ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้กว่าจะผ่านสงคราม “เฟกนิวส์” มาได้ก็เล่นเอาเหนื่อยไปเหมือนกันเพราะมาเป็นชุด ที่สำคัญคือโกหกได้ทุกเรื่องทุกประเด็น เล่นเอารัฐบาลไทย–กองทัพไทย หัวหมุนเลย กว่าจะตั้งหลักได้ก็ต้องใช้เวลานานพอสมควรล่าสุดได้ตั้ง “ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” อดีตนางสาวไทย เป็นโฆษก ศบ.ทก. เพื่อสู้กับโฆษกของกัมพูชา “พล.ท.มาลี”ก็สมน้ำสมเนื้อกันดี อยู่ที่ใครจะแสดงฝีมือเก่งกาจขนาดนั้นก็ติดตามกันต่อไปแต่ไฮไลต์สำคัญที่ผ่านมาสดๆร้อนๆ ก็คือทั้งไทย–กัมพูชาได้บรรลุข้อตกลง 13 ข้อ ที่ประชุมร่วม 2 ฝ่ายที่กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซียประเด็นคือ “หยุดยิง” อย่างไม่มีเงื่อนไขแต่มีอยู่ 2 ข้อที่กัมพูชาไม่รับคือ1.กู้ทุ่นระเบิด2.กวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ไม่ยอมรับปากเรื่องกู้ทุ่นระเบิดก็คงเกรงว่าจะเข้าเนื้อเพราะได้ปฏิเสธมาแล้วว่าไม่ได้เป็นฝ่ายวาง เป็นการกล่าวอ้างจากฝ่ายไทยส่วนเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็เพราะเป็นแหล่งรายได้ควบคู่กับ “กาสิโน” ซึ่งกัมพูชาเป็นศูนย์กลางสำคัญที่ทำรายได้มหาศาลเป็นประเด็นหนึ่งในปมขัดแย้งระหว่าง 2 ฝ่ายการที่ทั้ง 2 ฝ่ายสามารถตกลง 13 ข้อได้ถือว่าเป็นเพียงยกแรกที่ทำให้สถานการณ์คลี่คลายไปในทางดีเมื่อเสียงปืนสงบทุกอย่างก็ดีขึ้น!แต่ความประพฤติของกัมพูชาที่ผ่านมาไม่มีความน่าเชื่อถือ ไม่ใช่เฉพาะไทยเท่านั้น แต่ในสายตาชาวโลกก็ไม่ต่างกันดังนั้น ก็อย่าประมาทและเตรียม พร้อมทุกกระบวนท่าเพื่อรับมือเมื่อศึกนอกเบาลงรัฐบาลก็คงมีเวลาจัดระเบียบภายในเพราะสถานการณ์ก็ไม่ค่อยจะดีนัก จะดำเนินการเพื่อให้มีนโยบายใหม่ๆคงไม่ได้จึงคว้างานเก่าๆมาสะสางเพื่อสร้างคะแนนนิยมเท่านั้นนอกจากนั้นก็ต้องฟาดฟันกับคู่แย้งทางการเมืองอย่าง “ภูมิใจไทย” ที่เป็นฝ่ายค้านไม่มีอำนาจรัฐรองรับก็ง่ายหน่อยไม่ว่าจะเป็นคดีเขากระโดงที่มีความได้เปรียบอยู่แล้ว เมื่อได้อธิบดีกรมที่ดินคนใหม่ที่ตั้งมากับมือเป็นหัวหมู่ทะลวงฟันให้นอกจากนั้นก็จัดแถวข้าราชการกระทรวงมหาดไทยเพื่อตั้งคนของตัวเองไปดำรงตำแหน่งสำคัญๆ เพื่อผลในการเลือกตั้งครั้งหน้าก็คงทำได้แค่นี้...แต่ที่เป็นปัญหาก็คืองานในสภาทำท่าว่าจะวุ่นวายไม่รู้จบ เนื่องจากเสียงปริ่มน้ำ ประชุมแต่ละครั้งจะล่มทุกทีกฎหมายสำคัญๆจึงพิจารณาไม่ได้เด็ดขาดเพราะเสี่ยงที่จะถูกตีตกหรือองค์ประชุมไม่ครบประธานที่ประชุมจึงทำได้แค่คอยดูไม่ให้สภาล่ม เห็นท่าไม่ดีก็ปิดประชุมแต่ประเด็นที่เป็นไฮไลต์สำคัญน่าจะเริ่มวันที่ 22 ส.ค. ซึ่งศาลจะตัดสินคดี ม.112 ที่ “ทักษิณ ชินวัตร” เป็นจำเลยจากนั้นก็เป็นวันที่ 9 ก.ย.2568 คดีชั้น 14 รพ.ตำรวจ ซึ่งมีข่าวว่าไม่น่ารอดอีกคดีก็คือเรื่องของ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาถอดถอนหากกำหนดวันเมื่อใดการเมืองก็ใกล้จะถึงจุดเปลี่ยนแปลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เสียงจากคีย์แมนของรัฐบอกสั้นๆว่า “หากอยู่ได้ก็อยู่ อยู่ไม่ได้ก็ไป”พูดง่ายๆมองเห็นปลายทางกันแล้ว!“ลิขิต จงสกุล”คลิกอ่านคอลัมน์ “สับรางวันอาทิตย์” เพิ่มเติม