หลังจากดำเนินนโยบายลูกคนเดียวมาเกือบ 40 ปี จีนกำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่จากปัญหาอัตราการเกิดที่ตกต่ำต่อเนื่องและประชากรสูงวัยที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจนำไปสู่วิกฤติเศรษฐกิจและสังคมในอนาคตอันใกล้ เพื่อรับมือกับสถานการณ์นี้ รัฐบาลจีนจึงเร่งเดินหน้ามาตรการแก้ไขอย่างเต็มกำลังล่าสุดรัฐบาลจีนได้ประกาศ โครงการเงินอุดหนุนค่าเลี้ยงดูบุตรทั่วประเทศ โดยจะมอบเงินมูลค่า 3,600 หยวน (หรือราว 16,200 บาท) ต่อปี ต่อคน สำหรับเด็กทุกคนที่เกิดก่อนวันที่ 1 ม.ค. ไม่ว่าจะเป็นบุตรคนที่หนึ่ง สอง หรือสาม โดยจะได้รับเงินอุดหนุนไปจนถึงอายุ 3 ขวบ และมีผลย้อนหลังถึงวันที่ 1 ม.ค.โครงการนี้ถือเป็นการอุดหนุน ขนาด ใหญ่ ครอบคลุม และจ่ายตรงสู่ประชาชน ครั้งสำคัญของรัฐบาลจีน แม้จำนวนดังกล่าวเป็นเพียงเงินพื้นฐานเบื้องต้นสำหรับช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลบุตร เป็นการบรรเทาความตึงเครียดของครอบครัวและคู่สมรส และกระตุ้นให้ตัดสินใจมีทายาทเพิ่ม ตัวอย่างเช่น เด็กที่เกิดในเดือน ธ.ค.2566 จะมีสิทธิได้รับเงินอุดหนุนเป็นเวลา 24 เดือน หรือ 2 ปี คิดเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 7,200 หยวน หรือราว 32,500 บาทนอกจากเงินอุดหนุนจากส่วนกลางแล้ว หน่วยงานรัฐบาลท้องถิ่นยังสามารถให้การสนับสนุนค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมได้โดยอิสระ ตามกำลังทรัพย์และงบประมาณที่มี ที่สำคัญเงินอุดหนุนดังกล่าวยังจะได้รับการยกเว้นภาษีและไม่รวมอยู่ในการคำนวณรายได้ครัวเรือนหรือรายได้ส่วนบุคคลผู้ปกครองหรือผู้ดูแลบุตรสามารถยื่นขอเงินอุดหนุนที่ภูมิลำเนาที่จดทะเบียนเกิดของเด็กได้ ผ่านทั้งช่องทางออนไลน์ และออฟไลน์ให้เลือกได้ตามความสะดวก รัฐบาลจะจ่ายเงินอุดหนุนเข้าบัญชีธนาคารหรือบัญชีการเงินอื่นๆของผู้ปกครองหรือเด็ก ส่วนตารางการจ่ายเงินจะกำหนดโดยหน่วยงานราชการท้องถิ่น คาดว่าจะเริ่มจ่ายเงินอุดหนุนได้ตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคมนี้เป็นต้นไปจีนประสบปัญหาอัตราการเกิดลดลงติดต่อกัน 7 ปี ก่อนฟื้นตัวเล็กน้อยเมื่อปีที่แล้ว ด้วยจำนวนทารกแรกเกิด 9.54 ล้านคน เพิ่มขึ้น 520,000 คน จากปี 2566 กระนั้นจำนวนประชากรยังคงลดลงเหลือ 1.39 ล้านคนในปีที่แล้ว มาตรการใหม่นี้จึงเป็นความพยายามครั้งสำคัญในการพลิกฟื้นสถานการณ์และสร้างรากฐานที่มั่นคงสำหรับอนาคต.อมรดา พงศ์อุทัยคลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม