สถานการณ์ผู้ต้องขังไทยยังน่าห่วง “ด้วยตัวเลขเฉลี่ย สูงถึง 2.6 แสนคนต่อปี” แล้วยิ่งกว่านั้นสัดส่วนกว่า 80% หรือ 8 ใน 10 คน ล้วนเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด ตัวเลขนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงความแออัดในเรือนจำ แต่ยังชี้ให้เห็นว่าปัญหายาเสพติดในสังคมยังคงรุนแรงแพร่ระบาดมากอย่างต่อเนื่องสิ่งที่เลวร้ายคือ “ผู้พ้นโทษกลับมากระทำผิดซ้ำสูงถึง 35%” ซึ่งชี้ชัดว่าระบบฟื้นฟูเพื่อคืนคนดีสู่สังคมยังขาดประสิทธิภาพ ปัจจัยจากผู้พ้นโทษประสบปัญหาในการหางาน ทำให้ขาดทุนทรัพย์เริ่มต้นชีวิตใหม่ แม้จะพ้นโทษแล้วหลายคนยังถูกสังคมตีตราว่า “เป็นคนขี้คุก” จนขาดการยอมรับจากชุมชน และนายจ้างทั้งหมดนี้เกิดจาก “ประเทศไทยยังขาดระบบรองรับหลังพ้นโทษที่เข้มแข็ง” ทั้งในด้านการสนับสนุนอาชีพ และการติดตามผู้พ้นโทษอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผู้ที่เคยเกี่ยวข้องกับยาเสพติดกลับสู่ครอบครัวมักเจอสภาพแวดล้อมเดิมๆ เต็มไปด้วยความเสี่ยง ท้ายที่สุดก็นำไปสู่การหวนกลับมากระทำผิดซ้ำอีกเช่นนี้การแก้ปัญหาไม่ใช่แค่บังคับใช้กฎหมายต้องมองมิติโอกาสร่วมไปด้วย “ตั้ง–ต้น–ดี” จึงถูกริเริ่มจากสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (ทีไอเจ) มุ่งลดการทำผิดซ้ำผ่านแนวคิดให้โอกาสเปลี่ยนชีวิตใหม่ ธนะชัย สุนทรเวช ผู้จัดการอาวุโสด้านการพัฒนาหุ้นส่วนทางสังคมและการมีส่วนร่วม ผู้ดูแลโครงการโรงเรียนตั้งต้นดี เล่าว่าประเทศไทยมีผู้พ้นโทษปีละ 200,000-300,000 คน ภายใน 5 ปี มักจะมีผู้พ้นโทษสะสมมากกว่า 1 ล้านคน และหลายคนถูกสังคมตีตราว่าเป็นอดีตนักโทษส่งผลให้กลับไปกระทำผิดซ้ำมากขึ้นโดยมีสถิติตัวเลข 34-35% ของผู้พ้นโทษต้องกลับเข้าเรือนจำใหม่อีกครั้ง ทำให้ในเรือนจำแออัดบางรายมีพื้นที่นอนเพียงแค่ 2 ฝ่ามือเท่านั้น ปัญหาคือ “ผู้ต้องขังบางคนไม่ได้ทำผิดเป็นนิสัย” ที่อาจผิดพลาดเพียงเล็กน้อยต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำร่วมกับอาชญากร และผู้ทำผิดร้ายแรง กลายเป็นแหล่งเรียนรู้ทางลัดของโลกอาชญากรรม “ถูกหล่อหลอม” สร้างเครือข่ายมีสัมพันธ์กับผู้กระทำผิดรุ่นใหญ่ เมื่อพ้นโทษออกมาก็มีแนวโน้มเป็นอาชญากรเต็มตัว“ยิ่งกว่านั้นเอเย่นต์ค้ายาจำนวนไม่น้อยมักใช้โอกาสในช่วงที่ผู้ต้องขังพ้นโทษโดยเฉพาะผู้ที่ไม่มีญาติ ไม่มีที่พึ่ง หรือไร้จุดหมายในชีวิต เข้าไปตักช้อนชักชวนให้กลับไปกระทำผิดด้วยการเสนอเงินทอง บ้านหรู และรถยนต์สำหรับผู้ที่ขาดการดูแล และขาดโอกาสมักเป็นเหยื่อเข้าร่วมเครือข่ายอาชญากรรมตกอยู่ในวังวนเดิมๆ” ธนะชัย ว่าขณะที่ผู้ต้องขังบางส่วนก็ถูกเหมารวมให้ “เป็นอดีตนักโทษ” ทำให้ขาดการยอมรับจากชุมชน และนายจ้างส่งผลให้โอกาสกลับสู่สังคมได้ยาก “ทีไอเจ” มองว่าหากปล่อยแบบนี้ผู้พ้นโทษมีโอกาสกลับไปกระทำผิดซ้ำสูงขึ้นแน่ๆ ก่อนจะริเริ่มโครงการ Hygiene Street Food สร้างโอกาสอันเป็นโรงเรียนพัฒนาอาชีพระยะสั้นให้ผู้พ้นโทษหลังจบหลักสูตรจะได้รับมอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพใช้ต่อยอดชีวิตเหมือน “รายการฝันที่เป็นจริง” เพื่อช่วยให้มีอาชีพสุจริตไม่หวนกลับสู่เรือนจำผ่านการอบรมไป 3 รุ่น แต่พอทีไอเจย้ายสำนักงานมายังถนนแจ้งวัฒนะ ก็ปรากฏพบว่า “ศูนย์อาหารไม่มีแม่ค้า” เพราะจำนวนพนักงานมีเพียง 40 คน ไม่เพียงพอที่จะสร้างรายได้ให้ผู้ขายทำให้เห็นโอกาสใช้เป็นพื้นที่ส่วนโรงอาหารของอาคาร “ทำเป็นครัวตั้ง–ต้น–ดี” ต่อยอด Hygiene Street Food ด้วยการเชิญเจ้าของร้านหมูทอดเจ๊จง ร้านก๋วยเตี๋ยวฮาลาลปันสุข by นะดา ร้านส้มตำแอบแซ่บสรงประภา และร้านหอมมะลิ มาเข้าร่วมเปิดร้านอาหารภายใต้เงื่อนไขต้องจ้างผู้พ้นโทษที่เราพิจารณาคัดกรองมาแล้วส่วนใหญ่ก็จะเป็นผู้ก้าวพลาด ผู้พ้นโทษ หรือผู้รับการพักโทษ ซึ่งผ่านการเทรนงานมาก่อนที่จะได้รับเงินเดือน เดือนละ 1 หมื่นบาท ทั้งยังให้เงินปันผลเพิ่มจากรายได้ของร้านเหมือนผู้ร่วมโครงการได้เป็นเจ้าของด้วย เริ่มทำครัวตั้ง-ต้น-ดี 3 วัน “ลูกค้าเข้ามามากเกินคาด” เพราะตั้งราคาให้แข่งขันกับร้านอื่นได้ และมีการพัฒนาฝีมือคนทำอาหารให้อร่อยมีมาตรฐานจนลูกค้าเข้ามาทานบอกต่อๆสามารถเพิ่มลูกค้ามากขึ้น ทั้งขยายไปทำจัดเลี้ยงให้หน่วยงานที่เข้ามาจัดงานในอาคารทีไอเจจนพนักงานไม่พอต้องรับผู้พ้นโทษสมัครใจมาทำงานเพิ่มอีกล่าสุดกำลังจะขายครัวตั้ง-ต้น-ดี ไปยังซีเจสีลมด้วย กลายเป็นที่เริ่มรู้จักได้รับความเชื่อมั่นยอมรับ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนติดต่อขอความร่วมมือให้ช่วยเตรียมความพร้อมผู้พ้นโทษก่อนส่งต่อเข้าสู่ตลาดแรงงาน เช่น ร้านกาแฟ ร้านอาหาร ซีเจ และอีกหลายบริษัทที่พร้อมจะเปิดโอกาสให้ผู้พ้นโทษได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ในการทำงานทว่าแม้ตั้ง-ต้น-ดี “ไม่ได้เน้นแค่ทักษะประกอบอาหาร” แต่เราพยายามยกระดับทักษะชีวิตผู้พ้นโทษกลับพบว่าบางคนมีรายได้ก็หันไปกระทำผิดซ้ำ เช่น เสพยา หรือติดหนี้ โครงการจึงใช้วิธีสร้าง ความเชื่อใจให้ผู้พ้นโทษเปิดใจ และสมัครใจเล่าปัญหา เพื่อให้ทีมงานสามารถช่วยเหลืออย่างเหมาะสม และตรงกับพฤติกรรมแต่ละคนหากพบพฤติกรรมเสี่ยง“ปัสสาวะสีม่วงก็ไม่ไล่ออกทันที”แต่ถูกส่งเข้าสู่การบำบัดสามารถกลับมาทำงานใหม่ได้ ทำให้โครงการจัดกิจกรรมปิดครัว เปิดใจ และเชิญหน่วยงานภาครัฐมาให้ความรู้พร้อมเปิดวงพูดคุยเกี่ยวกับทุกข์-สุข เพื่อสร้างความเข้าใจกับเพื่อนใหม่ กลายเป็นครอบครัวใหม่ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน ตอกย้ำว่า “ตั้ง–ต้น–ดีเข้าสู่ปีที่ 3” มีการขยายกิจกรรมเพิ่มมาก มายอย่างร้านเสริมสวย ร้านนวดสปา ร้านทำผม ด้วยใช้พื้นที่ด้านหลังอาคารทีไอเจในส่วนโรงเรียนตั้งต้นดี ทั้งยังจัดหาคอร์สเข้ามาเสริมงานประเภท Digital Workforce ที่ตั้งใจจะให้เป็นการฝึกทักษะแก่เด็กที่ก้าวพลาดอยู่ในศูนย์ฝึกเรียนการ Coding ผ่านเกมด้วยปัจจุบันมีผู้พ้นโทษสมัครใจเข้าทำงานโครงการตั้ง-ต้น-ดี 40 คน “จ่ายค่าจ้างรวมกว่า 4 แสนบาทต่อเดือน” ส่วนรายได้ในปีแรกอยู่ที่ 6 ล้านบาทแต่หมดไปกับค่าอุปกรณ์ ปีที่ 2 รายได้เพิ่มเป็น 12 ล้านบาท และปีนี้เพียงครึ่งปีก็ทำรายได้ถึง 12 ล้านบาทแล้ว อย่างไร ก็ตาม ธุรกิจร้านเสริมสวย นวดสปา และทำผมยังคงขาดทุนอยู่แน่นอนในอนาคตคาดว่า “ต้องขยายสาขาออกไปภายนอก” เบื้องต้นทำสัญญากับศูนย์ราชการ ZoneC เปิดร้านอาหารรองรับเจ้าหน้าที่ 1 หมื่นคนและหากหน่วยงานใดมีพื้นที่ต้องการให้ตั้งต้นดีเข้าไปเปิดร้านติดต่อ https://www.facebook.com/restart academy เพื่อร่วมกันผลิตผู้พ้นโทษให้มีศักยภาพคืนคนดีสู่สังคมอย่างยั่งยืน สุดท้ายอยากเห็นโรงเรียนตั้งต้นดีเติบโตเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคมที่ไม่เพียงช่วยผู้พ้นโทษกลับมาใช้ชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี แต่สร้างรายได้นำกำไรมาพัฒนาสังคม โดยหวังให้เป็นต้นแบบธุรกิจที่ได้กำไร และได้ใจคนรุ่นใหม่นี่เป็นสถานที่ “ผลิตบุคลากรคุณภาพสำหรับคนเคยก้าวพลาด” เพื่อให้ลุกขึ้นมาได้พร้อมกลับไปทำงานคืนคนดีสู่สังคมเป็นจุดเริ่มต้นเปลี่ยนทั้งชีวิตคน และเปลี่ยนทัศนคติของสังคมในอนาคตคลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม