การเมืองอยู่ในหัวเลี้ยวหัวต่อ...ชั่วพริบตาเกมอำนาจอาจเปลี่ยนข้าง เปลี่ยนขั้ว ผมอ่านเจอเรื่องเสียงร้องไห้ในงานเลี้ยงฉลองชัย...จาก “งำประกาย กโลบายไร้ผู้ต่อต้าน” (เห่ง อู๋อั๊ง เขียน อธิคม สวัสดิญาณ แปล เต๋าประยุกต์ พิมพ์ พ.ศ.2553) อดใจไม่ได้ต้องเอาขยายต่อเสินหลงศก 1 (ค.ศ.705) สมัยถางจงจงฮ่องเต้ จักรพรรดินีบูเช็กเทียนประชวรหนัก ไม่สามารถดูแลราชการแผ่นดินได้อย่างแต่ก่อน ขุนนางใหญ่ กลุ่มจางเจี่ยนจือ หวนเยี่ยมฟ่าน วางแผนลับก่อกบฏ จัดการกังฉินราชสำนัก คนโปรดบูเช็กเทียน กลุ่มจางอี้จือ จางจงชาง ฯลฯเหยาฉง ขุนนางใหญ่ แต่ถูกกังฉินใส่ร้ายลดตำแหน่งแค้นฝังไว้ ได้โอกาสเข้าพวกกบฏ ฆ่าพวกกังฉินได้ ในงานเลี้ยงฉลองชัยชนะเหยาฉงก็ได้ขึ้นตำแหน่งเดิม บรรยากาศกำลังสนุกสนานครื้นเครงสุดเหวี่ยงแต่ก็มีเสียงร้องไห้ดังๆ ทุกคนในงานเลี้ยงหันไปมอง เห็นเหยาฉงคนร้องไห้หน้าหมองเศร้า หลายคนมีคำถาม“นี่คือเวลาดีอกดีใจ ไฉนท่านกลับหลั่งน้ำตา”“ถึงข้าเข้าร่วมกำจัดพวกกังฉิน” เหยาฉงตอบ “แต่ข้าไม่คิดว่า ข้าได้สร้างความชอบยิ่งใหญ่อะไรไว้”หลายคนนิ่งฟัง เหยาฉงอธิบาย “ข้าเคยปรนนิบัติรับใช้องค์จักรพรรดินีบูเช็กเทียนมานาน มาวันนี้มิได้รักษาคุณธรรม กลับทรยศกบฏต่อนายเก่า กระทำการอันเป็นภัยต่อพระองค์ข้าพึงภักดีต่อนายอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ข้าจึงรู้สึกไม่สบายใจ ยินดีรับโทษทัณฑ์นั้น”แน่ล่ะ เสียงร้องไห้ในหมู่ขุนนางผู้ชนะ เป็นปรากฏการณ์ผิดกาลเทศะ เป็นประเด็นคาใจ จึงมีคนมากมายจดจำเล่าขาน แพร่หลายออกไปวงนอกไม่ว่าใครฝ่ายไหนจะคิดอย่างไร แต่นี่เป็นความในใจเหยาฉง หลังก่อกบฏเขาครุ่นคิดไตร่ตรองมาโดยตลอด สองคนแซ่จางที่ถูกสังหาร เป็นคนสนิทของบูเช็กเทียน แต่อู่ซานซือ พวกอีกคนยังอยู่ในตำแหน่งทั้งเขี้ยวเล็บคนแซ่จางทั้งสอง ก็ยังหลงเหลืออยู่ในราชสำนักอีกไม่น้อยหากมีสักวันที่คนพวกนี้ได้ตีโต้กลับ ถึงตอนนั้น พวกพ้องฝ่ายก่อกบฏวันนี้คงจะรักษาชีวิตไว้ได้ยากสถานการณ์นี้เปรียบข้าวสารที่หุงเป็นข้าวสุกไปแล้ว ก็มีแต่ต้องป้องกันไว้ก่อนยังพอมีวิธีเดียว ที่เหยาสงเสแสร้งทำ คือสำนึกเสียใจ ทำเท็จให้เป็นจริง เพื่อหลอกอู่ซานซือ ศัตรูผู้ยังมีอำนาจไม่นาน...คำพูดผิดกาลเทศะของเหยาฉง ก็กระพือไปเข้าหูอู่ซานซือ เขาเชื่อสนิทว่าเหยาฉงยังพอมีน้ำใจต่อจักรพรรดินีบูเช็กเทียนอยู่บ้างและการเมืองต่อมาก็พลิกผันไปตามที่เหยาฉงคาดหมาย อู่ซานซือได้ขึ้นครองอำนาจยิ่งใหญ่ พวกขุนนางที่ร่วมก่อกบฏครั้งนั้น ล้วนแต่ถูกปองร้ายสังหารยกเว้นเหยาฉง คนเดียวที่รอดเรื่องของเหยาฉงจบแค่นี้ ผมย้อนไปดูสารบัญ หนังสืองำประกาย กโลบายไร้ผู้ต่อต้าน เห่ง อู๋อั๊ง ผู้เขียน ลำดับไว้ในบทที่ 7 ชื่อ พลังลึกล้ำชื่อวิชา พลังลึกล้ำ ขรึมขลังฟังแล้วเลื่อมใส ขงเบ้งในสามก๊ก เจนจบวิชานี้ จนได้ชื่อผู้หยั่งรู้ดินฟ้ามีสามหัวข้อใหญ่ 1 สร้างเสริมเจตจำนง 2 ศึกษาเล่าเรียน เริ่มตั้งแต่การศึกษาความรู้ในตำรา ศึกษาวิชาความรู้เฉพาะทาง ศึกษาจากสังคม ข้อ 3 ครุ่นคิดไตร่ตรองและเมื่อเวลามาถึง ก็ต้องประสานการครุ่นคิดไตร่ตรอง กับการศึกษาเข้าด้วยกันขุนนางใหญ่ผ่านประสบการณ์หลากหลาย อย่างเหยาฉง ประสานการศึกษากับการครุ่นคิดไตร่ตรอง เอาชีวิตตัวและครอบครัวรอดปลอดภัยได้ ไม่ว่าการเมืองจะพลิกผันไปทางไหนวิชานี้ไม่มีลิขสิทธิ์ ใครก็ใช้ได้ สถานการณ์เข้มข้นคับขัน แต่ถ้าใช้ไม่เป็น ก็เป็นงูเห่าไปซีคุณ.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม