“มหาเถรสมาคม” ประชุมเห็นชอบร่างแก้ไขเพิ่มเติมกฎ มส. 2 ฉบับลงโทษพระสงฆ์ประพฤติผิดธรรมวินัย ขีดเส้นเร่งรัดกระบวนการลงนิคหกรรมให้แล้วเสร็จภายใน 10 วัน เพราะเทคโนโลยีทันสมัยมากขึ้น ไม่ให้ค้างเติ่งเป็นปีหรือหลายปีเหมือนสมัยก่อน ยันคณะสงฆ์เป็นผู้ตัดสินความผิด ไม่ใช่ พศ.หรือหน่วยงานที่เกี่ยวอื่น เช่น ตำรวจ พร้อมระบุระดับชั้นพระผู้ตรวจสอบชัดเจน “รองเต่า”เผยผลตรวจสอบเส้นเงินอดีตเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์เพิ่มเติม พบมีเงินโยงถึงสีกา 2 คน และพระลูกวัดอีก 1 รูป ต้องเรียกมาสอบ ขณะที่ตำรวจ กก.4 บก.ปปป.จับมือ ป.ป.ท.และ พศ.เข้าพบคณะกรรมการวัดนครสวรรค์ ขอตรวจเอกสารด้านเงินทั้งหมด ตั้งแต่ค่าใช้จ่ายรายเดือน ยันในส่วนก่อสร้างพุทธอุทยานนครสวรรค์ว่าเป็นไปอย่างถูกต้องหรือไม่ เพราะมีทั้งเงินงบประมาณและเงินบริจาคหลายร้อยล้านบาท ถ้าพบหลักฐานการทุจริตเอาเงินวัดไปใช้ ต้องเรียกตัวมาแจ้งข้อหาดำเนินคดีอาญา น้องสาวเศรษฐินียอมให้ข้อมูล ยันไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ของพี่สาวกับอดีตเจ้าอาวาสมาก่อน แต่ยืนยันรูปใส่วิกว่าเป็นอดีตเจ้าอาวาสฯ ส่วนผู้หญิงไม่แน่ใจว่าเป็นพี่สาวหรือไม่กรณีตำรวจ บก.ปปป.สืบสวนคลี่คลายคดีสีกากอล์ฟมีความสัมพันธ์ชู้สาวกับพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ระดับเจ้าอาวาสและผู้ช่วยเจ้าอาวาส 13 รูป หลังความแตก สมัครใจลาสิกขาหมดแล้ว รอตรวจสอบเส้นทางการเงินว่านำเงินวัดไปใช้ส่วนตัวหรือไม่ ถึงเรียกตัวมาแจ้งข้อหาดำเนินคดีอาญา ระหว่างนั้นศูนย์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาและส่งเสริมพระธรรมวินัย บช.ก. รับการร้องเรียนกรณีพระผู้ใหญ่ในจังหวัดภาคเหนือตอนล่างมีความสัมพันธ์ชู้สาวกับสีกา และยังนำเงินบริจาคสร้างศาสนสถานไปใช้จ่ายส่วนตัว ส่งกำลังเข้าสืบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริง เบื้องต้นพบว่ามีมูลความจริง อยู่ระหว่างตรวจสอบเส้นทางการเงินและความสัมพันธ์กับสีกาตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้นความคืบหน้าจากกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 21 ก.ค. พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. เรียกประชุมชุดทำงานคดีอดีตพระธรรมวชิรธีรคุณ เจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง เจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ต้องสงสัยว่ามีสัมพันธ์กับสีการะดับเศรษฐินี อายุ 57 ปี และใช้ชีวิตอยู่กินด้วยกัน ส่งเสียเลี้ยงดูฉันผัวเมียมานานกว่า 15 ปี รวมไปถึงอยู่ระหว่างขยายผลตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัดว่าเกี่ยวข้องกับการทุจริตด้วยหรือไม่ ช่วงที่ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสพล.ต.ต.ประสงค์เผยว่า การประชุมวันนี้เรียกพนักงานสอบสวนมาประชุมวางแนวทางและกรอบการทำงานกรณีเส้นเงินเท่านั้น ส่วนเรื่องอื้อฉาวที่เกิดขึ้น พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการหลังเปิดศูนย์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาและส่งเสริมพระธรรมวินัย บช.ก. นอกจากนี้ยังมอบหมายให้ บก.ปคม. เป็นเจ้าของคดีหลักการตรวจสอบเรื่องทั้งหมดว่ามีสีกาเกี่ยวข้องกับอดีตพระธรรมวชิรธีรคุณกี่คน มีสัมพันธ์ตั้งแต่เมื่อไหร่ ฐานะอะไร คดีนี้เป็นเรื่องความผิดทางอาญาต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่า ร่วมกันทุจริตจริงหรือไม่ จากนั้น บก.ปปป.และ บก.ปคม.จะเอาข้อมูลทั้งหมดมารวมกันดำเนินคดีเรื่องสีกาที่เข้ามาเกี่ยวข้องรวมทั้งพระที่ทุจริต ขณะเดียวกันชุดทำงานอีกชุดจะลงพื้นที่ไปที่วัดนครสวรรค์ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและดูรายละเอียดต่างๆเรื่องการก่อสร้างศาสนสถานต่างๆมาประกอบด้วยด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.เผยกรณีตรวจสอบข้อมูลร้องเรียนอดีตพระธรรมวชิรธีรคุณมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมว่า ในส่วนการตรวจสอบความผิดอาญาเกี่ยวกับเรื่องทุจริต ขณะนี้พบข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี วันนี้จัดกำลังลงพื้นที่ไปตรวจสอบที่ จ.นครสวรรค์ และ จ.พิจิตร เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานส่วนการตรวจสอบโครงการก่อสร้างพุทธอุทยานและโครงการอื่นในมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตนครสวรรค์ (มจร.นครสวรรค์) สร้างมานานแล้วยังไม่เสร็จ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมามีเรื่องร้องเรียนมาที่ ปปป.ถึงการก่อสร้างอุทยาน มีการระดมทุนหลายร้อยล้าน โดยเฉพาะที่วัดห้วยด้วนบริจาคเงิน 30 ล้านบาท ผู้มีจิตศรัทธามอบที่ดินและทรัพย์สินให้อีก นอกจากนี้ยังหยิบยืมเงินจากวัดส่วนกลาง เรื่องนี้ร้องเรียนว่าใช้เงินมหาศาลก่อสร้างนาน 10 ปีแต่ไม่เสร็จ พบเส้นเงินไปซื้อที่ดินแจกหมอดูตามที่เป็นข่าว แต่จริงหรือไม่ ไม่ทราบ และยังมีบ้าน รถยนต์ ทรัพย์สินอีกหลายอย่าง ยังเห็นข้อมูลไม่หมดส่วนการออกหมายจับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ขอเวลาทำงานก่อน แต่เส้นทางการเงินพบว่า มีพระลูกวัดโอนให้ต้องเรียกมาสอบ ประชาชนโอนให้ก็มี แต่ยังไม่พบว่ามีบัญชีวัดโอนเข้า ตำรวจทำคดีได้เลยไม่ต้องปรึกษาฝ่ายสงฆ์ เพราะเป็นคดีอาญา พระถือเป็นเจ้าหน้าที่รัฐเมื่อกระทำความผิดต้องมีบทลงโทษข้อหาทุจริต ขณะนี้พบสีกาที่เกี่ยวข้อง2 คน มีหลักฐานการโอนเงินอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าใช้เงินส่วนตัวหรือเงินวัดโอนให้ หากพบว่ามีเงินวัดมาเกี่ยวข้องจะเข้าข่ายทุจริต ส่วนผู้เกี่ยวข้องจะหนีหรือไม่ ไม่เป็นกังวล หากกระทำผิดตำรวจต้องตามมาดำเนินคดี“กรณีตรวจสอบพระชั้นผู้ใหญ่ที่มีสมณศักดิ์สูงกว่าชั้นเทพคดีสีกากอล์ฟคือวัดในจังหวัดนครสวรรค์ที่เป็นชั้นธรรม ยังไม่มีระดับสูงกว่านี้ หากใครมีหลักฐาน ให้ส่งมา ยืนยันว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการเรื่องนี้ไม่มีข้อยกเว้น หากมีหลักฐานเดินหน้าได้ทุกเรื่อง มีผู้บังคับบัญชาคอยประคับประคองช่วยดูอยู่ วันนั้นข่าวลุกลามบานปลายทำให้ต้องออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงสยบข่าวไปช่วงหนึ่ง ยืนยันว่าไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย หน่วยงานปราบทุจริตทั้งหมดมารวมตัวกันอยู่แล้ว ใครผิดว่ากันไปตามผิด ขณะนี้มีเรื่องร้องเรียนเข้ามากว่า 200 เรื่อง ทั้งที่ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วและยังไม่เสร็จ ต้องตรวจสอบข้อมูลเพื่อคลี่คลายแก้ไขปัญหาเรื่องพระต่อไป” รอง ผบช.ก.กล่าวพล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวอีกว่า ในส่วนคดีสีกากอล์ฟแม้พระจะสึกไปแล้ว แต่เรายังต้องตรวจสอบว่าจะเข้าข้อหาอาญาทุจริตหรือไม่ จากการตรวจสอบ มีเส้นเงินที่พบเกี่ยวกับสีกากอล์ฟหลายเส้นเงิน พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งให้ตรวจสอบทุกวัดทุกรูป แม้ตรวจสอบไม่พบจากคลิปวิดีโอก็ให้ตรวจสอบด้วยทำคู่ขนานกันไปที่วัดนครสวรรค์ เช้าวันเดียวกัน นายเอกราช เสมาทอง รอง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครสวรรค์ นำทีมเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบเอกสารเกี่ยวกับบัญชีเงินเข้าออกของวัดนครสวรรค์กว่า 100 ฉบับ หลังเกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้จ่ายงบประมาณและพฤติกรรมของอดีตเจ้าอาวาส การตรวจสอบครั้งนี้นอกจากจะตรวจสอบการเงินภายในวัดแล้วยังตรวจสอบไปถึงการก่อสร้างพระพุทธศรีสัพพัญญู พระประธานขนาดใหญ่ตั้งอยู่ในพุทธอุทยาน ต.นครสวรรค์ออก อ.เมืองนครสวรรค์ ใช้เวลาก่อสร้างกว่า 15 ปีใช้เงินบริจาคและงบประมาณจำนวนมาก แต่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์เบื้องต้นเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ข้อมูลจากเอกสารการเงิน และรายละเอียดโครงการก่อสร้างดังกล่าว คาดว่าต้องใช้เวลาหลายวันเพื่อให้ได้ข้อมูลครบถ้วนรอบด้าน โดยเฉพาะหากพบเชื่อมโยงระหว่างงบประมาณวัดกับการใช้จ่ายในโครงการ พระรูปหนึ่งเปิดเผยสั้นๆว่า ขณะนี้เตรียมรวบรวมเอกสารหลักฐานต่างๆเพื่อชี้แจงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยืนยันว่าจะให้ความร่วมมือเต็มที่ ส่วนรายละเอียดขอให้เป็นหน้าที่ พศ.เป็นผู้ดำเนินการขณะที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครสวรรค์ยืนยันว่า จะดำเนินการตรวจสอบด้วยความเป็นธรรม โปร่งใส และรอบคอบ เพื่อสร้างความกระจ่างทุกประเด็นที่สังคมตั้งข้อสงสัย สร้างความเชื่อมั่นต่อพุทธศาสนิกชนในพื้นที่ต่อไป ด้านพระครูสุธีธรรมบัณฑิต, ดร. ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง กล่าวยืนยันว่า องค์พระสร้างเสร็จแล้ว แต่ทางเราไม่มีประสบการณ์สร้างพระมาก่อน ทำให้ปรับแล้วปรับอีกจึงส่งผลให้ไม่เสร็จสักทีต่อมาเวลา 16.00 น. พ.ต.อ.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผกก.4 บก.ปปป. นำกำลังพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) และตำรวจ สภ.เมืองนครสวรรค์ เข้าตรวจสอบเอกสารของวัดนครสวรรค์ รวมถึงบัญชีธนาคารต่างๆที่อดีตเจ้าอาวาสเข้าถึง พร้อมทั้งดูเอกสารการเบิกจ่ายเงินของแต่ละบัญชี ขอความร่วมมือกับทุกฝ่ายที่มีข้อมูลช่วยส่งมาให้ตรวจสอบเพื่อจะได้รีบสรุปสำนวนเวลา 17.30 น. พระครูสุธีธรรมบัณฑิต ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง เรียกประชุมพระลูกวัดเพื่อหาทางออก หลังเจ้าอาวาสลาสิกขา ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายต่างๆที่วัดต้องจ่ายภายภาคหน้า ขณะที่หลายเพจของร้านโมจิในจังหวัดนครสวรรค์ออกหนังสือชี้แจงเรื่องดังกล่าวว่า จากเหตุการณ์เกี่ยวกับการลาสิกขาของพระในจังหวัดนครสวรรค์ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับทางร้านเลย ไม่รู้ว่าข่าวออกมาลักษณะนี้ ได้อย่างไร ทำให้หลายร้านที่ทำโมจิเสื่อมเสียชื่อเสียง จึงออกมาชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจตรงกันต่อมาน้องสาวสีกา น. “เศรษฐินี” เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวระบุว่า พี่สาวย้ายออกจากบ้านหลังเดิมไปอยู่บ้านใหม่ใกล้มหาวิทยาลัยสงฆ์แล้วเกือบเดือนที่ผ่านมา ยอมรับว่าตกใจกับภาพข่าวพี่สาวถ่ายคู่อดีตเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ แต่ยังไม่ได้สอบถามรายละเอียดความสัมพันธ์ เท่าที่รู้พี่สาวอาศัยอยู่คนเดียวที่บ้านใหม่เนื่องจากสามีไปทำงานที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และลูกชายอยู่บ้านอีกหลัง หลังสามีไปทำงานต่างประเทศเมื่อ 10 ปีก่อนพี่สาวเริ่มหันมาทำบุญอย่างมาก เคยเห็นไปทำบุญทอดผ้าป่ากับอดีตเจ้าอาวาสหลายครั้ง ถึงบ้านช่วงกลางคืน แต่ไม่เคยกลับบ้านดึกขนาดนั้น ผู้สื่อข่าวเปิดภาพหญิงสาวชุดสีชมพูถ่ายคู่อดีตเจ้าอาวาสให้ดู น้องสาวยืนยันว่าเป็นพี่สาวไปทำบุญที่วัด มีคนในครอบครัวเป็นคนถ่าย ส่วนภาพผู้ชายสวมวิกยืนยันว่าคืออดีตเจ้าอาวาส แต่ไม่แน่ใจว่าผู้หญิงในภาพใช่พี่สาวหรือไม่ที่ตำหนักเพ็ชร วัดบวรนิเวศวิหาร นายชัชพล ไชยพร รักษาราชการแทน ผอ.สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม แถลงผลการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) ว่า ตามที่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก มีพระบัญชาให้ดำเนินการแก้ไขกฎ มส.เพื่อเร่งรัดการปฏิบัติต่อพระภิกษุที่ประพฤติผิดพระธรรมวินัย และเร่งรัดกระบวนการลงนิคหกรรม ในการนี้สมเด็จพระสังฆราชทรงพระกรุณาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองถวายความเห็นประกอบพระดำริการแก้ไขเพิ่มเติมกฎมหาเถรสมาคมฉบับที่ 11 พ.ศ.2521 ว่าด้วยการลงนิกคหกรรมและกฎมหาเถรสมาคมฉบับที่ 21 พ.ศ.2538 ว่าด้วยการให้พระภิกษุสละสมณเพศเมื่อวันที่ 18 ก.ค. ให้นำความกราบทูลถวายร่างกฎมหาเถร สมาคมฉบับเพิ่มเติมทั้ง 2 ฉบับเพื่อนำเข้ามหาเถร สมาคมครั้งนี้ อีกทั้งสมเด็จพระสังฆราชมีพระบัญชาให้ ศ.พิเศษธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษามหาเถรสมาคม เป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดต่อที่ประชุม มส.“ร่างกฎนิคหกรรมฉบับที่ 2 เพิ่มเติมหมวดวิธี ปฏิบัติกรณีมีความผิดที่มีหลักฐานชัดแจ้ง กรณีประพฤติผิดพระธรรมวินัยร้ายแรง กรณี พศ.รับรายงานจาก ตร.และปรากฏหลักฐานต้องอาบัติให้ พศ.นำเสนอผู้มีนำอำนาจส่งตรงเจ้าคณะปกครองเพื่อสั่งลงนิคหกรรม พิจารณาตั้งคณะกรรมการทำหนังสือลงนามเป็นหนังสือโดยให้ส่วนกลาง ผอ.พศ.หรือผู้มีอำนาจลงนาม ส่วนภูมิภาคให้ พศจ.เป็นผู้ลงนาม การดำเนินการต้องออกคำสั่งให้แล้วเสร็จภายใน 10 วัน นับแต่วันที่ พศ.เสนอลงนาม สมเด็จพระสังฆราชทรงมีพระวินิจฉัยแล้ว ที่ประชุมปรับถ้อยคำให้รัดกุมมากยิ่งขึ้น และให้ พศ.นำเสนอให้ ทรงลงพระนาม เผยแพร่ลงในแถลงการณ์คณะสงฆ์เสมือนราชกิจจานุเบกษาประกาศใช้เร็วๆนี้ ส่วนกรณีความผิดของพระสงฆ์ยังเป็นการพิจารณาของคณะสงฆ์ ไม่ใช่ฆราวาส ข้าราชการเป็นเพียงผู้มีส่วนกระชับกระบวนการเร่งรัดนำเสนอหลักฐานด้วยเทคนิคต่างๆ ที่เป็นความชำนาญของหน่วยงานภาครัฐต่างๆ” นายชัชพลกล่าวนายธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษามหาเถรสมาคม กล่าวว่า กฎการแก้ไขกฎมหาเถรสมาคมทั้ง 2 ฉบับประกาศใช้มานานแล้ว กรณีมีข้อกล่าวหากระทำความผิดพระธรรมวินัยยุคสมัยนั้น เป็นพยานบุคคลและเอกสาร กฎมีขั้นตอนต้องนำมาสู่สำนวนใช้เวลานาน เทียบเคียงความเป็นไปในกระบวนการฝ่ายบ้านเมืองมีชั้นต้น อุทธรณ์ ฎีกา กว่าจะมีข้อสรุป ใช้เวลาแรมปี ปัจจุบันโดยเฉพาะไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นที่ชัดเจนว่าพยานหลักฐานทั้งวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี คลิป แชต การบันทึกข้อมูลต่างๆ วิธีการสมัยใหม่เข้าสำนวนแต่ยังรักษาหลักการและผสมผสานกฎหมายแบบเก่าเข้าด้วยกัน เช่น อำนาจพิจารณาลงนิคหกรรมยังคงเป็นของคณะสงฆ์ พศ.และหน่วยงานรัฐไม่ใช่ผู้วินิจฉัย เป็นเพียงผู้สนับสนุนข้อมูล พยานหลักฐานมาจากหน่วยงานต่างๆ พศ.เป็นฝ่ายเลขารวบรวมข้อมูลให้คณะสงฆ์ มีกรอบเวลา หากสรุปความผิดมีหลักฐานแน่ชัดต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 10 วัน ไม่มีการยื่นอุทธรณ์ใดๆอีก“การแก้ไขนี้เพื่อแก้ไขคลายกังวลของชาวพุทธกรณีพระสงฆ์ เรื่องการมีพระภิกษุทำผิดศีลโทษถึงปาราชิกและความผิดอย่างร้ายแรง แต่เดิมกฎใช้มานานหลายสิบปีเป็นกฎที่ไม่ทันการณ์ เพราะพยานหลักฐานในเวลานั้น ปัจจุบันมีหลักฐานที่พิสูจน์ได้โดยเร็ว กระบวนการทำได้โดยกระชับ แต่หลักการตัดสินวินิจฉัยความผิดเป็นของคณะสงฆ์ไม่ใช่ฆราวาสให้อำนาจ พศ.เข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้น ในการประสานงานแสวงหาหลักฐานและข้อมูลความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และนำเสนอให้คณะสงฆ์พิจารณาตามกรอบเวลาไม่เกิน 10 วันกรณีปาราชิกหรือเสพเมถุน หากพระสงฆ์ทั่วไปทำความผิดพระธรรมวินัยให้นำหลักฐานเสนอเจ้าคณะภาค หากเป็นระดับมีตำแหน่งปกครองสงฆ์ ระดับพระสังฆาธิการให้เสนอต่อเจ้าคณะใหญ่ หากเป็นระดับชั้นพระราชาคณะให้เสนอต่อมหาเถรสมาคม จะทำให้กระบวนการต่างๆชัดเจนมากยิ่งขึ้น ร่างกฎที่ผ่าน มส.น่าจะมีผลใช้บังคับไม่นาน” ที่ปรึกษา มส.กล่าวอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่