"อนุทิน" โต้กระทรวงมหาดไทยขู่ยึดที่ดินเขากระโดง 5 พันไร่ ยืนกรานดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายและคำพิพากษา ใครจะทำอะไรต้องรับผิดชอบเอง เพื่อไทยมั่นใจศาลรัฐธรรมนูญฟัน “พิเชษฐ์” ไม่กระทบการทำงานพรรค นัดประชุมพรรค 5 ส.ค. เคาะชื่อรองประธานสภาฯคนใหม่ เร่งเครื่องนำเข้าสภาฯโหวตเลือกวันที่ 7 ส.ค. เผยชื่อ “ชลน่าน ศรีแก้ว” ลุ้นชิงเก้าอี้ ม็อบรวมพลังแผ่นดินไทยฯแสดงพลังแน่นอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ย้ำจุดยืนให้นายกฯลาออก-พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว “จตุพร” ฉะแหลกตัวแทนรัฐบาลโง่ เจรจาหยุดยิงชายแดนทำไทยเสียเปรียบหลังจากที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายก รัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ประกาศจะยึดคืนพื้นที่เขากระโดง 5 พันไร่ กลับมาเป็นของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ตั้งแต่วันที่ 2 ส.ค.เป็นต้นไป ทำให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ออกมา ตอบโต้ยืนยันที่ดินเขากระโดงดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ หากใครจะทำไปอะไร ต้องรับผิดชอบผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นเอง“เสี่ยหนู” มั่นใจเขากระโดงถูก ก.ม.เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 2 ส.ค. ที่ จ.บุรีรัมย์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ลงพื้นที่ ชายแดน อ.บ้านกรวด ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหารและชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) โดยนายอนุทินกล่าวกรณีกระทรวงมหาดไทยแถลงเตรียมยึดคืนที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ โดยจะเพิกถอนพื้นที่สนามฟุตบอล สนามแข่งรถ และพื้นที่โดยรอบกว่า 5 พันไร่ ตั้งแต่วันที่ 2 ส.ค. เนื่องจากมีคำพิพากษาศาลยืนยันเป็นพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ว่า กรณีเขากระโดงดำเนินการตามกฎหมายถูกต้องทุกประการแล้ว ถ้าตนยังพูดถึงเรื่องนี้จะเหมือนเป็นการไปปกป้องใคร แต่มั่นใจว่า สิ่งที่ผู้เกี่ยวข้องทุกคนได้ทำไปนั้น ปฏิบัติตามระเบียบกฎหมาย คำพิพากษาศาลทุกประการ จึงมีความมั่นใจ ส่วนใครจะทำอะไรถือเป็นคนละยุคสมัย ต้องรับผิดชอบผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นติงอย่าดึงเป็นเกมการเมืองนายอนุทินกล่าวว่า ขอให้ทุกคนปฏิบัติตามกฎหมาย อย่าเอามาเป็นเรื่องการเมือง ภารกิจหลักวันนี้คือ ดูแลปกป้องบ้านเมือง อธิปไตย ดูแลความปลอดภัยชาวบ้าน และให้กำลังใจผู้รักษาบ้านเมือง เมื่อถามว่า ควรให้โฟกัสเรื่องชายแดนมากกว่าเรื่องการเมืองใช่หรือไม่ นายอนุทินตอบว่า ไม่ได้บอกอยากให้โฟกัสอะไร โดยจิตสำนึกพวกตนไม่มีอำนาจหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน แต่ความเป็นคนไทยด้วยกันก็ต้องมาดู อย่างศูนย์อพยพที่สนามแข่งรถ จ.บุรีรัมย์ ดูแลผู้อพยพเป็นหมื่นคน ทุกคนส่งของมาช่วย เป็นสิ่งที่ปลาบปลื้มมาก ไม่มีเรื่องการเมืองใดๆรฟท.เยียวยาให้เช่าที่ดินนายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการรถไฟแห่ง ประเทศ ไทย (รฟท.) กล่าวถึงกรณีกระทรวงมหาดไทยเตรียมเพิกถอนที่ดินเขากระโดงกลับมาเป็นที่ดิน รฟท.ตั้งแต่วันที่ 2 ส.ค.ว่า กระบวนการเพิกถอนเอกสารสิทธิที่ดินต้องรอคำสั่งจากอธิบดีกรมที่ดินคนใหม่ หรือผู้รักษาราชการแทนก่อน เพื่อสั่งการให้สำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ดำเนินการตามคำสั่งศาลปกครองกลางให้เพิกถอนโฉนดตามคำพิพากษาศาลฎีกา กระทรวงมหาดไทยระบุชัดเจนว่า ปี 2567 กรมที่ดินและ รฟท.ร่วมกันสอบแนวเขตออกมาชัดเจนแล้ว กรมที่ดินจึงมีอำนาจเพิกถอนโฉนดเขากระโดงตามมาตรา 61 วรรค 8 ของประมวลกฎหมายที่ดินได้เลย รฟท.จะติดตามผลการเพิกถอนเอกสารสิทธิจากกรมที่ดินเป็นระยะๆ ส่วนผู้ครอบครองที่ดินพื้นที่ดังกล่าว รฟท.เตรียมดำเนินการตามกระบวนการที่เหมาะสม จะเจรจากับผู้อยู่อาศัยหรือใช้ประโยชน์ที่ดินว่าประสงค์ จะย้ายออกหรือเข้าระบบเช่าที่ดินตามระเบียบ รฟท. หากไม่สามารถตกลงได้ต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป อย่างไรก็ตาม เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ผู้ได้รับผลกระทบ รฟท.พร้อมเปิดทางเลือกให้เช่าที่ดินตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ เป็นแนวทางเยียวยาให้มีผู้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุดคดี “พิเชษฐ์” ไม่ทำ พท.สะดุดนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญเพิกถอนนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทน ราษฎรคนที่ 1 พ้นตำแหน่ง สส.เชียงราย และตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปีเนื่องจากฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 ว่า เสียใจกับนายพิเชษฐ์ที่ถูกตัดสิทธิดังกล่าว นายพิเชษฐ์และคณะทำงานฝ่ายกฎหมายต้องเร่งอ่านคำวินิจฉัยฉบับเต็ม เพื่อทำความเข้าใจต่อไป ถ้าดูการปฏิบัติหน้าที่บนบัลลังก์ นายพิเชษฐ์ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่รองประธานสภาผู้แทนราษฎรได้ดี แต่เมื่อมีปัญหาเรื่องมาตรา 144 ต้องยอมรับคำวินิจฉัย สส.คนอื่นต้องระวังประเด็นนี้ พรรคเพื่อไทยคาดว่า คงใช้เวลาไม่นานในการหารองประธานสภาฯคนที่ 1 แทนนายพิเชษฐ์ รวมถึงการส่งผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมแทนนายพิเชษฐ์ คิดว่าไม่น่ามีปัญหา พื้นที่ดังกล่าวพรรคเพื่อไทยมีบุคลากรคุณภาพ พร้อมลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อม ก่อนที่ กกต.จะประกาศรับสมัครเลือกตั้งซ่อม คงมีความชัดเจนมากขึ้นโดยลำดับ กรณีนายพิเชษฐ์ไม่ทำให้การทำงานพรรคเพื่อไทยสะดุด จุดใดที่ต้องแก้ไข ก็เดินหน้าต่อไปเลือกรอง ปธ.สภาฯ วันที่ 7 ส.ค.นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธาน สส.พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเลือกตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 แทนนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ว่า นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร บรรจุวาระการพิจารณาเลือกรองประธานสภาฯคนที่ 1 ในวันที่ 7 ส.ค.นี้ เหตุที่ต้องเร่งพิจารณาคัดเลือก เนื่องจากวันที่ 13-15 ก.ค. จะพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วาระ 2-3 หากมีประธานและรองประธานแค่ 2 คนคงไม่ไหว อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทยยังไม่ได้คุยกัน จะเสนอใครเป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1 รอฟังสมาชิกพรรคก่อน ส่วนจะเป็นโควตาภาคเหนือเหมือนนายพิเชษฐ์หรือไม่ ต้องรอการประชุมพรรคเพื่อไทย วันที่ 5 ส.ค. เมื่อถามว่า หากพรรคเสนอนายวิสุทธิ์ทำหน้าที่เป็นรองประธานสภาฯพร้อมรับหรือไม่ นายวิสุทธิ์ตอบว่า ฟังเพื่อนสมาชิกก่อน พรรคมีคนเก่ง มีความสามารถ พร้อมทำหน้าที่หลายคน ตนพร้อมสนับสนุนทุกคนทำหน้าที่ ส่วนตัวขอเป็นตัวเลือกสุดท้าย หากไม่มีใครยอมเป็นเปิดทาง “ชลน่าน” ชิงเก้าอี้นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในวันที่ 5 ส.ค. จะประชุมพรรคเพื่อไทย หารือการหาตัวผู้มาดำรงตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 และการเลือกตั้งซ่อม สส.เชียงราย แทนนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน อดีตรองประธานสภาฯ และ สส.เชียงราย ที่พ้นจากตำแหน่งตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ คาดว่าจะมีความชัดเจนทั้ง 2 เรื่องในวันดังกล่าว เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ จะเสนอชื่อ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย ชิงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 นายดนุพรตอบว่า ต้องคุยกันก่อน ถ้ามองว่านายพิเชษฐ์มาในสัดส่วนภาคเหนือ อาจเป็นไปได้ว่า นพ.ชลน่านที่เป็น สส.น่าน อาจมีสิทธิชิงตำแหน่งนี้ซ่อนเล่ห์ลักไก่ใช้งบไม่ตรงปกนายภัณฑิล น่วมเจิม สส.กทม. พรรคประชาชน กล่าวว่า การที่ศาลรัฐธรรมนูญเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากใช้อำนาจตัวเองเพื่อประโยชน์ส่วนตัว เป็นคนสั่งการให้นำงบสัมมนาไปลงพื้นที่ตัวเอง สุดท้ายงบที่ขอก็ไม่ได้ทำ เอามาเป็นข้ออ้างเฉยๆ เพื่อแปรงบประมาณไปทำเรื่องอื่น ถือว่าซ้ำร้ายกว่าเดิม ขอไว้อย่าง แต่เอาไปทำอีกอย่าง ไม่ตรงปก ลักไก่ทำเรื่องที่ไม่ได้มาขออนุญาตสภาฯก่อน สิ่งที่อภิปรายเรื่องนี้ในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย เพราะมีข้าราชการรัฐสภารู้สึกเดือดร้อนมาก หากจะต้องสุ่มเสี่ยงกับการกระทำผิดไปด้วย แม้จะได้ทักท้วงไปแล้วตั้งแต่ต้น จึงทำข้อมูลมาให้ใช้ในการอภิปราย จนยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เชื่อว่าประชาชนน่าจะเห็นตรงกันว่าไม่ถูกต้อง จนศาลฯวินิจฉัยขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 ที่ สส.เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับงบประมาณ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมตร.ตรึงกำลังเข้มเวทีชุมนุมเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 2 ส.ค. ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ผู้ชุมนุมจากหลากหลายอาชีพทยอยเดินทางมาร่วมการชุมนุมใหญ่ “ส่งกำลังใจ รวมพลังแผ่นดิน จากแนวหลังสู่แนวหน้า” ของคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย มีการตั้งเวทีที่เกาะกลางอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และตั้งจุดเปิดรับบริจาคสิ่งของและเงิน นำไปมอบให้เจ้าหน้าที่ทหารแนวหน้า โดยมีกำลังตำรวจ เทศกิจ และเจ้าหน้าที่หน่วยอีโอดีกว่า 1,000 นาย พร้อมสุนัขตำรวจตรวจสอบความปลอดภัยและความเรียบร้อยรอบพื้นที่ชุมนุม โดยตำรวจตั้งจุดตรวจ 6 จุด และจุดคัดกรองพื้นราบ 8 จุด รอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และสกายวอล์ก 6 จุด และสั่งห้ามบินโดรนทุกกรณีต่อมาเวลา 12.00 น. การชุมนุมเริ่มคึกคัก กลุ่มผู้ชุมนุมเข้ามาปักหลักจับจองพื้นที่รอบเวทีปราศรัยอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และบริเวณสกายวอล์กสถานีรถไฟฟ้า มีแกนนำบางส่วนทยอยขึ้นเวที เน้นย้ำจุดยืน 3 ข้อ เหมือนการชุมนุมครั้งที่ผ่านมาคือ 1.น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ต้องลาออกจากนายกรัฐมนตรี ไม่ต้องรอให้ศาลตัดสิน 2.พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวจากรัฐบาลทันที 3.การแสดงจุดยืนปกป้องอธิปไตยจากกองทัพกัมพูชาของประชาชนไทยซัดนายกฯต้องออกมาขอโทษเวลา 13.00 น. ประชาชนเดินทางมาร่วมชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิมากขึ้น โดยนายพิชิต ชัยมงคล แกนนำคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย ให้สัมภาษณ์ว่า การเปิดเวทีใหญ่ครั้งที่ 2 มีข้อเรียกร้องเดิมคือ นายกฯต้องลาออกจากตำแหน่ง รับผิดชอบกรณีคลิปเสียงสนทนาสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ที่เป็นต้นเหตุให้เกิดสงครามไทย-กัมพูชา จนทหาร ประชาชน เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ส่วนที่รัฐบาลบอกว่า ขณะนี้ไม่ใช่เวลาที่มาโจมตีกัน มองว่าทุกเวลาเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาล คนไทย ต้องจัดการไส้ศึกคือนายกฯ ที่เป็นจุดอ่อนความมั่นคงประเทศ การที่นายกฯอ้างสงครามเกิดจากการปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไม่ได้เกี่ยวกับตระกูลชินวัตรนั้น ที่ผ่านมาไม่เห็นการทำงานเป็นรูปธรรมปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รัฐบาลภูมิใจขนาดไหนที่ยืนอยู่บนเลือดเนื้อประชาชนที่เสียชีวิต นายกฯต้องออกมาขอโทษ นี่คือความอัปยศที่นายกฯทำกับประชาชน หลังจากนี้ผู้ชุมนุมอาจต้องขยับไปใกล้ทำเนียบมากขึ้น หรือพักค้างตลอดคืนก็ได้“จตุพร” ซัดตัวแทนรัฐบาลโง่ขณะที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะรวมพลังแผ่นดินฯ กล่าวว่า ข้อเรียกร้องให้นายกฯลาออก และพรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว เป็นข้อเรียกร้องเลื่อนลอย เพราะไม่มีการแสดงความรู้สึกรับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น การไปเจรจาที่มาเลเซียเป็นความผิดพลาด ไม่ควรให้ชาติที่ 3 มายุ่งเกี่ยวตั้งแต่ต้น สถานการณ์ที่ปราสาทตาควาย เมื่อกัมพูชาไม่ยอมหยุดยิงเวลา 18.00 น. ต้องขยายเวลาเป็น 24.00 น. รัฐบาลต้องรู้กัมพูชามีภารกิจพิเศษ ต้องไม่รับเงื่อนไขดังกล่าว เมื่อกัมพูชาไม่ทำตามข้อตกลง ต้องยกเลิกข้อตกลงทั้ง 3 ข้อ เพราะกัมพูชาละเมิดข้อตกลง การที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ไปเจรจาการหยุดยิง เป็นการเสียที ทำให้ไทยเสียเปรียบ นำไปสู่การเสียปราสาทตาควาย เราไม่ได้แพ้สงคราม เราแพ้เพราะตัวแทนรัฐบาลแสดงความโง่ จะจงใจหรือไม่ก็ตาม นำไปสู่สิ่งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นยังไม่นัดปักหมุดทำเนียบฯเมื่อถามว่า จะยกระดับไปชุมนุมใกล้ทำเนียบรัฐบาลหรือไม่ นายจตุพรตอบว่า ยังไม่ได้หารือกัน ขอให้ใจเย็นๆ น.ส.แพทองธารมีเวลาทำคำชี้แจงถึงศาลรัฐธรรมนูญ คดีคลิปเสียงสนทนาสมเด็จฮุน เซน ถึงวันที่ 4 ส.ค. ขณะที่ศาลรัฐธรรมนูญมีกำหนดประชุมวันที่ 6 ส.ค. เพื่อกำหนดวันนัดอ่านคำวินิจฉัย นายกฯยังมีเวลาอยู่ หาความสำราญได้ตามสบาย ยังไม่จำเป็นต้องไปที่บ้าน ทำเนียบรัฐบาล หรือกระทรวงใด ยกเว้นว่าก่อกวนจนไม่ไหวกันจริงๆ ค่อยไปกันที่นั่นอดีตบิ๊กทหารรุมซัดเจรจาปาหี่ต่อมาเวลา 16.30 น. มีอดีตบิ๊กทหาร อาทิ พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ อดีต สว. พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร อดีตแม่ทัพภาค 2 พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความมั่นคงแห่งชาติ (ศรภ.) ขึ้นเวทีปราศรัยประเด็นความมั่นคง ระบุว่า การปะทะไทย-กัมพูชา วันที่ 24 ก.ค.เป็นโอกาสที่ไทยจะยึดพื้นที่ที่เคยเสียไปกลับคืน น่าเสียดายที่รัฐบาลไปเจรจาหยุดยิงโดยไม่มีเงื่อนไข ไม่มีที่ไหนในโลกทำกัน จึงไม่สามารถยึดคืนปราสาทตาควายได้ การเจรจาที่เกิดขึ้นเป็นเจรจาปาหี่ คุยกันไม่นานออกมาแถลงข่าวร่วมกัน เหมือนเตรียมการไว้แล้ว สิ่งที่น่ากลัวกว่าไส้ศึกภายนอกคือ ไส้ศึกในรัฐบาล กระทั่งเวลา 18.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมนำธงชาติขนาดใหญ่ และขนาดยาวหลายสิบเมตรชูเหนือศีรษะ ขึงหน้าเวทีปราศรัย ร่วมกันร้องเพลงชาติ และยืนไว้อาลัยทหารและประชาชนที่เสียชีวิตจากการปะทะในพื้นที่ชายแดนยึดคัตเตอร์–ยาเสพติดอื้อเวลา 17.00 น. ที่ศูนย์ปฏิบัติการ ส่วนหน้า บก.น.1 สำนักงานเขตราชเทวี พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.สน.ยานนาวา ในฐานะโฆษกศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้าฯ แถลงว่า จากการตั้งจุดตรวจจุดคัดกรอง ตรวจยึดอาวุธมีดและคัตเตอร์พื้นที่ด้านนอกก่อนเข้าสู่พื้นที่ด้านในอนุสาวรีย์ชัย รวม 66 ราย พบยาเสพติด 10 ราย แรงงานลักลอบเข้าประเทศผิดกฎหมาย 24 ราย เป็นกัมพูชา 4 ราย ลาว 1 ราย ที่เหลือเป็นคนเมียนมา คุมตัวส่ง สน.พญาไท จากการซักถามเบื้องต้นให้การว่า กำลังจะไปทำงาน และขอเน้นย้ำสำนักการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ไม่อนุญาตให้บินโดรนทุกกรณีทั่วราชอาณาจักรไทย หากนำโดรนขึ้นบิน ถือว่ามีโทษยุทหารประกาศกฎอัยการศึกเวลา 18.30 น. นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน กล่าวปราศรัยว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายก รัฐมนตรี ไปประชุมเจรจาที่มาเลเซีย ทหารฝากไป 7 ข้อ ไม่ได้คุยสักข้อ มัวแต่ก้มหน้ารับเงื่อนไขหยุดยิง ถึงวันนี้คนไทยยังไม่รู้ว่าไปคุยอะไรกันบ้าง ไม่ควรไปเจรจานอกประเทศอีก เราไม่ได้แพ้ แต่เราชนะจึงต้องให้มาคุยในประเทศเรา หรือให้ทหารเดินหน้าลุยให้สุดไปเลย ถ้ารัฐบาลทำแบบเดิม ขอให้ประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศไปเลยโวยงบ 100 ล้านไม่ถึงจังหวัดนายอลงกต วรกี สว. กล่าวว่า ขณะนี้ตามศูนย์อพยพต่างๆที่มีชายแดนติดต่อกับกัมพูชา ยังไม่ได้รับงบประมาณจากส่วนกลางเลย สิ่งที่ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า รัฐบาลอนุมัติงบช่วยเหลือให้จังหวัดละ 100 ล้านบาท และยืนยันไม่มีปัญหาการเบิกจ่ายงบประมาณนั้น เป็นเพียงแค่หนังสือสั่งการถึงการอนุมัติงบประมาณช่วยเหลือจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา แต่ตัวเงินยังไม่มีจังหวัดใดได้เลย ศูนย์อพยพต่างๆต้องใช้เงินจากตัวจังหวัด และ อบจ.ต่างๆรองรับไปก่อน จนท้องถิ่นก็แทบไม่มีเงินเหลือ แล้วยังติดวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ที่หน่วยราชการไม่ทำงานอีก ไม่รู้งบจะมาถึงศูนย์อพยพเมื่อใด ส่วนเรื่องสิ่งของบริจาคตามศูนย์อพยพนั้นได้รับการประสานสิ่งที่ยังขาดแคลนคือ ข้าวสาร อาหารแห้ง อาหารกระป๋อง ไข่ไก่ รวมถึงผ้าอนามัย ที่ยังต้องการในปริมาณมาก เนื่องจากประชาชนจำนวนมากยังอยู่ในศูนย์อพยพ ไม่มีใครกล้ากลับบ้าน แม้จะเจรจาหยุดยิงแล้ว แต่พื้นที่ชายแดนยังมีการปะทะเป็นจุดๆ เพื่อความปลอดภัย จึงอยู่ที่ศูนย์อพยพก่อนอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่