รัฐบาลสั่งลุยต่อ ขุดรากถอนโคน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลังออกหมาย จับแก๊ง “ก๊กอาน” คงเข้มตัดน้ำ ตัด ไฟฟ้า อินเตอร์เน็ตหวังตัดวงจร ด้านจเรตำรวจเผยไทยผนึกกำลังประชาคมโลกปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์ในกัมพูชา เมียนมาและลาว นำองค์กรระหว่างประเทศ อาทิ UNODC INTERPOL FBI มาร่วมปฏิบัติ คาดเห็นผลใน 3 เดือน ยัน “ก๊กอาน” เป็นเจ้าของอาคารที่เป็นฐานปฏิบัติการแก๊งคอลฯในเมืองปอยเปต แม้ยังไม่สามารถจับตัวได้ในไทย แต่ได้ประสานตำรวจสากลขอออก “หมายแดง” ไล่ล่าจับ เผยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมืองปอยเปตขยายตัวอย่างรวดเร็วเขตชายแดนติดเวียดนาม มีแก๊งชาวจีนเป็นผู้บริหารจัดการ ส่วนข่าวก๊กอาน ถือสัญชาติไทยถือบัตรประชาชนไทยเป็นข่าวปลอม ด้านการลุยยึดทรัพย์ “ก๊กอาน” ยังไม่พบโยงข้าราชการและนักการเมืองไทยที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเมื่อบ่ายวันที่ 10 ก.ค. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจ ในฐานะ ผอ.ศปอส.ตร.และหัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจ UNODC ต่อต้านอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ แถลงถึงปัญหาอาชญากรรมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีที่ตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ กัมพูชา เมียนมาและลาว เนื่องจากไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์ทางการบินที่สำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีเที่ยวบินจากทั่วโลกเข้ามา กลุ่มคนร้ายอาศัยช่องว่างเข้ามาไทยในฐานะนักท่องเที่ยว เดินทางต่อไปยังบริเวณแนวชายแดนแล้วลักลอบข้ามไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านของไทย หรือใช้ช่องทาง หลอกคนข้ามไปทำงานกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แม้ไทยจะมีมาตรการตัดไฟ ตัดอินเตอร์เน็ตและงดส่งน้ำมันไปยังแนวชายแดนสหภาพเมียนมาที่ติดกับไทยยังมีกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์จำนวนหนึ่งหลบซ่อน และตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองเมียวดี จะต้องมีมาตรการในการดำเนินการต่อไปพล.ต.อ.ธัชชัยกล่าวต่อว่า ในส่วนประเทศกัมพูชา พบมีการขยายตัวของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ส่วนใหญ่อยู่ในเมืองปอยเปตและขยายตัวอย่างรวดเร็วในเขตชายแดนติดกับประเทศเวียดนามมีแก๊งชาวจีนเป็นผู้บริหารจัดการ ได้รับความคุ้มครองจากผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ที่ผ่านมาพบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ขยายตัวจากกัมพูชาเข้ามาไทยบางส่วน ถูกทางการไทยกวาดล้างจับกุม แก๊งคอลเซ็นเตอร์เหล่านี้มุ่งหลอกคนชาติอื่น อาทิ ออสเตรเลีย เวียดนาม เกาหลี จีนจเรตำรวจกล่าวต่อว่า ยุทธศาสตร์ ศปอส.ตร. ร่วมกับ ฉก.88 และ UNODC กำหนดยุทธศาสตร์ “ผนึกกำลังประชาคมโลก ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์” 5 ด้านหลักๆ อาทิ ทำลายโครงสร้างพื้นฐาน ตัดไฟฟ้าและอินเตอร์เน็ตของอาคารที่เป็นฐานปฏิบัติการ ตัดเครือข่ายนำพา ปิดกั้นเพจโฆษณาจัดหางาน เพจหาบัญชีม้าและคริปโตฯ รวมถึงกลุ่มนำพาข้ามแดน บังคับใช้กฎหมายและยึดทรัพย์ จัดตั้งศูนย์บริหารฉับพลันเหตุการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติไทย โดยมีองค์กรระหว่างประเทศ เช่น UNODC INTERPOL และ FBI ร่วมเป็นศูนย์กลางในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและปฏิบัติการร่วมกัน คาดว่ายุทธศาสตร์นี้จะเห็นผลความคืบหน้าภายใน 3 เดือนในส่วนความคืบหน้าการดำเนินคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์เครือข่าย “ก๊กอาน” จเรตำรวจกล่าวว่า เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้น 20 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ สมุทรปราการ และชลบุรี ยึดเงินสด 27 ล้านบาท รถยนต์หรู เอกสารสำคัญ รวมมูลค่าทรัพย์สินกว่า 1,100 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องเพิ่ม จะมีการยึดทรัพย์ต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ ข้อมูลหลักฐานที่ใช้ในการขอหมายศาลมีความชัดเจน ทั้งจากการสืบสวนของตำรวจไทยและจาก FBI ยืนยันว่า “ก๊กอาน” เป็นเจ้าของอาคารหลายแห่งที่ใช้เป็นฐานปฏิบัติการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมืองปอยเปต แม้ยังไม่สามารถจับกุมก๊กอาน ได้ในไทย แต่ประสานไปยังตำรวจสากล ขอออกหมายแดงไล่ล่าตัวอย่างเป็นทางการ ส่วนกระแสข่าวก๊กอานเป็นพลเมืองไทยถือบัตรประชาชนไทยนั้นเป็นข่าวปลอม ยืนยันว่า ก๊กอานถือสัญชาติกัมพูชาเพียงชาติเดียวพล.ต.อ.ธัชชัยกล่าวอีกว่า แม้จะไม่สามารถยืนยันความสัมพันธ์กับผู้นำระดับสูงของกัมพูชาได้ ทราบแน่ชัดว่าก๊กอานเป็นนักธุรกิจที่มีตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา เป็นเจ้าของอาคารที่ใช้เป็นฐานปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลายแห่งในเมืองปอยเปต ขณะนี้ยังไม่พบความเชื่อมโยงของก๊กอาน กับนักการเมืองหรือข้าราชการไทย อยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผล สั่งการให้ตำรวจไซเบอร์เร่งดำเนินการให้เสร็จภายในสัปดาห์นี้ เพื่อป้องกันการหลบหนีและเคลื่อนย้ายทรัพย์สิน นอกจากนี้ยังพบข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับบริษัท “ฮุยวัน กรุ๊ป” บริษัทแลกเปลี่ยนเงินคริปโตฯในกัมพูชา ที่ถูกระบุว่าเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินของแก๊งคอลเซ็นเตอร์และถูกทางการสหรัฐฯขึ้นบัญชีดำ ล่าสุดได้หารือร่วมกับอินเตอร์โพล วางแผนปราบปรามขบวนการฟอกเงินผ่านบริษัทลักษณะเดียวกันอีกหลายแห่งในกัมพูชา มี 196 ประเทศร่วมมือกันอย่างจริงจัง ส่วนกรณี สส.รังสิมันต์ โรม เปิดเผยว่า “เฮียตือ” อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับก๊กอาน ขณะนี้ยังไม่พบหลักฐานยืนยันในทางคดี ตำรวจจะสืบสวนตามพยานหลักฐานต่อไปพล.ต.อ.ธัชชัยย้ำอีกว่าขบวนการคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่ปอยเปต มีความเชื่อมโยงชัดเจนกับเครือข่ายของก๊กอาน ที่เป็นหนึ่งในกลุ่มที่ใหญ่ที่สุด เชื่อมั่นว่าทางการกัมพูชาเองก็ต้องการกวาดล้างขบวนการเหล่านี้เช่นกัน แรงกดดันจากสังคมจะผลักดันให้เกิดการปราบปรามอย่างจริงจัง ขอเรียกร้องให้ประชาชนไทยมีส่วนร่วมป้องกันโดยการไม่ตกเป็นเหยื่อ ช่วยเป็นหูเป็นตา เพราะการหลอกลวงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังคงดำเนินอยู่ ต้องแก้ปัญหาที่ต้นตอและสร้างภูมิคุ้มกันให้สังคมด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามข้อสั่งการนายกฯ เมื่อ 3 เดือนที่แล้วให้ดำเนินการจับกุมผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์และผู้ที่อยู่เบื้องหลัง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) ได้ดำเนินการเข้มข้นจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์และผู้อยู่เบื้องหลังอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมีการออกหมายจับ “ก๊กอาน” เจ้าพ่อบ่อนปอยเปต กัมพูชา ข้อหามีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ แหล่งฟอกเงินและได้บุกค้น 19 จุด ใน กทม. สมุทรปราการ ชลบุรี รัฐบาลได้ให้นโยบายปราบปรามอย่างเข้มข้นต่อไป คาดว่าภายในเดือนนี้ จะทลายแหล่งตัวการสำคัญเพิ่มเติมนอกเหนือจากกลุ่มนี้ ส่วนนโยบายการตัดน้ำตัดไฟฟ้าและระบบสื่อสารอินเตอร์เน็ต รัฐบาลยังคงไว้ทั้งฝั่งตะวันตกและตะวันออก เพื่อตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต่อไป ขณะที่การประสานงานข้อมูลจากองค์การสหประชาชาติ UNOCS และองค์การนิรโทษกรรมสากล ที่ระบุกัมพูชาเป็นแหล่งคอลเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ระดับโลกนั้น รัฐบาลไทยจะประสานงานกับทุกประเทศเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหานี้อย่างเป็นรูปธรรมต่อไปรัฐบาลสั่งลุยต่อ ขุดรากถอนโคน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลังออกหมาย จับแก๊ง “ก๊กอาน” คงเข้มตัดน้ำ ตัด ไฟฟ้า อินเตอร์เน็ตหวังตัดวงจร ด้านจเรตำรวจเผยไทยผนึกกำลังประชาคมโลกปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์ในกัมพูชา เมียนมาและลาว นำองค์กรระหว่างประเทศ อาทิ UNODC INTERPOL FBI มาร่วมปฏิบัติ คาดเห็นผลใน 3 เดือน ยัน “ก๊กอาน” เป็นเจ้าของอาคารที่เป็นฐานปฏิบัติการแก๊งคอลฯในเมืองปอยเปต แม้ยังไม่สามารถจับตัวได้ในไทย แต่ได้ประสานตำรวจสากลขอออก “หมายแดง” ไล่ล่าจับ เผยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมืองปอยเปตขยายตัวอย่างรวดเร็วเขตชายแดนติดเวียดนาม มีแก๊งชาวจีนเป็นผู้บริหารจัดการ ส่วนข่าวก๊กอาน ถือสัญชาติไทยถือบัตรประชาชนไทยเป็นข่าวปลอม ด้านการลุยยึดทรัพย์ “ก๊กอาน” ยังไม่พบโยงข้าราชการและนักการเมืองไทยที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเมื่อบ่ายวันที่ 10 ก.ค. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจ ในฐานะ ผอ.ศปอส.ตร.และหัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจ UNODC ต่อต้านอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ แถลงถึงปัญหาอาชญากรรมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีที่ตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ กัมพูชา เมียนมาและลาว เนื่องจากไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์ทางการบินที่สำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีเที่ยวบินจากทั่วโลกเข้ามา กลุ่มคนร้ายอาศัยช่องว่างเข้ามาไทยในฐานะนักท่องเที่ยว เดินทางต่อไปยังบริเวณแนวชายแดนแล้วลักลอบข้ามไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านของไทย หรือใช้ช่องทาง หลอกคนข้ามไปทำงานกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แม้ไทยจะมีมาตรการตัดไฟ ตัดอินเตอร์เน็ตและงดส่งน้ำมันไปยังแนวชายแดนสหภาพเมียนมาที่ติดกับไทยยังมีกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์จำนวนหนึ่งหลบซ่อน และตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองเมียวดี จะต้องมีมาตรการในการดำเนินการต่อไปพล.ต.อ.ธัชชัยกล่าวต่อว่า ในส่วนประเทศกัมพูชา พบมีการขยายตัวของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ส่วนใหญ่อยู่ในเมืองปอยเปตและขยายตัวอย่างรวดเร็วในเขตชายแดนติดกับประเทศเวียดนามมีแก๊งชาวจีนเป็นผู้บริหารจัดการ ได้รับความคุ้มครองจากผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ที่ผ่านมาพบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ขยายตัวจากกัมพูชาเข้ามาไทยบางส่วน ถูกทางการไทยกวาดล้างจับกุม แก๊งคอลเซ็นเตอร์เหล่านี้มุ่งหลอกคนชาติอื่น อาทิ ออสเตรเลีย เวียดนาม เกาหลี จีนจเรตำรวจกล่าวต่อว่า ยุทธศาสตร์ ศปอส.ตร. ร่วมกับ ฉก.88 และ UNODC กำหนดยุทธศาสตร์ “ผนึกกำลังประชาคมโลก ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์” 5 ด้านหลักๆ อาทิ ทำลายโครงสร้างพื้นฐาน ตัดไฟฟ้าและอินเตอร์เน็ตของอาคารที่เป็นฐานปฏิบัติการ ตัดเครือข่ายนำพา ปิดกั้นเพจโฆษณาจัดหางาน เพจหาบัญชีม้าและคริปโตฯ รวมถึงกลุ่มนำพาข้ามแดน บังคับใช้กฎหมายและยึดทรัพย์ จัดตั้งศูนย์บริหารฉับพลันเหตุการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติไทย โดยมีองค์กรระหว่างประเทศ เช่น UNODC INTERPOL และ FBI ร่วมเป็นศูนย์กลางในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและปฏิบัติการร่วมกัน คาดว่ายุทธศาสตร์นี้จะเห็นผลความคืบหน้าภายใน 3 เดือนในส่วนความคืบหน้าการดำเนินคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์เครือข่าย “ก๊กอาน” จเรตำรวจกล่าวว่า เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้น 20 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ สมุทรปราการ และชลบุรี ยึดเงินสด 27 ล้านบาท รถยนต์หรู เอกสารสำคัญ รวมมูลค่าทรัพย์สินกว่า 1,100 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องเพิ่ม จะมีการยึดทรัพย์ต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ ข้อมูลหลักฐานที่ใช้ในการขอหมายศาลมีความชัดเจน ทั้งจากการสืบสวนของตำรวจไทยและจาก FBI ยืนยันว่า “ก๊กอาน” เป็นเจ้าของอาคารหลายแห่งที่ใช้เป็นฐานปฏิบัติการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมืองปอยเปต แม้ยังไม่สามารถจับกุมก๊กอาน ได้ในไทย แต่ประสานไปยังตำรวจสากล ขอออกหมายแดงไล่ล่าตัวอย่างเป็นทางการ ส่วนกระแสข่าวก๊กอานเป็นพลเมืองไทยถือบัตรประชาชนไทยนั้นเป็นข่าวปลอม ยืนยันว่า ก๊กอานถือสัญชาติกัมพูชาเพียงชาติเดียวพล.ต.อ.ธัชชัยกล่าวอีกว่า แม้จะไม่สามารถยืนยันความสัมพันธ์กับผู้นำระดับสูงของกัมพูชาได้ ทราบแน่ชัดว่าก๊กอานเป็นนักธุรกิจที่มีตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา เป็นเจ้าของอาคารที่ใช้เป็นฐานปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลายแห่งในเมืองปอยเปต ขณะนี้ยังไม่พบความเชื่อมโยงของก๊กอาน กับนักการเมืองหรือข้าราชการไทย อยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผล สั่งการให้ตำรวจไซเบอร์เร่งดำเนินการให้เสร็จภายในสัปดาห์นี้ เพื่อป้องกันการหลบหนีและเคลื่อนย้ายทรัพย์สิน นอกจากนี้ยังพบข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับบริษัท “ฮุยวัน กรุ๊ป” บริษัทแลกเปลี่ยนเงินคริปโตฯในกัมพูชา ที่ถูกระบุว่าเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินของแก๊งคอลเซ็นเตอร์และถูกทางการสหรัฐฯขึ้นบัญชีดำ ล่าสุดได้หารือร่วมกับอินเตอร์โพล วางแผนปราบปรามขบวนการฟอกเงินผ่านบริษัทลักษณะเดียวกันอีกหลายแห่งในกัมพูชา มี 196 ประเทศร่วมมือกันอย่างจริงจัง ส่วนกรณี สส.รังสิมันต์ โรม เปิดเผยว่า “เฮียตือ” อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับก๊กอาน ขณะนี้ยังไม่พบหลักฐานยืนยันในทางคดี ตำรวจจะสืบสวนตามพยานหลักฐานต่อไปพล.ต.อ.ธัชชัยย้ำอีกว่าขบวนการคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่ปอยเปต มีความเชื่อมโยงชัดเจนกับเครือข่ายของก๊กอาน ที่เป็นหนึ่งในกลุ่มที่ใหญ่ที่สุด เชื่อมั่นว่าทางการกัมพูชาเองก็ต้องการกวาดล้างขบวนการเหล่านี้เช่นกัน แรงกดดันจากสังคมจะผลักดันให้เกิดการปราบปรามอย่างจริงจัง ขอเรียกร้องให้ประชาชนไทยมีส่วนร่วมป้องกันโดยการไม่ตกเป็นเหยื่อ ช่วยเป็นหูเป็นตา เพราะการหลอกลวงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังคงดำเนินอยู่ ต้องแก้ปัญหาที่ต้นตอและสร้างภูมิคุ้มกันให้สังคมด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามข้อสั่งการนายกฯ เมื่อ 3 เดือนที่แล้วให้ดำเนินการจับกุมผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์และผู้ที่อยู่เบื้องหลัง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) ได้ดำเนินการเข้มข้นจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์และผู้อยู่เบื้องหลังอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมีการออกหมายจับ “ก๊กอาน” เจ้าพ่อบ่อนปอยเปต กัมพูชา ข้อหามีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ แหล่งฟอกเงินและได้บุกค้น 19 จุด ใน กทม. สมุทรปราการ ชลบุรี รัฐบาลได้ให้นโยบายปราบปรามอย่างเข้มข้นต่อไป คาดว่าภายในเดือนนี้ จะทลายแหล่งตัวการสำคัญเพิ่มเติมนอกเหนือจากกลุ่มนี้ ส่วนนโยบายการตัดน้ำตัดไฟฟ้าและระบบสื่อสารอินเตอร์เน็ต รัฐบาลยังคงไว้ทั้งฝั่งตะวันตกและตะวันออก เพื่อตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต่อไป ขณะที่การประสานงานข้อมูลจากองค์การสหประชาชาติ UNOCS และองค์การนิรโทษกรรมสากล ที่ระบุกัมพูชาเป็นแหล่งคอลเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ระดับโลกนั้น รัฐบาลไทยจะประสานงานกับทุกประเทศเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหานี้อย่างเป็นรูปธรรมต่อไปอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่