หล่อ เก่งครบเครื่อง ยกนิ้วให้ สมิธ-ภาสวิชญ์ บูรณนัติ นักแสดงหนุ่มมากความสามารถ ล่าสุดขึ้นแท่น “ศิลปิน” มาพร้อมซิงเกิล “โสงโหลงเสงเหลง” ค่าย BEC Music (บีอีซี มิวสิค) เรียกว่าปล่อยของเต็มที่ สร้างเซอร์ไพรส์ให้แฟนๆไม่น้อยเลย “คนดังนั่งคุย” ชวนหนุ่มสมิธมาเม้าท์มอย ชีวิตผ่านจุดดิ่งทำเต็มที่แต่ก็ยังไม่เป็นที่รู้จัก ส่วนความรักโสดสนิทจริงๆ สเปกไม่ขออะไรมากมายแค่คนเคมีเข้ากันได้ก็พอเป็นไงบ้างกับเพลงนี้“กระแสตอบรับดีเกินคาดครับ จริงๆก็กังวลนิดนึงว่าคนจะเข้าใจไหม ถ้านับกันจริงๆ ผมก็ถือว่าเป็นศิลปินหน้าใหม่คนหนึ่งเลย คนก็อาจจะเห็นภาพเป็นนักแสดงมาตลอดแล้ววันนี้เรามาปล่อยเพลงก็แอบกังวลว่าคนจะฟังเราฟังไหม แล้วบางคนเขาก็ไม่รู้จักผม บางคนนึกว่าเราเป็นนักร้องใหม่ เห็นร้องเพลงโสงโหลงเสงเหลง เต็มติ๊กต่อก เขาก็มาหากันว่าผมคือใคร ก็ดีใจที่คนเห็นมากขึ้นครับ” รู้สึกยังไงที่คนไม่คาดคิดว่าเราเป็นนักแสดงที่ร้องเพลงได้ “จริงๆผมก็มีร้องเพลงและดนตรีมาตลอด ด้วยอาจจะจังหวะ ผมก็เชื่อว่าหลายคนศิลปินนักแสดงหลายคนก็มีความสามารถหลายอย่าง แต่ว่าคนอาจจะยังไม่เห็น เราก็ดีใจที่วันนี้คนได้รู้แล้วว่าเราสามารถทำอะไรได้บ้างครับ”เพลงนี้นานไหมกว่าจะได้เป็นรูปเป็นร่าง“ปีนึงครับ เพราะว่าด้วยเพลงนี้มีองค์ประกอบมันเยอะ ทั้งเป็นเครื่องดนตรี เป็นวัฒนธรรมอีสาน เป็นภาษาอีสาน เป็นหมอลำ กว่าจะตบรวมเข้ามาเป็นเพลงนี้ได้ก็หลายรอบเหมือนกัน อาจจะเป็นเพลงแรกด้วยที่เราทำ ทางค่ายเขาก็อยากให้มั่นใจก่อน ถ้าเราจะเปิดเพลงแรกด้วยเพลงอีสาน มันไม่ง่ายนะเพราะว่าเราก็ไม่ใช่คนอีสานแท้ๆ บวกกับความเป็นอีสาน ตลาดของคนอีสานเขาค่อนข้างแข็งแรง ถ้าเราจะเป็นหนึ่งในเพลงอีสานเราก็ต้องเก่งจริงๆ เราต้องเจ๋งให้ได้เหมือนกันจริงๆ ก็ด้วยความที่เราชอบความเป็นหมอลำความเป็นอีสาน เราเล่นละครอีสานมาแล้วเราเห็นวัฒนธรรมเขาเห็นกลิ่นของเขาที่แบบน่าจับเอามารวมกับป๊อปร็อกที่เราชอบจังเลย ผมมั่นใจว่าทำได้ก็เลยกลายมาเป็นเพลงโสงโหลงเสงเหลงครับ” ก่อนปล่อยเพลงนี้สมิธมูฯฉ่ำขนาดไหน “ก่อนหน้านี้ผมไปไหว้พระ ตอนวันเกิดผม (23 ก.ค.) ปีที่แล้ว ไปไหว้ที่วัดป่าคลอง 11 หรือคำชะโนด 2 ก็ได้มีโอกาสไปรำถวายท่าน ในใจก็ไม่ได้บนหรือว่าขอให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ คือลึกๆเราอยากไปฝากเนื้อฝากตัวมากกว่าเพราะว่าด้วยความเป็นเพลงอีสาน วัฒนธรรมอีสาน เราก็มีความเชื่อว่าความเป็นอีสานก็จะเกี่ยวข้องกับพญานาคสิ่งศักดิ์สิทธิ์ครับ” ตอนนี้เราเอาท่าเต้นนี้ไประบาดในหมู่มวลเพื่อนนักแสดง“เรียกว่าขอร้องแกมบังคับเล็กๆ วันนี้เต้นยัง? คือเจอหน้าเพื่อนเดินหนีแล้วนะ (หัวเราะ)” เม้าท์ได้ไหมใครกัน “ได้ครับ คือผมไปเตะบอลกับ กลัฟ คณาวุฒิ บ่อยๆ แล้วผมเจอหน้ากลัฟ ก็ชวนเต้นเลย คือไม่ใช่ว่าเพื่อนๆเขาจะหนีหมดนะ บางคนเขาก็รู้สึกสนุกไปด้วย ผมว่ามันเป็นความเป็นอะไรใหม่ๆ เพลงมันน่าเต้น ทุกคนเอนจอย” กล่อมกลัฟยากไหมเพราะคนนั้นจะเป็นสายร้องมากกว่าสายเต้น “ไม่ได้กล่อมเลยแต่บังคับเลย ลากมาแล้วเปิดเพลงเลยคือไม่เต้นก็ไม่ได้แล้ว ถือว่าผมก็เก่งระดับหนึ่งที่ให้กลัฟมาเต้นด้วยได้ (หัวเราะ)”จะว่าไปเราจะเป็นดวงที่ไม่เคยได้อะไรง่ายๆ เหมือนกัน“ใช่ครับ ผมคิดในแง่บวกเออดีคือทำให้เราทำอะไรแบบไม่ชะล่าใจ ทำให้เรามีสติอยู่เสมอว่าแต่ละอย่างที่เราได้มาเนี่ยไม่เคยง่ายแต่ละงาน ทุกงานมีคุณค่าเรามีโอกาสก็ต้องทำให้เต็มที่ กว่าเราจะมาถึงวันนี้ได้มันไม่ง่ายเลยนะครับ” มีอันไหนที่เรารู้สึกท้อหรือแอบถอดใจไปบ้างไหม “ผมว่าก็เป็นเรื่อง จะใช้คำว่าชื่อเสียงหรือเปล่า? เรื่องที่คนยังไม่รู้จัก ทั้งๆที่ผมเป็นคนตั้งใจทำทุกๆงาน จะเอาอะไรอีก ทำไมคนยังไม่รู้จักเราอีกนะ พอคิดไปคิดมาผมว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น มันมีเรื่องจังหวะ ตั้งใจอย่างเดียวไม่พอมันต้องมีความอดทนด้วย รอเวลาที่เหมาะสม” ทำยังไงก็ไม่เปรี้ยง ไม่เป็นที่รู้จัก มีไหมไม่เอาแล้วหันไปทำอย่างอื่นเลย “ไม่มีเลยครับแต่มีท้อบ้าง แต่ถึงขั้นเลิกทำไม่เคยคิดขนาดนั้น ตราบใดที่ยังมีลมหายใจก็จะสู้ๆไปเรื่อยๆ”งานฟุตบอลช่อง 3 ที่ผ่านมานี้เหมือนชื่อสมิธแจ้งเกิดเลย“ใช่ครับ จริงๆก็ต้องยกเครดิตให้คุณพ่อกับพี่ชายเพราะว่าเตะบอลก่อนหน้านั้นคือผมก็เตะๆไปอย่างนั้นจนพ่อกับพี่ชายพูดเตือนสติอย่ามองข้ามงานฟุตบอล มันเป็นงานที่สำคัญเหมือนกัน คือเหมือนเขาโกรธที่ผมเตะบอลก็เก่งแล้วทำไมเหมือนแตะเล่นๆ จริงๆ เราก็จริงจังแต่ว่าเราแค่ไม่กล้าออกจากกำแพง ก็โดนว่าควรจะยิงประตูได้แล้ว ตอนนั้นเราไม่เชิงไม่เชื่อหรอกแต่ว่าก็ทำได้แค่นี้แหละจะเอาอะไรอีกล่ะคือตอนนั้นเราดื้อ ออกลูกงอแง” จริงๆ เรากลัวอะไรหรือเปล่า “ผมว่าน่าจะความกลัวแหละ กลัวอะไรก็ไม่รู้ ไม่กล้าทำให้เต็มที่ ซึ่งตอนนั้นเป็นจุดเปลี่ยนคือคุณแม่บอกว่าถ้าปีนี้ยังทำไม่ได้ เขาจะไม่มาเชียร์อีกเลยผมก็ไม่ชอบหรอกความกดดันแต่เขารู้ว่าถ้าไม่กดดัน ผมจะไม่ทำ แล้วพอเขาพูดอย่างนั้นนะเราก็เลยไม่ได้ต้องทำให้ได้ก็เลยยิงซะเลยจนได้รางวัล Man of the match มันก็เป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตผม ในหลายๆเรื่อง ใช่ทำให้ผมคิดว่าจริงๆมันคืออยู่ที่มายด์เซตเลย”ล่าสุดก็เล่นซีรีส์ เพียงเธอ Only You The Series“ผมก็เล่นเป็นบอดี้การ์ดในเรื่อง ที่ลาออกจากหน่วยซีลที่ขึงขังแต่ก็ฮาครับ เป็นซีรีส์ฟีลกู๊ด คนดูซีรีส์เรื่องนี้จะชอบ มันดูง่าย สบายๆ อย่างงี้ครับ ก็เป็นครั้งแรกกับบทบอดี้การ์ด ปกติจะเล่นเป็นทหารและตำรวจเลย มาเรื่องนี้เป็นบอดี้การ์ด” เป็นคนที่ถูกโฉลกกับละครที่ต้องอยู่ในเครื่องแบบตลอด “แม่ผมก็แซว อืม เรื่องนี้เป็นกึ่งๆทหารอีกแล้วเหรอลูก บทจะในเครื่องแบบนอกเครื่องแบบ ไม่เป็นไร ผมรู้สึกว่าถ้าเล่นแล้วคนชอบก็โอเค และเรื่องนี้ต้องประกบ หลิง ออม คือ หลิงจะเป็นหัวหน้าทีมบอดี้การ์ด เราก็เป็นเหมือนแบบลูกน้องในทีมเขาอย่างงี้ เราก็จะเป็นผู้ชายคนเดียวในทีมครับ”ขออัปเดตความรักช่วงนี้ดูเงียบๆ หรือว่าซุ่มคบ“ไม่มีเลยครับ โสดมาเรื่อยๆ โสดมา 2-3 ปีที่แล้ว ที่ผ่านมาก็มีคนคุยๆบ้าง จริงๆถ้าแบบคุยเล่นๆไม่มี ผมไม่ชอบ ถ้าคุยก็คุยเลย ที่โสดเพราะผมอยากโฟกัสเรื่องงานด้วย ไม่รู้สึกเหงา เพราะพ่อแม่อยู่ด้วยตลอด มีเพื่อนๆ” การมีแฟนก็ช่วยสร้างแรงบันดาลใจทำงานได้ “ผมก็เชื่อในเรื่องของจังหวะ คู่ชีวิตเหมือนกัน ถ้าผมรู้สึกว่า มันยังไม่ใช่ ยังไม่เจอคนนั้น ไม่เร่งไม่ได้รีบอะไร รอจังหวะที่ใช่จริงๆดีกว่า ไม่อยากฝืนครับ” เป็นแนวรักคนยากหรือเปล่า “รักยากครับแต่ว่าถ้ารักก็รักเลย ผมเป็นคนจริงจัง” สเปกล่ะต้องเป็นผู้หญิงแบบไหนเหรอ “ผมแค่อย่างเดียวคือ เคมีตรงกัน ความชอบ หรือทัศนคติ มุมมองคล้ายๆกัน เพราะผมก็รู้สึกว่า ถ้าภายนอกก็ 20-30 ปีแหละ ถ้าระยะยาวคือทัศนคติความเห็นต่อโลกใบนี้คล้ายๆกัน มันจะคบกันได้ยาวครับ” ซึ่งตอนนี้เพื่อนๆเราเขาก็ทยอยมีแฟน “ก็เห็นเริ่มๆมีแล้ว ผมก็ถามนะเป็นยังไงบ้าง ก็อยากรู้เหมือนกันว่าเวลามีความรักแล้วเป็นยังไง เพราะบางคนชีวิตแบบ ดีขึ้นมากๆ จริงๆ ก็ไม่ใช่ว่าปิดก็รู้สึกว่าใช่ก็คุยได้ แต่ถ้าผมคบใครสักคนหนึ่ง ผมก็อยากให้เขารู้สึกว่าชีวิตเขาดีขึ้น นำพาให้เขาแบบเจริญรุ่งเรืองขึ้นเหมือนกัน อยากให้แบบทั้งคู่พากันดี ไม่อยากให้รู้สึกแบบว่า เฮ้ย! คนนี้ทำให้ฉันดี แต่ว่าเขากลับรู้สึกเป็นทุกข์ที่พบกับผม”มองอนาคตในเรื่องของการมีครอบครัวยังไงบ้าง“จริงๆอยากมีครอบครัว มีลูกยังไม่คิดไกลขนาดนั้น ยิ่งตามหา ยิ่งไขว่คว้าจะไม่เจอ ผมว่ามันต้องมาประจบกัน” คือช้าแต่ชัวร์ “ผมก็เอาแนวคิดของตัวเองในทุกเรื่องเลยครับ เรื่องของการทำงานด้วย แล้วก็อดทนรอจังหวะที่ใช่ ไม่เร่งไม่รีบ แล้วก็ไม่ท้อ ไม่ใช่แบบถอดใจกับความรัก แต่ก็ไม่รีบร้อน” มีแนวเข้ามาจีบเราก่อนไหม “ถ้าคนไม่รู้จัก ผมก็ปิดกั้น ฟอลโล ถ้าคนรู้จักก็มีมาบ้างแต่ผมคิดว่าไม่น่าจะมาอะไรครับ”.เรื่อง : วรรณี ห่อวโนทยานอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” เพิ่มเติม