กรณีอื้อฉาวของ “บุรุษทุศีล” จำนวนหนึ่งที่เข้ามาอาศัยร่มผ้ากาสาวพัสตร์สร้างความร่ำรวยให้แก่ตนเองแล้วก็ยังเสพเมถุนผิดศีลอย่างแรงที่เป็นข่าวใหญ่ในสื่อมวลชนเที่ยวนี้ นอกจากวัดใหญ่ในกรุงเทพมหานครแล้ว จังหวัดที่เป็นแหล่งเกิดเหตุจะอยู่ในอาณาบริเวณที่เรียกกันว่า “ภาคเหนือตอนล่าง” หรือ “ภาคกลางตอนบน” เสียเป็นส่วนมากเช่น จังหวัดพิจิตร, พิษณุโลก และล่าสุดก็คือ จังหวัดนครสวรรค์ หรือปากน้ำโพ บ้านเกิดถิ่นเก่าของผมนี่เองเมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมาก็มีข่าวแพร่สะพัดไปทั่วโซเชียลมีเดียทุกแขนงว่า “เจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์และ เจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์...ได้ขอลาออกจากตำแหน่งตั้งแต่ 18 กรกฎาคม และขอลาสิกขา (สึก) ณ พระอุโบสถวัดนครสวรรค์พระอารามหลวง เมื่อเวลา 23.49 น. วันเสาร์ที่ 19 กรกฎาคม”แม้รายล่าสุดนี้จะไม่เกี่ยวกับการมีเรื่องวุ่นวาย หรือพัวพันกับ “สีกากอล์ฟ” ที่เรียกกันในโซเชียลมีเดียว่า “พระตีกอล์ฟ” แต่ก็มีการกล่าวหาในลักษณะคล้ายๆกันว่า มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับสีการายหนึ่ง ส่งเงินปรนเปรอสีการายนั้นจนกลายเป็นเศรษฐินีหน้าใหม่ของจังหวัดในช่วงเวลาไม่กี่ปีลงท้ายแล้วเรื่องราวจะเป็นอย่างไร? ก็ฝากไว้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งมีขั้นมีตอนอยู่แล้วที่ผมอ่านข่าวนี้แล้วตัดสินใจหยิบมาเขียนทันทีก็ในฐานะที่เป็นคนนครสวรรค์และแน่นอนย่อมถือเป็น “ลูกศิษย์” คนหนึ่งของ วัดนครสวรรค์พระอารามหลวง วัดเก่าแก่วัดหนึ่งในประวัติศาสตร์ไทยที่คนนครสวรรค์เคารพ ศรัทธาและภาคภูมิใจเขียนเพื่อที่จะยืนยันความคิดที่ผมยึดมั่นมาตลอดทุกครั้งที่มีข่าวพระอื้อฉาวเกิดขึ้นในประเทศไทย...ว่าพระสงฆ์นั้นอย่างไรเสียก็เป็นปุถุชน หากตัดกิเลสตัณหาไม่ขาด ก็จะมีโทษทางพระธรรมวินัยอยู่แล้วการกระทำใดต้อง สังฆาทิเสส คือยังปลงอาบัติได้ เป็นพระต่อไปได้หลังปลงอาบัติหรือเข้าพิธีอยู่กรรมแล้ว และการกระทำใดบ้างที่ต้อง ปาราชิก ต้องพ้นจากความเป็นภิกษุทันทีมีการกล่าวถึงในรายละเอียดอยู่แล้วเช่นกันในทางการบริหารพระสงฆ์ท่านก็มีกฎกติกาและมีแนวทางปฏิบัติที่จะเลื่อนหรือสถาปนาพระภิกษุที่อยู่ในศีลในธรรมรูปอื่นๆขึ้นมาทดแทนต่อไปเพื่อให้พุทธศาสนาของเรายังคงไว้ซึ่ง “พระรัตนตรัย” พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ครบถ้วนเพราะฉะนั้นเมื่อท่านเจ้าอาวาสเดิมซึ่งเป็นถึงเจ้าคณะจังหวัดด้วย ท่านยังตัดกิเลสตัดตัณหาไม่ขาด ขอลาสิกขาไปก็ต้องทำใจ...อีก ไม่นานเราก็จะได้เจ้าคณะจังหวัดท่านใหม่และเจ้าอาวาสใหม่มาแทนแต่สิ่งที่จะยังคงอยู่คู่นครสวรรค์และประเทศไทยตลอดไปและไม่มีวันเปลี่ยนแปลงก็คือ หลวงพ่อศรีสวรรค์ พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองนครสวรรค์ ซึ่งเปรียบเสมือนตัวแทนของพระพุทธองค์ผู้ทรงตรัสรู้และ พระธรรม คำสอนพระองค์ท่านที่อยู่ในสมุดข่อยบ้างใน หนังสือต่างๆในตู้ธรรมะของวัดบ้างเหนืออื่นใด วัดนครสวรรค์พระอารามหลวง หรือ วัดหัวเมือง ที่ชาวบ้านเรียกขานนั้น ยังเป็นวัดแห่งประวัติศาสตร์ สร้างมาแล้วเกือบ 600 ปี มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่ากษัตริย์ทุกพระองค์ในสมัยอยุธยาจะต้องเสด็จมาแวะพักและสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ผมเองเมื่อครั้งเรียนหนังสืออยู่ที่นครสวรรค์เคยแวะมาไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในวัดบ่อยๆ...ทุกวันนี้เวลากลับบ้านหากผ่านเข้าตัวเมืองก็จะยกมือไหว้จากรถที่ผมนั่งด้วยความเคารพศรัทธาทุกครั้งไปขออนุญาตใช้โอกาสนี้กราบเรียนท่านผู้อ่านถ้ามีโอกาสไปนครสวรรค์หรือผ่านตัวเมืองนครสวรรค์วันใด อย่าลืมแวะกราบไหว้และเยี่ยมชมของเก่าของโบราณอันศักดิ์สิทธิ์ที่วัด นครสวรรค์พระอารามหลวงต่อไปเหมือนเดิมนะครับ.“ซูม”คลิกอ่านคอลัมน์ “เหะหะพาที” เพิ่มเติม