทำมาหลายครั้งแล้ว ผมแค่พยายามหาว่าหนังต้นฉบับทำให้ผมรู้สึกอย่างไรและเพราะอะไร จากนั้นก็พยายามทำให้คนอื่นรู้สึกคล้ายๆกัน ด้วยการเล่าเรื่องราวที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง” เจ้าตัวระบุว่า ตอนดูหนังเรื่องนี้ครั้งแรกก็พบว่านี่ไม่ใช่แค่หนังสัตว์ประหลาด แต่มันเกี่ยวกับมนุษยชาติที่ติดอยู่ระหว่างปรสิตยุคดึกดำบรรพ์กับอนาคตของปัญญาประดิษฐ์ และทั้งสองอย่างนี้นำมาซึ่งความหายนะของผู้คน “ผมชอบไอเดียการเลือกช่วงเวลาหนึ่งในประวัติศาสตร์โลก ซึ่งค่อนข้างคล้ายกับช่วงเวลาของ โธมัส เอดิสัน, นิโคลา เทสลา, จอร์จ เวสติงเฮาส์ ที่ทุกคนรู้ว่าไฟฟ้าคือสิ่งสิ่งหนึ่ง และทุกคนก็ต่อสู้เพื่อควบคุมมัน ผมชอบไอเดียที่ว่าเรามีปัญญาประดิษฐ์ และทุกคนก็พยายามหาวิธีที่มนุษยชาติจะก้าวข้ามไปสู่อีกระดับหนึ่งของปัญญาประดิษฐ์ มันช่วยเสริมประสิทธิภาพทางกลไกของร่างกายมนุษย์หรือเปล่า หรือเป็นแนวคิดแบบเหนือมนุษย์กันแน่ การต้องเอาสัตว์ประหลาดเข้ามาข้องแวะด้วย ก็เพราะซีรีส์และนิยายวิทยาศาสตร์หลายๆเรื่องพูดถึงประเด็นที่ว่ามนุษยชาติสมควรที่จะอยู่รอดหรือไม่”ส่วน Alien : Earth นั้นดัดแปลงมาจากภาพยนตร์ต้นฉบับของ ริดลีย์ สก็อตต์ ซีรีส์ทางโทรทัศน์ชุดนี้บอกเล่าเรื่องราวในปี ค.ศ.2020 (พ.ศ.2563) เป็นยุคที่โลกถูกปกครองโดย 5 องค์กรใหญ่ อาทิ เวย์แลนด์-ยูทานิ, พรอดิจี (Prodigy) ขณะที่มนุษยชาติมีชีวิตอยู่ร่วมกับไซบอร์ก,สิ่งมีชีวิตสังเคราะห์หรือมนุษย์เทียม ทว่าจู่ๆ วันหนึ่งยานวิจัยจากอวกาศ USCSS Maginot ก็ตกสู่พื้นโลกกะทันหัน เรียกว่าโลกเจองานเข้าอย่างจัง เพราะในยานมีซีโนมอร์ฟอยู่ด้วย ความหวังจึงตกกับ เวนดี้ รับบทโดย ซิดนีย์ แชนด์เลอร์ หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ที่ผสานจิตสำนึกของมนุษย์เข้าไป เธอคือ ไฮบริดคนแรกของโลก อันเป็นผลงานการพัฒนาชั้นเยี่ยมของพรอดิจี ซึ่ง เวนดี้ ได้รวมทีมเพื่อนพ้องไฮบริดด้วยกันออกเผชิญหน้ากับสถานการณ์สุดท้าทาย นอกจากความสนุกในแบบหนังไซไฟ ระทึกขวัญที่เสิร์ฟกันจัดเต็มแล้ว Alien : Earth ยังเป็นงานที่แสดงศักยภาพที่น่าทึ่งในฝีมือของคนไทย ซึ่งซีรีส์สตรีมให้ชมแล้วทั้งในเวอร์ชันพากย์ไทยและซับไทยบน Disney+ Hotstar ที่เดียวเท่านั้น!อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่