ผบ.ตร.ถก คกก.เสริมความมั่นคงพุทธศาสนา เร่งตรวจสอบข้อมูลวัดทั่วประเทศ 3 หมื่นแห่ง เตรียมวางระบบ e-Donation ให้ครบทุกแห่งเพื่อเป็นหลักประกันว่า เงินบริจาคทุกบาททุกสตางค์เข้าสู่ศาสนาอย่างแท้จริงตรงตามเป้าหมายในการสร้างบุญสร้างกุศลของผู้บริจาคผบ.ตร.ประชุม คกก.เสริมความมั่นคงพุทธศาสนา เร่งตรวจสอบข้อมูลวัดทั่วประเทศ 3 หมื่นแห่ง เปิดเผยขึ้นเมื่อวันที่ 24 ก.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงในพระพุทธศาสนา มีผู้เข้าร่วมประชุมเป็นตำรวจจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง, กองบัญชาการตำรวจนครบาล, ตำรวจภูธรภาคและตัวแทนหน่วยงานจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.), กรมสรรพากร, ปปง. และหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุมพล.ต.อ.กิตติ์รัฐเปิดเผยว่า วันนี้ที่ประชุมได้ร่วมกันรับทราบเกี่ยวกับร่างของกฎมหาเถรสมาคม ในส่วนของการลงโทษนิคหกรรมและการสละสมณเพศ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจะแก้ไขร่างตามขั้นตอน อาจต้องใช้ระยะเวลาสักระยะก่อนการประกาศใช้ สำหรับหน้าที่ที่คณะกรรมการมาหารือร่วมกันจะเป็นการแบ่งงานให้ตำรวจ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กรมการศาสนา และฝ่ายปกครองแต่ละพื้นที่ร่วมกันตรวจสอบวัดที่อยู่ในพื้นที่ รวมทั้งจัดทำข้อมูลรายงานกลับมาที่คณะกรรมการ ตร.และ พศ.จะเป็นเจ้าภาพหลักรวบรวมข้อมูล เพื่อตรวจสอบลงไว้ข้างหน้าต่อไปนายธงทอง จันทรางศุ ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมการ เผยว่า คณะกรรมการได้รับทราบร่างแก้ไขกฎมหาเถรสมาคม เร่งรัดดำเนินการกับพระที่ทำผิดพระธรรมวินัยให้ลงโทษโดยเร็วที่สุด ลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น ต้องประสานข้อมูลรวบรวมพยานหลักฐานจากหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขณะที่ข้อพิจารณาสั่งการร่วมกันในวันนี้คือ จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันอัปเดตข้อมูลวัดต่างๆที่มีอยู่ประมาณ 30,000 วัดทั่วประเทศ ยอมรับว่าลำพัง พศ.ยังไม่เพียงพอที่จะอัปเดตข้อมูลปัจจุบันได้ ตร.และ พศ.จะเป็นเจ้าภาพหลัก มีฝ่ายปกครองและ พศจ.ร่วมกันช่วยตรวจสอบข้อมูลของวัดแต่ละพื้นที่และอัปเดตข้อมูลทั้ง 3 หมื่นกว่าวัดทั่วประเทศเป็นฐานข้อมูล ขอความเมตตาบรรดาพระแต่ละวัดที่จะให้ข้อมูลบุคลากรแก่คณะกรรมการ อย่างน้อยหากเกิดปัญหาขึ้นมาในอนาคต จะมีข้อมูลที่สามารถตรวจสอบได้ง่ายนายธงทองกล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการเงินของวัดนั้น จะเป็นการขอข้อมูลว่าแต่ละวัดมีกี่บัญชี แต่ไม่ถึงขนาดขอเงินของแต่ละวัด เพื่อจะได้ป้องกันปัญหาวัดไม่ทราบบัญชีธนาคารของตนว่ามีกี่บัญชีหรือบัญชีไหนไม่ใช้แล้ว อีกประเด็นหนึ่งคือการอุดรอยรั่วที่เกิดขึ้นจากมูลนิธิทั้งหลายที่ทำงานสนับสนุนพระพุทธศาสนา จะตรวจสอบว่าเชื่อมโยงกับรายได้ของวัดอย่างไร ในคณะกรรมการชุดนี้จะมีกรมสรรพากรมาร่วมด้วย แม้ว่าวัดไม่อยู่ในฐานะต้องเสียภาษี แต่เงินทุกบาททุกสตางค์ที่บริจาคต้องเข้าวัดร้อยเปอร์เซ็นต์ โดยจะวางระบบ e-donation ซึ่งตอนนี้ได้วางระบบดังกล่าวเกือบ 2 หมื่นกว่าวัดแล้ว แต่อาจจะมีตกหล่นอยู่บ้าง จะหารือกับ พศ. เพื่อเร่งติดตั้งระบบดังกล่าวให้ครบถ้วนทุกวัดต่อไป จะเป็นการเพิ่มหลักประกันว่า เงินบริจาคทุกบาททุกสตางค์เข้าสู่ศาสนาอย่างแท้จริงและตรงตามเป้าหมายในการสร้างบุญสร้างกุศลของผู้บริจาคนายธงทองกล่าวอีกด้วยว่า นอกจากนี้ยังได้หารือในเรื่องของการสร้างวัตถุมงคลที่มีทั้งวัดสร้างเองและคนอื่นสร้างให้วัด จะเกิดปัญหาที่มีคนเข้ามาฉวยโอกาสทำมาหากินจากการสร้างวัตถุมงคลแอบอ้าง โดยประเด็นนี้ยังไม่มีข้อสรุปอะไร เพียงแต่เป็นการวางประเด็นสำหรับหาแนวทางการแก้ปัญหาในอนาคต ดังนั้น ในวันนี้คณะกรรมการได้มอบการบ้านให้หน่วยงานไปดำเนินการคือ การรวบรวมข้อมูลของแต่ละวัดและอีกหลายการบ้านที่ทางคณะกรรมการต้องทำงานต่อไปสายวันเดียวกันนายนิติพงษ์ คุ้มวงษ์ พร้อมกลุ่มชาวบ้านผู้คัดค้านการแต่งตั้งเจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อโอภาสี รวมตัวเข้าร้องเรียน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ขอให้ตรวจสอบพฤติกรรม พระครูโอภาสวัชรานุกูล หรือหอม ธมุมสโร รักษาการเจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อโอภาสี แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร เรื่องความสัมพันธ์กับ “สีกา พ.” คนสนิท และการบริหารจัดการเงินวัดที่ขาดความโปร่งใส โดยนายนิติพงษ์เผยว่า หลังอดีตเจ้าอาวาสมรณภาพไป 1 ปี แต่ยังไม่มีการแต่งตั้งเจ้าอาวาสที่เหมาะสม ประเด็นหลักที่ชาวบ้านรับไม่ได้มี 2 เรื่อง คือ “การเสพเมถุน” เพราะเห็นพฤติกรรมกับ “สีกา พ.” โดยเฉพาะการอยู่ด้วยกันในกุฏิสองต่อสองแทบทุกวัน มีการเบนกล้องวงจรปิดไม่ให้บันทึกภาพในกุฏิ สร้างความสงสัยอย่างมาก ส่วนเรื่อง “เงินวัด” หลังอดีตเจ้าอาวาสมรณภาพ รักษาการเจ้าอาวาสได้บริหารจัดการเงินทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว โดยไม่ให้ไวยาวัจกรและกรรมการวัดเข้าไปดูแล มีการทำกรงสเตนเลสปิดกั้น หลักฐานทางการเงินทั้งหมดขณะที่นายพิศาล เกิดน้อย ไวยาวัจกรของวัด เสริมว่า วัดมีรายได้จำนวนมาก ทั้งเงินโบสถ์กว่า 14 ล้านบาท เงินกฐินปีละประมาณ 3 ล้านบาทเศษ และเงินบริจาคตามตู้บริจาคสัปดาห์ละ 60,000- 70,000 บาท รวมเป็นเงินหลายล้านบาทต่อปี แต่เงินทั้งหมดอยู่ภายใต้การดูแลของรักษาการเจ้าอาวาสเพียงรูปเดียว เมื่อชาวบ้านขอตรวจสอบกลับถูกปฏิเสธอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่